Un - 10

1330 Words
"เจ้าจันทร์!" อ้อมกอดจากสาวสวยตรงหน้าทำฉันเกือบล้มตามแรงพุ่งเข้าหาของเธอ "เจ๊ขอโทษนะ" เสียงเจ๊แยมโรลสั่น ร่างกายเธอเองก็เช่นกัน "เจ๊แยมจะขอโทษเจ้าจันทร์ทำไมคะ" ค่อย ๆ ผละอกเธอออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้ากัน "เจ๊ไม่น่าปล่อยเรามาคนเดียวเลย" แววตารู้สึกผิดก่อเกิดขึ้น "ไม่ใช่ความผิดเจ๊สักหน่อยค่ะ" ฉันเป็นคนเลือกออกมาคนเดียว ทั้งหมดไม่มีใครผิดเลย "แล้วเฮียราชย์ไปไหน" รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เจ๊แยมโรลถามคนอื่น ๆ ที่เพิ่งไปช่วยฉันมา "เออ หายไปไหนของมันวะ" เสียงเฮียกิเลนพูดขึ้น เขาหันกลับไปมองป่าที่เราเพิ่งออกมา "เฮียราชย์ไปด้วยเหรอคะ" อยากรู้ก็ต้องถาม จริงไหม? "ไปสิ ตอนแรกเจ๊ก็จัดไปหลายดอกนึกว่าจะแล้งน้ำใจ" ทำไมได้ยินแบบนี้รู้สึกดีจัง "แต่เจ้าจันทร์ไม่เห็นเลยนะคะ" คงไม่ใช่จะหลงทางหรอกนะ ป่ามืดออกขนาดนั้น "กลับออฟฟิศกันเถอะ" เฮียเบิ้มที่แก่สุดเอ่ยขึ้น "ไม่ตามหาเฮียราชย์ก่อนเหรอคะ" รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ "มันไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าอยากห่วง รอฟังข่าวพวกที่จับเราไปพรุ่งนี้ดีกว่า" คิ้วฉันขมวดมุ่น ทำไมเฮียเบิ้มพูดอารมณ์ดีแบบนั้น แถมดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับการหายตัวไปของหุ้นส่วนเขาเลย "ไปเถอะ ไอ้เฮียหนังเหนียว" เฮียลัคกี้เอ่ยขึ้นบ้าง "ขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน" ก่อนจะกลับฉันรีบค้อมหัวขอโทษทุกคนที่มาช่วย "ช่างเถอะ เราโชคร้ายมากกว่าที่ไปเจอพวกมัน" เฮียเบิ้มยกมือลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินนำทางกลับเข้าสู่พื้นที่สนามแข่งอีกครั้ง "กลับไปเลยนะกิล คืนนี้ฉันจะค้างกับเจ้าจันทร์สองคน" "ไม่กลับ นี่คอนโดฉัน" "คอนโดเรา" "เออ ยิ่งเป็นคอนโดเราฉันยิ่งอยู่ได้" "แต่ไม่ใช่คืนนี้ ฉันอยากอยู่แบบผู้หญิงตามลำพังน่ะ นายไม่เข้าใจหรือไง" "เข้าใจ แต่ไม่ได้" "กิล!" เดี๋ยวทุกคนจะงงว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ฉันถูกช่วยออกมาจากป่าเรียบร้อยแล้ว เฮียราชย์ก็หายตัวไปจนต้องยกเลิกการแข่งรถในค่ำคืนนี้ ส่วนฉันก็ถูกเจ๊แยมโรลลากตัวมาที่คอนโดเธอด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ฉันกลับไปอยู่บ้านตามลำพังหลังจากเกิดเรื่องเสียขวัญ และตอนนี้ก็เจอปัญหาใหญ่เมื่อคู่รักของเธอไม่อยากแยกจากกันในคืนนี้ทำให้ทั้งคู่นั่งเถียงกันไปมา แต่ทำไมฉันถึงมองว่ามันน่ารักก็ไม่รู้ ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ทำให้เฮียกิเลนลุกขึ้นไปดูเพราะมันเป็นยามวิกาล "นึกว่าตายไปแล้ว" ได้ยินเสียงเหมือนเขาคุยกับคนมาใหม่ เสียงค่อนข้างชัดจนฉันพอจะเดาได้ว่าคือใคร "เฮียหายไปไหนมา" ทันทีที่คนมาเยือนเดินเข้ามาแล้วเลยผ่านเข้าไปที่ห้องครัว เจ๊แยมโรลก็ถามขึ้น "ทำอะไรให้กินหน่อย" เขาไม่ตอบคำถามญาติตัวเองแต่พูดเหมือนกึ่งสั่งกึ่งขอร้องให้ใครสักคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อทำอะไรให้ทาน "อยากกินอะไรก็หากินเอง" เจ๊แยมโรลคงยุ่งกับเฮียกิเลนที่กลับมาตัวติดกันอีกครั้ง "เอ่อ... ให้เจ้าจันทร์ทำให้ทานไหมคะ" เมื่อกี้เขาไม่ได้เจาะจงให้ใครทำให้ คงไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะอาสา "ทำเป็น? ไม่ใช่ว่าทำห้องเขาไฟไหม้ เดือดร้อนกันอีกนะ" นี่กำลังประชดกันอยู่ใช่หรือปล่า? "เห็นเจ้าจันทร์เป็นแบบนี้ ที่เมืองนอกก็ทำอาหารทานเองทุกวัน" อย่างเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มใส่ไข่ละนะ "ถ้าทำแล้วไม่สร้างปัญหา" เดี๋ยวก่อนนะ... นี่เขากำลังด่าฉันทางอ้อมถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่หรือเปล่า "เฮียราชย์โกรธเจ้าจันทร์เรื่องเมื่อกี้หรือเปล่าคะ" บังเอิญเป็นพวกปากไวไปหน่อย คิดอะไรก็เลยถามออกไปตรง ๆ "แล้วแต่จะคิด ถ้าอาสาจะทำก็อย่าเพิ่งใช้ปาก" เย็นชาชะมัด ทั้งสายตา น้ำเสียง รวมถึงท่าทางนั่น "อ๊ะ เสื้อเฮีย..." เสียงฉันขาดหายลงไป เมื่อกี้ชายเสื้อแจ็กเก็ตด้านหลังเขาขาด เหมือนโดนเกี่ยวด้วยเศษไม้หรืออะไรสักอย่าง ถ้าลองสังเกตดี ๆ เสื้อผ้าเขาเลอะด้วยนะ สุดท้ายก็สะบัดความคิดทั้งหมดทั้งมวลที่เข้าข้างตัวเองออกไป ลงมือจัดการรื้อตู้ในห้องครัวคนอื่นอย่างถือวิสาสะ หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และได้ไข่มาหนึ่งฟอง ลงมือทำบะหมี่รวมมิตรที่ชอบทำกินเองเวลาไม่รู้จะกินอะไร "ว้าว น่ากินจัง" "ตะกละ" "เฮียอย่างก นี่ของของแยมทั้งนั้น" "งั้นก็กินไป ฉันไปหาอะไรกินที่อื่นก็ได้" "เดี๋ยว ๆ ไม่แย่งก็ได้ เดี๋ยวให้แม่ครัวคนสวยทำให้ใหม่ก็ได้เนอะ" รู้สึกดีใจที่มีคนหวงของกินที่ฉันทำจนเผลอหลุดยิ้มออกมา "เดี๋ยวยัยแยม แกลองมาชิมก่อนก็ดีเผื่อกินแล้วท้องเสีย" ไม่ยิ้มแล้ว คนใจร้าย รู้งี้ไม่ทำให้กินตั้งแต่แรกดีกว่า "ถ้ากลัวก็ไม่ต้องกินค่ะ ของอร่อย เจ้าจันทร์เอาไปกินคนเดียวก็ได้" โมโหก็ส่วนหนึ่ง เสียใจก็ส่วนหนึ่ง เลยเดินไปหวังจะหยิบชามบะหมี่กลับมากินเอง "ทำตัวมีปัญหาแล้วยังจะมาวีนใส่คนอื่นอีก คำว่าทดแทนบุญคุณน่ะสะกดเป็นหรือเปล่า" โห... เจ้าจันทร์อ้าปากค้างเลยค่ะ โดนสอนสั่งเป็นชุด แถมยังมาว่าเป็นตัวปัญหาอีก "งั้นก็ขอโทษทีนะคะที่สร้างปัญหา เสื้อตัวนั้นเดี๋ยวถอดให้เจ้าจันทร์แล้วกัน เดี๋ยวจ่ายค่าเสียหายให้เอง" "อวดรวย?" "ภาษาชาวบ้านเรียกแสดงความรับผิดชอบค่ะ" นี่เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ฉันยืนเถียงฉอด ๆ กับคนตรงหน้าได้มากกว่าสองประโยค ทำไมถึงไม่เป็นการคุยกันดี ๆ แทนมานั่งจิกกัดกันก็ไม่รู้ "เออ เสื้อเฮียขาดด้วยนี่ ให้น้องเขาชดใช้ให้ดีแล้ว ตัวนี้ไอ้ลัคซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดด้วยนี่" อา... เจอประโยคนี้ของเฮียกิเลนยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม เพราะฉันใช่ไหมนะ เพราะเขาเข้าป่าไปช่วยตามหาฉันด้วยใช่ไหมเสื้อที่เป็นของขวัญจากเพื่อนรักเลยขาดแบบนี้ "ไม่ได้เกี่ยวกับยัยนี่" แต่พอได้ยินคำตอบจากปากเจ้าของเสื้อชัด ๆ แล้วก็เฟลนิดหน่อย "อยากกินใช้ไหม มาเอาไปกินเลย" เฮียราชันย์หันไปบอกเจ๊แยมโรลที่รื้ออะไรอยู่ในครัว "อ้าว แล้วไหนบอกหิว" นั่นสิ เดินเข้ามาสั่งคนอื่นทำอาหารให้กินแต่กลับไม่กิน เจ้าจันทร์งงค่ะ "รำคาญ พูดมาก แดกไม่ลง" เขาพูดแล้วมองหน้าเฮียกิเลนก็จริง แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่าด่าฉันมากกว่าหว่า "อย่าสำคัญตัวผิดไป เสื้อตัวนี้ไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะไปช่วยเธอ" เดินออกไปดี ๆ ก็ได้ค่ะ เจ้าจันทร์ไม่โกรธ แต่ทำแบบนี้มันน่าโกรธกว่า ไม่คิดจะไปช่วยก็ไม่ต้องตอกย้ำกันก็ได้ คนฟัง คนรอ คนหวังจะให้ไปช่วยฟังแล้วมันไม่ดีต่อใจจริง ๆ "ญาติเธอเป็นบ้าอะไรของเขาวะ นึกจะมาก็มา ด่าเสร็จก็ไป" เฮียกิเลนเดินเข้าไปหาแฟนเขาในห้องครัว ทิ้งให้ฉันยืนมองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากประตูด้วยหัวใจที่เจ็บปวด 'ตัวปัญหา' นั่นคือสิ่งที่เขาเดินเข้ามาบอกฉันในห้องนี้... สินะ?

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD