"เจ้าจันทร์!"
อ้อมกอดจากสาวสวยตรงหน้าทำฉันเกือบล้มตามแรงพุ่งเข้าหาของเธอ
"เจ๊ขอโทษนะ" เสียงเจ๊แยมโรลสั่น ร่างกายเธอเองก็เช่นกัน
"เจ๊แยมจะขอโทษเจ้าจันทร์ทำไมคะ" ค่อย ๆ ผละอกเธอออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้ากัน
"เจ๊ไม่น่าปล่อยเรามาคนเดียวเลย" แววตารู้สึกผิดก่อเกิดขึ้น
"ไม่ใช่ความผิดเจ๊สักหน่อยค่ะ" ฉันเป็นคนเลือกออกมาคนเดียว ทั้งหมดไม่มีใครผิดเลย
"แล้วเฮียราชย์ไปไหน"
รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เจ๊แยมโรลถามคนอื่น ๆ ที่เพิ่งไปช่วยฉันมา
"เออ หายไปไหนของมันวะ" เสียงเฮียกิเลนพูดขึ้น เขาหันกลับไปมองป่าที่เราเพิ่งออกมา
"เฮียราชย์ไปด้วยเหรอคะ"
อยากรู้ก็ต้องถาม จริงไหม?
"ไปสิ ตอนแรกเจ๊ก็จัดไปหลายดอกนึกว่าจะแล้งน้ำใจ"
ทำไมได้ยินแบบนี้รู้สึกดีจัง "แต่เจ้าจันทร์ไม่เห็นเลยนะคะ"
คงไม่ใช่จะหลงทางหรอกนะ ป่ามืดออกขนาดนั้น
"กลับออฟฟิศกันเถอะ" เฮียเบิ้มที่แก่สุดเอ่ยขึ้น
"ไม่ตามหาเฮียราชย์ก่อนเหรอคะ" รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ
"มันไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าอยากห่วง รอฟังข่าวพวกที่จับเราไปพรุ่งนี้ดีกว่า"
คิ้วฉันขมวดมุ่น ทำไมเฮียเบิ้มพูดอารมณ์ดีแบบนั้น แถมดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับการหายตัวไปของหุ้นส่วนเขาเลย
"ไปเถอะ ไอ้เฮียหนังเหนียว" เฮียลัคกี้เอ่ยขึ้นบ้าง
"ขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน" ก่อนจะกลับฉันรีบค้อมหัวขอโทษทุกคนที่มาช่วย
"ช่างเถอะ เราโชคร้ายมากกว่าที่ไปเจอพวกมัน" เฮียเบิ้มยกมือลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินนำทางกลับเข้าสู่พื้นที่สนามแข่งอีกครั้ง
"กลับไปเลยนะกิล คืนนี้ฉันจะค้างกับเจ้าจันทร์สองคน"
"ไม่กลับ นี่คอนโดฉัน"
"คอนโดเรา"
"เออ ยิ่งเป็นคอนโดเราฉันยิ่งอยู่ได้"
"แต่ไม่ใช่คืนนี้ ฉันอยากอยู่แบบผู้หญิงตามลำพังน่ะ นายไม่เข้าใจหรือไง"
"เข้าใจ แต่ไม่ได้"
"กิล!"
เดี๋ยวทุกคนจะงงว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่ฉันถูกช่วยออกมาจากป่าเรียบร้อยแล้ว เฮียราชย์ก็หายตัวไปจนต้องยกเลิกการแข่งรถในค่ำคืนนี้ ส่วนฉันก็ถูกเจ๊แยมโรลลากตัวมาที่คอนโดเธอด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ฉันกลับไปอยู่บ้านตามลำพังหลังจากเกิดเรื่องเสียขวัญ
และตอนนี้ก็เจอปัญหาใหญ่เมื่อคู่รักของเธอไม่อยากแยกจากกันในคืนนี้ทำให้ทั้งคู่นั่งเถียงกันไปมา แต่ทำไมฉันถึงมองว่ามันน่ารักก็ไม่รู้
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง
เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ทำให้เฮียกิเลนลุกขึ้นไปดูเพราะมันเป็นยามวิกาล
"นึกว่าตายไปแล้ว" ได้ยินเสียงเหมือนเขาคุยกับคนมาใหม่ เสียงค่อนข้างชัดจนฉันพอจะเดาได้ว่าคือใคร
"เฮียหายไปไหนมา"
ทันทีที่คนมาเยือนเดินเข้ามาแล้วเลยผ่านเข้าไปที่ห้องครัว เจ๊แยมโรลก็ถามขึ้น
"ทำอะไรให้กินหน่อย" เขาไม่ตอบคำถามญาติตัวเองแต่พูดเหมือนกึ่งสั่งกึ่งขอร้องให้ใครสักคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อทำอะไรให้ทาน
"อยากกินอะไรก็หากินเอง"
เจ๊แยมโรลคงยุ่งกับเฮียกิเลนที่กลับมาตัวติดกันอีกครั้ง
"เอ่อ... ให้เจ้าจันทร์ทำให้ทานไหมคะ"
เมื่อกี้เขาไม่ได้เจาะจงให้ใครทำให้ คงไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะอาสา
"ทำเป็น? ไม่ใช่ว่าทำห้องเขาไฟไหม้ เดือดร้อนกันอีกนะ"
นี่กำลังประชดกันอยู่ใช่หรือปล่า?
"เห็นเจ้าจันทร์เป็นแบบนี้ ที่เมืองนอกก็ทำอาหารทานเองทุกวัน"
อย่างเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มใส่ไข่ละนะ
"ถ้าทำแล้วไม่สร้างปัญหา"
เดี๋ยวก่อนนะ...
นี่เขากำลังด่าฉันทางอ้อมถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่หรือเปล่า
"เฮียราชย์โกรธเจ้าจันทร์เรื่องเมื่อกี้หรือเปล่าคะ"
บังเอิญเป็นพวกปากไวไปหน่อย คิดอะไรก็เลยถามออกไปตรง ๆ
"แล้วแต่จะคิด ถ้าอาสาจะทำก็อย่าเพิ่งใช้ปาก"
เย็นชาชะมัด ทั้งสายตา น้ำเสียง รวมถึงท่าทางนั่น
"อ๊ะ เสื้อเฮีย..." เสียงฉันขาดหายลงไป
เมื่อกี้ชายเสื้อแจ็กเก็ตด้านหลังเขาขาด เหมือนโดนเกี่ยวด้วยเศษไม้หรืออะไรสักอย่าง ถ้าลองสังเกตดี ๆ เสื้อผ้าเขาเลอะด้วยนะ
สุดท้ายก็สะบัดความคิดทั้งหมดทั้งมวลที่เข้าข้างตัวเองออกไป ลงมือจัดการรื้อตู้ในห้องครัวคนอื่นอย่างถือวิสาสะ
หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และได้ไข่มาหนึ่งฟอง ลงมือทำบะหมี่รวมมิตรที่ชอบทำกินเองเวลาไม่รู้จะกินอะไร
"ว้าว น่ากินจัง"
"ตะกละ"
"เฮียอย่างก นี่ของของแยมทั้งนั้น"
"งั้นก็กินไป ฉันไปหาอะไรกินที่อื่นก็ได้"
"เดี๋ยว ๆ ไม่แย่งก็ได้ เดี๋ยวให้แม่ครัวคนสวยทำให้ใหม่ก็ได้เนอะ"
รู้สึกดีใจที่มีคนหวงของกินที่ฉันทำจนเผลอหลุดยิ้มออกมา
"เดี๋ยวยัยแยม แกลองมาชิมก่อนก็ดีเผื่อกินแล้วท้องเสีย"
ไม่ยิ้มแล้ว คนใจร้าย รู้งี้ไม่ทำให้กินตั้งแต่แรกดีกว่า
"ถ้ากลัวก็ไม่ต้องกินค่ะ ของอร่อย เจ้าจันทร์เอาไปกินคนเดียวก็ได้" โมโหก็ส่วนหนึ่ง เสียใจก็ส่วนหนึ่ง เลยเดินไปหวังจะหยิบชามบะหมี่กลับมากินเอง
"ทำตัวมีปัญหาแล้วยังจะมาวีนใส่คนอื่นอีก คำว่าทดแทนบุญคุณน่ะสะกดเป็นหรือเปล่า"
โห... เจ้าจันทร์อ้าปากค้างเลยค่ะ
โดนสอนสั่งเป็นชุด แถมยังมาว่าเป็นตัวปัญหาอีก
"งั้นก็ขอโทษทีนะคะที่สร้างปัญหา เสื้อตัวนั้นเดี๋ยวถอดให้เจ้าจันทร์แล้วกัน เดี๋ยวจ่ายค่าเสียหายให้เอง"
"อวดรวย?"
"ภาษาชาวบ้านเรียกแสดงความรับผิดชอบค่ะ" นี่เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ฉันยืนเถียงฉอด ๆ กับคนตรงหน้าได้มากกว่าสองประโยค
ทำไมถึงไม่เป็นการคุยกันดี ๆ แทนมานั่งจิกกัดกันก็ไม่รู้
"เออ เสื้อเฮียขาดด้วยนี่ ให้น้องเขาชดใช้ให้ดีแล้ว ตัวนี้ไอ้ลัคซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดด้วยนี่"
อา... เจอประโยคนี้ของเฮียกิเลนยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
เพราะฉันใช่ไหมนะ เพราะเขาเข้าป่าไปช่วยตามหาฉันด้วยใช่ไหมเสื้อที่เป็นของขวัญจากเพื่อนรักเลยขาดแบบนี้
"ไม่ได้เกี่ยวกับยัยนี่"
แต่พอได้ยินคำตอบจากปากเจ้าของเสื้อชัด ๆ แล้วก็เฟลนิดหน่อย
"อยากกินใช้ไหม มาเอาไปกินเลย" เฮียราชันย์หันไปบอกเจ๊แยมโรลที่รื้ออะไรอยู่ในครัว
"อ้าว แล้วไหนบอกหิว"
นั่นสิ เดินเข้ามาสั่งคนอื่นทำอาหารให้กินแต่กลับไม่กิน เจ้าจันทร์งงค่ะ
"รำคาญ พูดมาก แดกไม่ลง"
เขาพูดแล้วมองหน้าเฮียกิเลนก็จริง แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่าด่าฉันมากกว่าหว่า
"อย่าสำคัญตัวผิดไป เสื้อตัวนี้ไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะไปช่วยเธอ"
เดินออกไปดี ๆ ก็ได้ค่ะ เจ้าจันทร์ไม่โกรธ
แต่ทำแบบนี้มันน่าโกรธกว่า ไม่คิดจะไปช่วยก็ไม่ต้องตอกย้ำกันก็ได้
คนฟัง คนรอ คนหวังจะให้ไปช่วยฟังแล้วมันไม่ดีต่อใจจริง ๆ
"ญาติเธอเป็นบ้าอะไรของเขาวะ นึกจะมาก็มา ด่าเสร็จก็ไป"
เฮียกิเลนเดินเข้าไปหาแฟนเขาในห้องครัว ทิ้งให้ฉันยืนมองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากประตูด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
'ตัวปัญหา' นั่นคือสิ่งที่เขาเดินเข้ามาบอกฉันในห้องนี้... สินะ?