Un - 9

2091 Words
"ช่วยด้วย!!" "ใครก็ได้ช่วยเจ้าจันทร์ที!" ฉันตะโกนให้คนช่วยจนแสบคอไปหมดแล้วแต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยสักคน ทางที่ถูกคนกลุ่มนั้นลากมาก็เริ่มมืดจนดูน่ากลัวเข้าไปเรื่อย ๆ พอมองไปเบื้องหน้าคือป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ เงาสีดำของมันมองเผิน ๆ แล้วเหมือนเปรตตัวโต ๆ ที่รอเขมือบคนที่ก้าวเข้าไป "เลิกร้องเถอะคนสวย บอกแล้วไม่มีใครกล้าเข้ามาแส่หาเรื่องเจ็บตัวฟรีหรอก" หัวโจกที่เริ่มแผนจับตัวฉันมาพูดขึ้น "จะจับฉันไปไหน" มือก็ถูกไพล่ไว้ด้านหลังจนทำอะไรไม่ถนัด "อยากพิสูจน์อะไรสักหน่อย" คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าแก๊งคนเดิมพูดขึ้น "พิสูจน์อะไร ปล่อยเลยนะ ทำแบบนี้ผิดกฎหมายนะ!" ใช้แรงสู้ไม่ได้ก็ใช้ปากนี่แหละพูดให้พวกนี้รำคาญไปเลย "กฎหมายใช้จับคนจน ส่วนฉันมันรวย แถมยังถูกหวยเบอร์ใหญ่เพราะได้แบ็กหลังดี" หมอนี่ดูมั่นใจมากว่าตัวเองทำเลวแค่ไหนก็รอดเงื้อมมือกฎหมาย "อ๊ะ ปล่อยนะ ฉันไม่ไป!" อีกไม่กี่ก้าวก็จะเข้าสู่เขตป่าทึบแสนน่ากลัวนั้นแล้ว ฉันเลยพยายามฝืนแรงไม่เดินต่อไปให้ได้มากที่สุด "อย่าลีลา รีบ ๆ เดินไป ถ้าบอกว่ารู้จักเจ้าของสนามเดี๋ยวก็มีคนคาบข่าวไปบอกเอง" คนที่จับฉันไว้บอกเสียงเรียบพร้อมกับดันฉันให้เดินไปข้างหน้าต่อ หรือว่าที่หมอนั่นบอกว่าพิสูจน์คือเรื่องนั้น ที่ฉันบอกว่าสนิทกับพวกเฮียเบิ้ม? แต่เรื่องนั้นฉันไม่ได้โกหกจริง ๆ นี่นา ถ้าอยากรู้ก็ไปถามพวกเฮียเบิ้มดูไม่ง่ายกว่าการลักพาตัวฉันแบบนี้เหรอ "ว่า?" กำลังตบตีกับความคิดตัวเอง เสียงมือถือของหัวหน้าแก๊งก็ดังขึ้น เขารับสายพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่มุมปากตามมา "คนสวยไม่ได้โกหกนี่หว่า" มือสกปรกเหมือนจิตใจเขายื่นมาจับปลายคางฉัน "ในเมื่อรู้แล้วก็ปล่อยฉันไปสิ" เดาเอาว่าคนที่โทร.มาหาเขาคงเป็นสายในสนามแข่ง "ปล่อยง่าย ๆ ก็ไม่ใช่แก๊งตีเหล็กน่ะสิ" แก๊งตีเหล็ก? ชื่ออะไรเชยสิ้นดี "พวกมันกำลังตามมา ใครจะอาสาเอาน้องคนสวยไปไว้ตรงนั้น" มองตามสายตาที่คนพูดเบือนไป มันเป็นทิศทางที่มีต้นไม้สูงขึ้นเต็มไปหมด ดูแล้วไม่น่าเข้าไปเหยียบสักนิด "ผมเอง" หนึ่งในแก๊งที่ควงสาวคนหนึ่งมารีบอาสา "ให้ทำไงพี่โทนบอกผมได้เลย" อ้อ หมอนี่ชื่อโทนสินะ "มึงเอาน้องคนสวยไปมัดไว้ที่ต้นไม้ต้นนั้นแล้วคอยจับตาดูอยู่ห่าง ๆ ถ้าสบโอกาสก็เล่นแม่งให้ได้เลือดสักคนแล้วหนีเข้าป่าไป" นี่เหรอนักเลง แบบนี้ไม่มีศักดิ์ศรีเลยนะ รอบทำร้ายไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย "จัดให้เฮีย ผมรู้ว่าเฮียอยากได้เลือดใครมากที่สุด" ฉันไม่รู้ว่าสองคนนี้หมายหัวใครไว้เป็นพิเศษ แต่ที่แน่ ๆ ฉันจะปล่อยให้คนอื่นมาเดือดร้อนเพราะตัวเองไม่ได้ "ไปกันคนสวย" "โอ๊ย! เบา ๆ สิ" ยังไม่ทันคิดแผนออกเลยว่าจะหนียังไงก็โดนผลักจากทางด้านหลังให้เดินหน้าต่อซะแล้ว สุดท้ายฉันก็เอาตัวรอดเองไม่ได้ ถูกหนึ่งในแก๊งตีเหล็กอะไรนั่นจับมามัดไว้กับต้นไม้ใหญ่ห่างจากถนนราว ๆ สามสิบเมตร แถมยังถูกปิดปากด้วยผ้าอีก ทำแบบนี้ฉันก็ส่งเสียงขอความช่วยเหลือใครไม่ได้น่ะสิ "เบา ๆ สิ ตรงนี้กิ่งไม้เยอะเดี๋ยวก็เกี่ยวขาฉันบาดพอดี" "ได้ที่รัก ฉันจะเบา ๆ แล้วกันนะ" "อ๊ะ อื้อ จักจี้" เสียงบัดสีบัดเถลิงดังขึ้นอยู่ด้านหลังฉันไม่กี่ก้าว คนพวกนี้เป็นยังไงกันนะ พื้นที่แบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ยังจะมาทำอะไรแบบนั้นลงอีก "อื้อ อื้อ" พยายามดิ้นไปดิ้นมาเผื่อเชือกที่มัดอยู่จะคลายออก แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเหมือนตามละครที่เขาทำกัน มองไปทางไหนรอบ ๆ ตัว ก็มีแต่ป่าเต็มไปหมด ความสว่างจากดวงจันทร์แทบจะลงมาไม่ถึงพื้นดินเพราะปกคลุมด้วยไม้ใหญ่ หัวใจที่เริ่มหวาดกลัวพวกสัตว์มีพิษต่าง ๆ และกังวลจะเอาตัวรอดยังไงเริ่มเกาะกินหัวใจ จวบจนแสงไฟจากมุมหนึ่งสาดส่องเข้ามาจากที่ไกล ๆ "พอก่อน พวกนั้นมากันแล้ว" "ต่ออีกนิดสิฉันกำลังจะเสร็จแล้ว" "อย่ามางี่เง่านะโรส ใส่เสื้อผ้าซะแล้วดูว่าไอ้มนุษย์หน้าตายนั่นมาด้วยหรือเปล่า" เพียงแต่คำ ๆ นั้น หลุดออกมา ฉันก็รู้ในทันทีเลยว่าคนที่หัวหน้าพวกเขาอยากเล่นงานที่สุดเป็นใคร แต่พวกเขาอาจจะผิดหวัง เพราะนี่คือการมาช่วยฉัน คนที่พวกเขารอไม่มีทางโผล่มาให้เห็นหน้าแน่ ๆ Yamrol's part "เดินช้า ๆ หน่อยสิ เธอรู้หรือไงว่าเจ้าจันทร์ถูกจับไปที่ไหน" "ไม่รู้แหละ ฉันเป็นห่วงเธอนี่!" "ใคร ๆ ก็ห่วงเธอทั้งนั้นถึงได้ออกตามหาอยู่นี่ไง" กิเลนพยายามรั้งฉันให้ใจเย็น ๆ แต่ตอนนี้มันเย็นไม่ไหวแล้วไง เจ้าจันทร์ถูกพวกที่ชอบทำร้ายผู้หญิงจับไปเชียวนะ "ทางนี้แน่นะ" รีบหันไปมองเฮียเบิ้มที่ถามคนแถวนี้ที่เห็นเหตุการณ์ "พวกไอ้โทนไปทางป่านั่น" ฉันมองไปตามมือที่เฮียเบิ้มชี้ให้ดู โห ทั้งมืดและน่ากลัว แบบนี้เจ้าจันทร์จะไม่กลัวแย่เลยเหรอ "เดี๋ยว! จะรีบไปไหน" ด้วยความเป็นห่วงปนรู้สึกผิดขามันเลยก้าวไปเองอัตโนมัติจนถูกกิเลนคว้าเอาไว้ "ฉันจะไปช่วยเธอ" "ใจเย็น ๆ พวกเราก็กำลังจะไปนี่ไง" อ้อมกอดแสนอบอุ่นทำให้สติฉันกลับมา กิเลนทั้งลูบผม ลูบหลังเพื่อเรียกสติและขวัญฉัน "แล้วนี่ไอ้เฮียไปไหนวะ" คำถามลอย ๆ ของกิเลนทำฉันของขึ้นรอบสอง "อย่าไปสนใจคนใจร้าย ไร้เหตุผลนั่นเลย" ยิ่งพูดยิ่งโมโห! เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วเขายังไม่ลืมมันอีก และที่น่าโมโหกว่าคือ เฮียราชย์กำลังหลอกตัวเองว่าเรื่องเขากับ... ผู้หญิงคนนั้นเป็นความผิดของเจ้าจันทร์คนเดียว "นั่นไง นึกว่าจะไม่มา" คำพูดของเฮียเบิ้มทำให้ฉันหันไปมองด้านหลังตัวเอง ผู้ชายร่างสูงโปร่งสีผมโดดเด่นแม้ในความมืดกำลังเดินอย่างสบายอารมณ์มาพร้อมกับลัคกี้ "ก็ยังมีน้ำใจอยู่นี่" บ่นออกมาเบา ๆ คนเดียวไม่ได้อยากให้เจ้าตัวได้ยิน "เอายังไงต่อดีวะ" ขนาดเฮียเบิ้มที่เป็นเจ้าของเอ็กซ์ซี๊ดสตรีทที่ถือหุ้นเยอะกว่าและชำนาญทางมากกว่ายังหันไปถามความเห็นจากหุ้นส่วนอีกคนอย่างเฮียราชย์เลย "มันคงแค่อยากหยอกเสือ" เสียงเรียบนิ่งเอ่ยออกมาอย่างไม่มีความร้อนใจใด ๆ "เสือที่ว่าน่ะ เสือแก่หรือเสือหนุ่มวะ" ลัคกี้ตบบ่าเฮียราชย์ถามเชิงแซว "..." คนถูกตั้งคำถามเหลือบหางตามองอย่างเย็นชาแถมไม่ตอบอะไรเพื่อนเขาอีก "คิดว่ามันจะเหลือกันสักกี่คน" ฉันปล่อยให้หนุ่ม ๆ วางแผนกันไป ส่วนตัวเองก็พยายามโทร.ติดต่อเจ้าจันทร์จนมือแทบหงิกแต่ก็ไม่มีใครรับสาย "ขอให้ปลอดภัยนะ" ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ฉันไม่ปล่อยให้เธอออกมาซื้อของเองคนเดียวหรอก ไม่น่าชะล่าใจคิดว่าเป็นที่คนของตัวเองเลยไม่ได้เซฟความปลอดภัยใด ๆ ไว้ "เธอรออยู่นี่กับพวกนี้" กิเลนเดินมาบอกหลังจากวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว "ไม่! ฉันอยากเห็นว่าเจ้าจันทร์ไม่เป็นอะไร" "ยัยนั่นไม่ตายหรอก" เหลือบตามองค้อนเจ้าของคำพูดนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ "เฮียอย่ามาแช่งน้องสาวแยมนะ!" ฉันขึ้นเสียงใส่ทันที "ได้ข่าว ญาติฉันมีแค่เธอ?" ยังจะมากวนโอ๊ยกันอีก "เอาน่า ใจเย็น ๆ แล้วรอพวกฉันพาเจ้าจันทร์กลับมา" กิเลนจับไหล่ฉันพร้อมสบตาให้หายคิดมาก "นายต้องอย่าให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาดนะกิล" ถ้าเกิดเจ้าจันทร์เป็นอะไรขึ้นมาแยมโรลคนนี้ซวยแน่ ๆ แถมคงรู้สึกผิดเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ "อืม" กิ เลนรับปากก่อนจะปล่อยฉันให้รออยู่ฝั่งนี้กับเด็กที่อู่ของสนามแข่งสามสี่คน [End part] แสงสว่างจากไฟฉายเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ฉันอยากจะร้องเตือนคนพวกนั้นที่(คิดว่า)กำลังมาช่วยฉันให้รีบกลับไปเพราะนี่คือแผนเลวของพวกนี้ "อื้อ อื้อ" พยายามส่งเสียงแล้วแต่มันทำไม่ได้เพราะปากถูกผ้ามัดไว้ "อื้อ อ่าเอ้าอา" พยายามส่งเสียงบอกพวกเขาไม่ให้เข้ามาเมื่อแสงไฟดวงหนึ่งสาดมาทางฉันพอดี "พวกนั้นมาแล้ว" เสียงผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกับคู่ขาเธอดังขึ้นเบา ๆ "ถ้ามีโอกาสก็ซัดเลย เน้นไอ้ราชันย์ขี้เก๊ก เข้าใจไหม?" ยิ่งได้ยินว่าเป้าหมายของคนพวกนั้นคือใครหัวใจฉันยิ่งเต้นตึกตัก ขอให้เขาไม่มา ขอให้เฮียราชย์ไม่มาช่วยเจ้าจันทร์ด้วยเถอะ ได้แต่ภาวนาในใจ แม้อีกใจจะบอกว่าไม่ต้องกังวลไปเพราะผู้ชายคนนั้นคงไม่สนใจความเป็นความตายคนที่เกลียดขี้หน้ากันหรอก "เจ้าจันทร์ อยู่นี่หรือเปล่า" เสียงตะโกนเรียกชื่อฉันดังขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวว่าคนที่จับฉันไว้จะรู้ตัว "ถ้าได้ยินตอบพวกเราด้วย" ตามมาด้วยเสียงคนอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นหู ทำไมถึงได้บ้าบิ่นกันขนาดนี้นะ หรือพวกเขารู้อยู่แล้วว่าคนของแก๊งตีเหล็กอะไรนี่เก่งแต่สร้างเรื่องไว้แล้วเผ่น "ไม่เห็นจะมีหมอนั่นเลย" เสียงผู้หญิงคนเดิมดังขึ้น พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีใจ แต่ก็มีความปวดตุบ ๆ ตามมาเมื่อเขาไม่สนใจฉันอย่างที่เผื่อใจไว้จริง ๆ "รอดูให้แน่ใจก่อน ถ้าไม่มีก็เผ่น" คู่ขาเธอวางแผนไว้ แล้วเสียงพวกนั้นก็เงียบไป ฉันรอดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าคนที่ตามหาฉันมากันเยอะแค่ไหนและเสี่ยงอันตรายมากน้อยเพียงใด "พวกนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ไม่มีไอ้ราชันย์จริง ๆ พวกเราเผ่นกันดีกว่า" เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำใบไม้แห้งและท่อนไม้ดังไกลออกไปเรื่อย ๆ จนแน่ใจแล้วว่าคนพวกนั้นไม่อยู่ฉันเลยรีบส่งเสียงให้คนมาช่วยด้วยการเตะเศษไม้ ใบไม้ที่หล่นอยู่ใกล้ ๆให้เกิดเสียงดังสวบสาบ "ทุกคนเงียบก่อน" เสียงใครไม่รู้ดังขึ้น ทั่วบริเวณเงียบสงัดฉันเลยส่งสัญญาณใหม่อีกครั้งด้วยวิธีเดิม "ทางนั้น!" นี่คือเสียงเฮียกิเลน ฉันจำได้ "เจ้าจันทร์!" เพียงไม่ถึงนาทีความช่วยเหลือที่มากันหลายคนก็เจอฉัน "พวกนั้นทำอะไรเราหรือเปล่า" เฮียเบิ้มถามพร้อมปลดผ้าปิดปากและแก้มัดให้ "ไม่ค่ะ นอกจากจับมามัดไว้ตรงนี้" ยกข้อมือขึ้นมาดูเป็นรอยแดงช้ำจากเชือกที่พวกนั้นใช้มัดมือ ให้แม่เห็นรอยพวกนี้ไม่ได้ ไม่งั้นท่านต้องคาดคั้นแน่ ๆ ว่าไปโดนอะไรมา "ไว้ไปคุยกันที่สนาม เดินไหวนะ" เฮียเบิ้มถามอีกครั้ง ฉันเลยพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเดินตามพวกเขาออกมาจากป่า ไม่รู้อะไรดลใจให้กวาดสายตามองคนมากกว่าสี่คนที่มาช่วยฉัน ใจน่ะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มา แต่ทำไมสายตายังกวาดหาเผื่อจะเจอเขาอยู่มุมหนึ่งมุมใดก็ไม่รู้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD