“เป็นผู้หญิงของฉัน เธออยากได้อะไรฉันจะให้ทุกอย่าง...บ้านคอนโด รถหรู หรือแม้แต่พวกข้าวของแบรนด์เนม ฉันจะหามาให้ขอแค่เธอเอ่ยปากร้องขอ”
สิงหราชยื่นข้อเสนออย่างคนที่มีอำนาจและถือไพ่เหนือกว่า โดยไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้คนฟังรู้สึกเคืองไม่น้อยกับคำพูดที่คล้ายกำลังดูหมิ่นดูแคลน
ด้วยความหมั่นใส้และไม่พอใจลึกๆ เท้าเล็กจึงยกขึ้นแล้วกระทืบลงมาหนักๆ บนเท้าของสิงหราชอย่างจัง
“โอ๊ย! ยัยเด็กบ้า มันเจ็บนะ!” เสียงทุ้มร้องขึ้นเสียงหลงจากการถูกเท้าเล็กกระแทกลงมาที่เท้าอย่างจัง ใบหน้าหล่อมีสีหน้าเหยเกความเจ็บปวด
เขาถลึงตาใส่หญิงสาวตัวเล็ก แต่พิษสงไม่น้อยเลยด้วยสายตาเอาเรื่อง
“คุณอย่ามาดูถูกกันนะ นะ...หนู...” เสียงหวานเอ่ยตอบน้ำเสียงอ้อมแอ้มและเสียงนั่นแทบจะเบาหวิวในประโยคต่อมา “มะ..ไม่ได้ต้องการข้าวของพวกนั้นสักหน่อย”
ขณะดวงตาคู่สวยเมื่อก่อนหน้านี้เคยมีความหนักแน่น เริ่มเอนเอียงแฝงความลังเลตามข้อเสนอของชายหนุ่ม
สิงหราชถอยตัวออกห่างจากคนตัวเล็กอย่างหมดอารมณ์สนุก “เออไม่เป็นก็ไม่ต้องเป็น จะไปไหนก็ไปเลย” พูดจบก็หมุนตัวจะเดินหนี
ทว่าในเสี้ยววินาทีกลับถูกมือเล็กคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน จึงต้องหยุดยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาหันกลับมามองดวงหน้าหวานที่ยืนจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยแววตาวูบไหลระคนลังเล เพียงเท่านั้นมุมปากหนาก็กระตุกยิ้มอย่างเป็นต่ออีกครั้ง
“เปลี่ยนจากของพวกนั้นเป็นช่วยส่งเสียเลี้ยงดูหนูจนกว่าหนูจะเรียนจบได้มั้ยคะ”
“ฮะ” สิงหราชดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับร้องโพล่งขึ้นอย่างตกใจ รีบสะบัดมือเล็กทิ้งแล้วดีดตัวออกห่างคนตัวเล็กราวกับเธอเป็นของร้อน
“นี่!...เธอยังเรียนอยู่เหรอ”
พรพิรุณเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง แม้จะรักศักดิ์ศรีแต่อย่างไรก็ต้องห่วงความปลอดภัยของตัวเองก่อน มิหนำซ้ำตอนนี้เธอเองก็ไม่มีอะไรจะเสียให้เขาด้วย เพราะอย่างนั้นขอเธอเก็บดอกจากเขาคืนให้คุ้ม ดีกว่าเสียตัวให้เขาไปฟรีๆ
สิงหราชถึงกับมีสีหน้าตีกันยุ่ง จนต้องยกมือขึ้นนวดคลึงขมับคลายความเครียด จากตอนแรกคิดแค่ว่าหญิงสาวแค่หน้าเด็กอย่างเดียว แต่ที่ไหนได้ เธอกลับมาขอให้เขาส่งเสียเลี้ยงดูจนจบ คนที่ตั้งปณิธานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเด็กลมแทบจับ
“คุณ...ตกลงหรือเปล่าคะ” เสียงหวานทวงถาม
สรุปใครกันแน่ที่เป็นต่ออยู่ในตอนนี้...สิงหราชร้องถามตัวเองในใจด้วยความงุนงง เขามองดวงหน้าหวานอีกครั้งอย่างพิจารณา
“เรียนอยู่อนุบาลไหนแล้ว”
พรพิรุณถลึงตาใส่คนถามกวนประสาท แล้วแว้ดใส่เขาเสียงดังฟังชัด “ปีสี่ค่ะ ปีนี้เรียนอยู่ปีสี่ หนูไม่ใช่เด็กอนุบาล!” เว้นวรรคประโยคด้วยความชัดถ้อยชัดคำ
สิงหราชลอบถอนหายใจยาวเหยียดอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว เออดี รอดคุกมานิดเดียวเองไอ้สิงห์เอ๊ย แล้วทำหน้าจริงจังอีกครั้ง
“ตกลง” เขาเอ่ยตอบไปโดยไม่คิดลังเลอีก “แต่เรื่องของเราจะเป็นความลับ เธอไม่มีสิทธิ์มาแสดงความเป็นเจ้าของฉันเด็ดขาด”
พรพิรุณมองคนตรงหน้าจริงจังเช่นกัน “ได้ค่ะ หนูก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เหมือนกัน”
เพราะรู้ว่าสิ่งที่เรียกร้องจากเขานั้น มันไม่ได้ดูน่าภูมิใจอะไรสักเท่าไร
สิงหราชรู้สึกพึงพอใจที่คนตัวเล็กยอมรับข้อตกลงของเขาง่ายดาย
“และที่สำคัญ...ความสัมพันธ์ของเราสองคนจะต้องไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อไรที่ฉันหรือเธอเจอคนรักเป็นของตัวเอง ความสัมพันธ์นี้จะจบลงทันที”
เขาเลือกจะไม่ผูกมัดทั้งเธอและเขาไว้กับความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืน เมื่อใดที่คนใดคนหนึ่งเจอคนที่ใช่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือเขาเมื่อนั้นจะคืนอิสระให้กันทันที
พรพิรุณเม้มปากแน่นกับข้อตกลงต่อมา เธอมองใบหน้าหล่อไร้ซึ่งความรู้สึกครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงออกไป
“หนูยอมรับข้อเสนอทุกอย่าง คุณสิงห์เองก็ต้องทำตามคำพูดของตัวเองด้วยเหมือนกัน”
สิงหราชมีอาการหายใจสะดุดเล็กน้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนพยักหน้ารับคำของหญิงสาว
“ตามนั้น”
พรพิรุณพยักหน้าช้าๆ แล้วต้องขืนตัวเองไว้ เมื่ออยู่ๆ ร่างสูงก็จับมือจะพาเดินไปยังลิฟต์
“เอ๊ะ! คุณสิงห์จะพาหนูไปไหนคะ” เธอขมวดคิ้วมองเขาเป็นเชิงถาม
สิงหราชถอนหายใจกับคนช่างถาม พลางหันหลังกลับมาหาคนตัวเล็กอีกครั้ง “ก็จะพาไปเก็บของมาอยู่กับฉันไง” เขาตอบกลับเสียงเรียบและหน้าตาย
พรพิรุณเอียงหน้าเล็กน้อย หัวคิ้วชนกันจนยุ่งเหยิง
“เธอจะอยู่รอให้พวกมันตามมาทำร้ายเหมือนอย่างเมื่อคืนอีกหรือยังไง”
คำตอบจากชายหนุ่มตัวสูงทำให้เธอเข้าใจเป็นอย่างดี ก่อนจะยอมเดินตามหลังเขาไปอย่างว่าง่าย โดยที่มือของเธอถูกมือหนาจับกุมไว้ตลอดการเดินไปที่รถยนต์
พรพิรุณกวาดสายตามองรอบๆ ห้องและเดินฝ่าข้าวของที่ตกกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นด้วยความหดหู่ใจ ดวงตาคู่หวานมีประกายน้ำใสๆ กับสิ่งที่พบเจอ ไม่รู้ว่าสวรรค์ไม่รักหรือยังไง ถึงได้จงใจกลั่นแกล้งให้พบเจอแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามาในชีวิตตลอดเวลาเช่นนี้
ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน สิ่งแรกที่เห็นแล้วสร้างความเศร้าสลดเป็นอย่างมาก คงเป็นโน้ตบุ๊กคู่ใจที่ตอนนี้มีสภาพยับเยินจนแทบไม่เหลือสภาพเดิมอีกแล้ว
สิงหราชเดินตามหลังหญิงสาวเข้ามาในห้อง เขาหยุดมองคนที่นั่งกอดโน้ตบุ๊กร้องห่มร้องไห้จนต้องเบือนหน้าหนี ดวงตาคู่คมหลับตาลงแล้วพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา อึดใจต่อมาจึงลืมตาขึ้นมาจ้องหญิงสาวอีกครั้ง
“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่...” เพราะทนเห็นภาพร่างบางร้องไห้สั่นเทาไม่ได้จริงๆ แต่ก็ไม่รู้วิธีว่าจะปลอบใจหญิงสาวยังไงดี
พรพิรุณแหงนหน้าขึ้นมองคนที่บอกว่าจะซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ให้ แล้วก้มหน้าลงตามเดิม มองของเก่าที่อยู่ในมือด้วยความเศร้า เพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจกับเธอมากๆ
“แม่ซื้อให้เป็นของขวัญตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่นเทา
และนี่เป็นสาเหตุที่เธอดูแลรักษามันเป็นอย่างดีโดยตลอดและถึงได้เสียใจมากๆ ที่มันอยู่ในสภาพใช้การไม่ได้อีกแล้ว
หลังมือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินเอาโน้ตบุ๊กสุดรักสุดหวง วางบนเตียงนอนอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเก็บเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นใส่กระเป๋าเงียบๆ คนเดียว
สิงหราชมองคนตัวเล็กสลับกับโน้ตบุ๊กสิ้นสภาพเจ้าปัญหา แล้วเดินมานั่งรอที่ปลายเตียง มองดูหญิงสาวเจ้าของห้องเก็บของใส่กระเป๋าโดยไม่ได้ถามไถ่อะไรออกมาอีก
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง พรพิรุณก็เก็บของจนเรียบร้อยแล้ว เธอเดินลากกระเป๋ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงที่ยังคงจับจ้องอยู่
“เสร็จแล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา
สิงหราชพยักหน้าแล้วหันไปมองโน้ตบุ๊กที่วางอยู่ข้างกายอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็ก “แล้วจะเอายังไงกับมันต่อ”
พรพิรุณมองโน้ตบุ๊กของตัวเองอีกครั้งด้วยใบหน้าหงอยๆ แล้วละสายตามามองใบหน้าหล่อ “มันพังแล้ว ไม่น่าจะซ่อมได้แล้วค่ะ” แม้จะเศร้าเสียใจ แต่ก็ต้องตัดใจด้วยความอาลัยอาวรณ์
“คุณสิงห์จะให้หนูไปอยู่ที่ไหนคะ”
เธอเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเศร้าเสียใจนาน จับจ้องใบหน้าหล่ออย่างสงสัย เพราะยังไม่รู้ว่าจะต้องไปอยู่กับเขาที่ไหน
สิงหราชยืนเต็มความสูง ยื่นมือออกไปเกลี่ยน้ำตาที่คั่งค้างอยู่บนแก้มนวลออกให้อย่างเบามือ ก่อนจะลดลงมาจับกุมมือเล็กข้างหนึ่งไว้ มืออีกข้างก็เอื้อมไปถือกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวให้ แล้วจึงพาเดินออกจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
วิกเตอร์กระทุ้งศอกใส่สีข้างของภวัต ขณะที่เดินตามหลังผู้เป็นเจ้านายออกจากห้อง บอดีการ์ดทั้งสองหันมามองหน้ากันยิ้มๆ แม้จะยังแอบแปลกใจอยู่บ้างก็ตาม