บทที่ 3_1 อัศวิน

1270 Words
รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดใต้คอนโดมิเนียมกลางเก่ากลางใหม่ ร่างสูงสมบูรณ์แบบภายใต้ชุดสูทดูภูมิฐาน ก้าวเรียวขายาวผ่านเข้าไปในคอนโดมิเนียมอย่างง่ายดาย ดวงตาคมกริบ นัยน์ตาสีดำสนิทกลอกตาไปมาพลางใช้ลิ้นร้อนดุนกระพุ้งแก้มข้างซ้ายแสดงความรู้สึกไม่พอใจกับความหละหลวมของเจ้าหน้าที่นิติคอนโดมิเนียม เท้าหนักๆ ก้าวออกจากลิฟต์ เขาเดินมาหยุดฝีเท้าเมื่อยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง ดวงตาคมกริบมองบานประตูด้วยความไม่เข้าใจในความรู้สึกตัวเองเท่าไรนัก อึดใจต่อมาจึงยกมือเคาะประตู ก๊อกๆ สิงหราชยืนรออยู่นานประตูก็ไม่เปิดออก ใบหน้าหล่อเหลาหันมองลูกน้อง ขยับตัวถอยออกมาเล็กน้อย เพื่อให้ลูกน้องทำงานได้ถนัด ภวัตล้วงของบางอย่างที่เตรียมพร้อมมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกง ใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็สามารถสะเดาะกุญแจให้เปิดออกได้ สิงหราชส่ายหน้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกเดิมๆ กับประตูห้องที่ไม่ได้มีระบบความปลอดภัยอะไรเลยในความคิดของเขา โครม!!! เสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระทบกันจนเกิดเสียงดัง เรียกความสนใจคนมาใหม่ทั้งสามให้รีบก้าวเดินเข้าไปในห้องอย่างเร็ว สิงหราชกวาดสายตาไปทั่วห้อง ซึ้งถูกรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นด้วยอาการใจเต้นแรง กรี๊ด!!! ทว่าเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสามหนุ่มต้องหันไปมองตามเสียงอีกครั้ง ชายหนุ่มส่งสายตาให้ลูกน้องทั้งสองเป็นเชิงสั่งการเตรียมความพร้อม รีบก้าวไปยังห้องที่เป็นต้นตอของเสียง เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้อง ฟันกรามทั้งสองข้างก็ขบแน่นจนแก้มเป็นสันปูดนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ขึ้นมาทันทีกับภาพที่เห็นตรงหน้า ท่อนขาแข็งแรงยกขึ้นถีบชายร่างใหญ่ที่ยืนหันหลังให้เต็มแรง “โอ๊ย! แม่งเอ๊ย ใครแม่งกล้าถีบกูวะ” ชายฉกรรจ์รูปร่างใหญ่ถลาล้มลงไปนอนร้องโอดครวญอยู่ที่พื้น “กูเอง มึงจะทำไม!” สิงหราชตวาดเสียงดังลั่นห้อง พลางกวาดสายตามองชายฉกรรจ์อีกหนึ่งคนที่หยุดยืนนิ่งไม่กล้าขยับอยู่ไม่ไกลกัน เพราะถูกปลายกระบอกปืนจากลูกน้องคนสนิททั้งสองของเขาจ่ออยู่ นิ้วเรียวแกร่งยกขึ้นชี้หน้าชายฉกรรจ์ทั้งสองช้าๆ ทีละคน “ใครขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พวกมึงเก็บมันได้เลย” สิ้นคำพูดของสิงหราชที่สั่งการกับบอดีการ์ด ชายฉกรรจ์ที่นอนล้มอยู่บนพื้นทำท่าจะลุกขึ้นก็ต้องชะงักนิ่งตามเดิม หวั่นเกรงกลัวต่อปลายกระบอกปืนแบบเก็บเสียงที่จ่ออยู่ตรงกลางหน้าผาก สิงหราชเห็นดังนั้นจึงหันกลับมาหาคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น ร่างบอบบางสั่นเทาด้วยความกลัว เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นมาเป็นระยะ เขาก้าวเข้าเดินมาทรุดตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าคนตัวเล็ก ยกมือไปเตะเบาๆ ที่ข้อศอกสั่นเทา ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับร้องออกมาเสียงสั่นเครือ “ฉันยอมแล้ว...ฮื่อๆ แกจะเอาอะไรก็เอาไปเลย” ชายหนุ่มหรี่ตามอง ดึงมือเล็กออกจากดวงหน้าหวาน แต่ถึงกระนั้นคนตัวเล็กกลับขืนเอาไว้ เปลี่ยนมายกมือขึ้นไหว้ปลกๆ ด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เปลือกตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท “ฉันกลัวแล้ว ยอมแล้ว ฮื่อๆ” ดวงตาคมกริบฉายแววกราดเกรี้ยวขึ้นมาทันทีที่เห็นแก้มนวลสวยข้างหนึ่งแดงช้ำ ตรงบริเวณมุมริมฝีปากมีเลือดไหลออกมา ชาหนุ่มหันกลับมาจ้องชายฉกรรจ์ทั้งสองอีกครั้งด้วยแววตาน่าเกรงขามแล้วตวัดสายตามองลูกน้องคนสนิทนิ่งๆ เพียงเท่านั้นภวัต และวิกเตอร์ต่างก็เข้าใจคำสั่งของผู้เป็นนายทันที ทั้งสองเดินเข้ามาลากชายฉกรรจ์ทั้งสองออกจากห้องนอนของหญิงสาว สิงหราชหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง มือหนายกขึ้นมาทาบทับแก้มนวลแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย ฟันกรามทั้งสองขบกันแน่น เมื่อได้เห็นแก้มนิ่มๆ มีรอยช้ำ นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดคราบเลือดออกให้เบามือ มือเล็กปัดมือหนาที่จับแก้มออก โดยไม่มองหน้าว่าเป็นใคร “เฮ นี่ฉันเอง” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาและนุ่มนวลที่สุด พรพิรุณที่กำลังกลัวและตกใจกับเหตุการณ์อุกอาจของชายฉกรรจ์ทั้งสองที่บุกเข้ามาถามหาตัวพี่ชายจากเธอ เสียงทุ้มแผ่วเบาทำให้คนที่หลับตายอมรับชะตากรรม ต้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าช้าๆ ทั้งน้ำตา ร่างบางขยับตัวถอยหลังจนชิดขอบตู้เก็บของแบบเตี้ยข้างเตียงนอน ดวงตากลมโตมองผู้ชายตรงหน้า เธอจำเขาได้ขึ้นใจ มือเล็กยกขึ้นมาไหว้อยู่กลางอก น้ำตาหลั่งรินเมื่อคิดว่าเขาคือพวกเดียวกับเจ้าหนี้ของพี่ชาย “คุณสิงห์คะ หนูไม่มีเงินมาใช้หนี้แทนพี่นุจริงๆ ถ้าคุณสิงห์อยากได้อะไรในห้องนี้แทนเงิน คุณสิงห์ให้ลูกน้องของคุณเอาไปได้เลยนะ...” เสียงหวานสั่นเทา น้ำตาไหลพราก “...แต่ขออย่างเดียว อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ หนูกลัวแล้วจริงๆ” สิงหราชหรี่ตามองคนตัวเล็กที่ดูเหมือนกำลังจะเข้าใจอะไรผิด แต่พอได้เห็นน้ำตาแล้วก็ต้องถอนหายใจยาวๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งจับมือเล็กทั้งสองข้างลดลง เขาสัมผัสได้ว่าคนตัวเล็กตื่นกลัวทุกครั้งที่เขาโดนตัวเธอ ชายหนุ่มสบสายตาเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม มือหนาบีบมือเล็กทั้งสองข้างอย่างปลอบประโลมพลางเอ่ยขึ้น “อย่าร้องไห้” ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าหัวใจถูกบีบรัด เมื่อเห็นน้ำตาของคนตรงหน้า “อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เอ่ยปากร้องขอความเห็นใจ พรพิรุณยังตกอยู่ในสภาวะตื่นกลัว จนไม่รับรู้อะไรนอกจากภัยร้ายคุกคามที่เพิ่งพบเจอ “ฉันไม่ใช่พวกมัน เธอกำลังเข้าใจผิด” สิงหราชบอกออกไป ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่หวานเพื่อจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง พรพิรุณมองอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่พอได้สบดวงตาสีดำสนิทแล้วจึงรู้สึกผ่อนคลายความกลัวลงมาได้บ้าง หากแต่ยังคงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน สีหน้ายุ่งเหมือนกำลังขบคิด “ฉันพูดความจริง เธอเชื่อใจฉันได้นะ” สิงหราชยืนยันด้วยคำพูดอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตายังไม่ไว้ใจจากคนตัวเล็ก พรพิรุณหรี่ตามองเล็กน้อย ก่อนระบายลมหายใจหนักๆ ออกมา แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พวกเดียวกับแก๊งทวงหนี้ของพี่ชาย “แล้ว...คุณสิงห์มาทำอะไรที่นี่” เสียงหวานสั่นเครือเจือสะอื้นหน่อยๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย สิงหราชนิ่งไปอึดใจ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกถามคำถามที่ตัวเองก็ตอบไม่ได้เช่นกัน ก่อนจะเลี่ยงตอบประเด็นคำถาม “ฉันว่าเธอไปกับฉันก่อนดีกว่า ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วอีกอย่างสภาพห้องเละขนาดนี้อยู่ไม่ได้หรอก” พรพิรุณหันมองรอบๆ ห้องที่ถูกรื้อค้นของบางชิ้นก็ถูกโยนทิ้งแตกกระจายอยู่เต็มห้อง รวมถึงอุปกรณ์การเรียนอย่างโน้ตบุ๊กนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น หน้าจอแตกแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมด้วยความสะเทือนใจ “ไปอยู่กับฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD