นิ้วเรียวสวยสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดสายตาอ่านประวัติของสิงหราชผ่านเว็บไซต์ออนไลน์เว็บไซต์หนึ่งซ้ำๆ ไปมาอยู่นานแล้ว
“ดูอะไรของแกวะฝน” รุ่งรวินที่นั่งทำงานอยู่ต้องละสายตาจากจอโน้ตบุ๊ก ยื่นหน้ามาใกล้ๆ หน้าจอโทรศัพท์ของเพื่อน
พรพิรุณหันมาเห็นหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้จนจะชิดกับหน้าของเธออยู่แล้วกลับมามองจออีกครั้ง
“เดี๋ยวนี้แกสนใจเรื่องไฮโซอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ” รุ่งรวินเอียงหน้าเล็กน้อยมองด้วยความสงสัย
โดยปกติแล้วพรพิรุณไม่ค่อยติดตามเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก เพราะบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระและไกลตัว
พรพิรุณเอียงโทรศัพท์ของตัวเองไปทางเพื่อนเล็กน้อย พลางทำหน้าเหมือนคนอยากรู้อยากเห็น
“คุณสิงห์นี่รวยมากเลยเหรอรุ่ง”
รุ่งรวินกลอกตามองบนให้กับคนที่ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก
มองเพื่อนนิ่งๆ พลางถอนหายใจดังเฮือกแล้วพยักหน้า
“รวยมาก รวยล้นฟ้าเลยมั้ง...” จากนั้นก็เริ่มเล่าประวัติของคนที่บอกว่ารวยมากเท่าที่พอจะรู้มาบ้างให้เพื่อนฟังช้าๆ
พรพิรุณมองเพื่อนนิ่งๆ หูก็รับฟังอย่างตั้งใจ
“คุณสิงห์...สิงหราช วชิรจักร”
เธอพยักหน้าตามคำของเพื่อน ก็พอจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาผ่านๆ ตาบ้างตามโทรทัศน์หรือหน้าเว็บข่าวออนไลน์ทั่วๆ ไป ไม่ใช่ถึงขนาดไม่รู้จักเขาเลย
รุ่งรวินแย่งโทรศัพท์จากมือของเพื่อนมา กดหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่เป็นของชายหนุ่ม ยื่นคืนใส่มือของเพื่อนตามเดิม
“คุณสิงห์เป็นทายาทอันดับหนึ่งของราชสกุลวชิรจักร เขาได้รับเลือกให้เป็นซีอีโอของบริษัท วชิรจักร กรุ๊ป ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความเก่งกล้าสามารถทางด้านธุรกิจจนหาตัวจับยากคนนึงเลยละ”
รุ่งรวินเล่าตามสิ่งที่เธอรู้มา ผู้ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของคนที่อยากจะประสบความสำเร็จในแวดวงนักธุรกิจเลยก็ว่าได้
“อย่างห้างเค.เจ. ที่เราชอบไปเดินกันเนี่ย นั่นก็ของคุณสิงห์เขา แล้วไหนจะโรงแรมหรูกลางเมืองอีกเป็นสิบที่ บอกได้คำเดียวว่ารวยจนน่าอิจฉา”
พรพิรุณมองรูปภาพห้างสรรพสินค้ากลางเมืองบนหน้าจอโทรศัพท์แล้วตาเบิกกว้างอย่างตกใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเขารวยมาก แต่ไม่คาดคิดว่าจะรวยมากมายขนาดนี้
“แปลก” รุ่งรวินเอียงคอมองเพื่อนนิ่งๆ
พรพิรุณเองก็มองเพื่อนกลับเช่นกัน และงงอยู่กับคำพูดของเพื่อน
“อะไรแปลก”
“ก็แกนั่นแหละแปลก ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะสนใจเรื่องพวกนี้เลย แล้ววันนี้เป็นอะไรถึงสนใจ...หรือแกมีอะไรกับคุณสิงหราชเหรอ” รุ่งรวินคิ้วขมวด มองเพื่อนด้วยสายตาจับผิด
พรพิรุณเม้มริมฝีปาก เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเอง รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับประโยคสุดท้ายของเพื่อน
“เปล่านะเว้ย แค่เห็นข่าวมันผ่านมาที่หน้าฟีดก็เลยอยากรู้เฉยๆ” เธอรีบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงข้างๆ คูๆ
“ฮายมายเฟรน! แล้วเป็นอะไรกันวะ หน้าดูเครียดๆ นะ”
เสียงของจริญญาเหมือนระฆังดังช่วยชีวิตให้หลุดพ้นจากการจับผิดของรุ่งรวิน
“โห มาช้าจังวะจ๋า คนยิ่งหิวข้าวอยู่ด้วย” รุ่งรวินหันมองเพื่อนสาวที่มาใหม่ตาเขม็ง
ยื่นมือไปรับข้าวกล่องที่ฝากเพื่อนซื้อมาเปิดกล่องแล้วกิน หลงลืมความสงสัยของตัวเองไปชั่วขณะเพราะความหิวโหย
พรพิรุณลอบเป่าปากออกมาเบาๆ อย่างโล่งใจ ดวงตาคู่หวานวูบไหวกับเรื่องใหม่ที่ได้รับรู้ของสิงหราชวันนี้ทำเอาเธอรู้สึกตัวเล็กลงทันที หัวใจดวงน้อยเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
...ต่างกันราวฟ้ากับเหว
วันนี้พรพิรุณมีเรียนทั้งเช้าและบ่าย กว่าอาจารย์ประจำวิชาจะปล่อยก็ล่วงเลยเวลามามากทีเดียว เธอที่เก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าเสร็จเป็นคนแรกหันมามองเพื่อนรักทั้งสอง
“แกฉันมีเรื่องอะไรจะบอก”
รุ่งรวินและจริญญาที่กำลังเก็บของหันมองหน้าเพื่อนพร้อมกัน สายตาสองคู่มองด้วยความสนใจกับประโยคเมื่อครู่ของเพื่อน
“ฉันไม่ได้อยู่คอนโดเดิมแล้วนะ”
“อ้าว แล้วแกไปอยู่ไหนล่ะ” จริญญาร้องถามขึ้น
รุ่งรวินพยักหน้า ใบหน้ามีคำถามเช่นเดียวกับจริญญา
พรพิรุณยิ้มบางๆ “ฉันย้ายไปอยู่กับป้า ญาติห่างๆ ของแม่น่ะ อยู่แถวๆ ชานเมืองนี่แหละ” โกหกมดเท็จกับเพื่อนไปคำโต
คำตอบของพรพิรุณยิ่งทำเอาเพื่อนทั้งสองต่างพากันสงสัยเข้าไปอีก
“มีอะไรหรือเปล่าไอ้ฝน” จริญญาเอ่ยถามออกไป เพราะเพื่อนของเธอค่อนข้างชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่าอยู่ร่วมกับคนอื่น
พรพิรุณถอนหายใจ สีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้ต้องย้ายออกจากคอนโดมิเนียม
“เจ้าหนี้พี่นุตามมาทวงหนี้ถึงห้องน่ะ ป้าฉันรู้เข้าเลยกลัวฉันไม่ปลอดภัย แกเลยให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน”
รุ่งรวิน และจริญญาได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจด้วยความเป็นห่วง
“แล้วพวกมันทำอะไรแกหรือเปล่า” รุ่งรวินมองตามเนื้อตัวของเพื่อน สำรวจหารอยฟกช้ำ
พรพิรุณส่ายหน้า ยิ้มบางๆ ด้วยความซึ้งใจ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรแก พวกมันก็แค่มาขู่เท่านั้น แต่ฉันบอกไปแล้วว่าพี่นุหนีออกนอกประเทศไปแล้ว พวกมันก็ยอมกลับไปโดยดี”
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจของทั้งสองสาวทำให้พรพิรุณมองอย่างขำๆ
“แกไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“เออไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรก็ต้องบอกนะเว้ย” รุ่งรวินว่าขึ้น
“จ้า” พรพิรุณครางเสียงยาวตอบกลับแบบกวนๆ
จริญญาเห็นแบบนั้นก็ยื่นมือไปผลักศีรษะของเพื่อนเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “ทำเป็นเล่นไปไอ้ฝน”
หลังจากนั้นทั้งสามจึงพากันเดินออกจากห้องเรียน แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง ซึ่งตอนนี้เริ่มจะเย็นมากแล้ว
พรพิรุณเดินออกจากมหาวิทยาลัย เธอลัดเลาะตามถนนมาเรื่อยๆ จนเห็นรถยนต์คันคุ้นตาจอดรออยู่ก่อนแล้ว รีบสาวเท้าเดินเร็วๆ เข้าไปนั่งในรถทันทีด้วยกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า
พอเธอเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว สารถีหนุ่มหล่อลูกครึ่งถึงขับรถออกและตรงกลับไปยังเพนต์เฮาส์ในเวลาต่อมา
เรียวขาสวยเดินเข้ามาในห้องชุดหรูหราที่เข้ามาอยู่ได้เป็นวันที่สามแล้ว ตลอดสามวันที่ผ่านมาสิงหราชไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย เพราะเขาต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ
พรพิรุณเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง แต่แล้วดวงตากลมโตก็ต้องฉายแววประกายระยิบระยับ เมื่อเห็นว่ามีโน้ตบุ๊กเครื่องเก่าที่ก่อนหน้านี้มันพังยับเยินจนไม่เหลือเค้าเดิม ตอนนี้มันกลับมาวางอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่แทบจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมมากนัก
มือบางสวยจับมันขึ้นมาพลิกดูว่าใช่เครื่องเก่าของเธอจริงๆ หรือไม่ หลุดยิ้มออกมาเมื่อเจอกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งที่มีตัวอักษรเขียนติดไว้กับตัวเครื่อง
‘ช่างไม่รับซ่อม แต่ก็ยอมหาอะไหล่มาเปลี่ยนให้ได้เท่านี้แหละ’
พรพิรุณละสายตาจากกระดาษโน้ตกลับมาให้ความสนใจกับโน้ตบุ๊กของเธออีกครั้ง ถึงได้เห็นว่ามันถูกเปลี่ยนหน้าจอใหม่ แต่พอพยายามจะเปิดเครื่องอย่างไรก็เปิดไม่ติด
นั่นจึงทำให้เธอต้องตัดใจที่มันไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ยกขึ้นมากอดไว้แนบอกด้วยความดีใจเพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจกับเธอมากจริงๆ
ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นกล่องโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานข้างๆ เตียง มุมปากบางยกยิ้มออกมาทันทีที่รู้ได้ว่าใครเป็นคนซื้อมาให้