"เจ้าจันทร์ดูใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ" เหลือแค่ฉันกับเจ้าแคทขนปุยเลยพูดลอย ๆ ออกมา
"เมียวววว~" เหมือนกำลังถูกน้องแมวปลอบใจเลย
"แกเชื่อเจ้าจันทร์ไหมว่าเจ้าจันทร์ไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องนั้น" เริ่มจะระบายกับเจ้าสี่ขาที่ไม่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
"เมี้ยว~" เจ้านี่ก็น่ารัก คุยตอบโต้กับฉันทุกคำ
"ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า" เจ้าของแกไม่สนใจเจ้าจันทร์ งั้นนั่งเล่นกับเจ้าแมวฆ่าเวลาแทนก็ได้
Happy birthday to you...
Happy birthday to you ,
happy birthday happy birthday , happy birthday to... you.
หลังจากเพลงสุขสันต์วันเกิดจบลง เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นลานหน้าบ้านที่ใช้จัดงานวันเกิดให้คุณหญิงจันทร์เพ็ญหรือแม่ของฉัน
"มาได้ยังไงลูก!" แม่ดูตกใจมากที่เห็นฉันถือเค้กวันเกิดเดินออกมาให้ท่านตรงหน้า
"เป่าเค้กก่อนนะคะ" ฉันยิ้มร่าให้กับแม่ที่ยังทำสีหน้าตกใจระคนดีใจ
"แสบนะเรา" แม้แม่จะปรามาสไว้แบบนั้น แต่ท่านก็ก้มลงเป่าเทียนที่ฉันเป็นคนปักไว้จนดับ
"ขอให้แม่สุขภาพแข็งแรง สวยวัน สวยคืน อยู่กับเจ้าจันทร์นาน ๆ นะคะ"
ฉันเสียพ่อไปตั้งแต่สองขวบ ทุก ๆ ปีฉันเลยต้องอวยพรขอพระเจ้าคุ้มครองให้แม่อยู่กับฉันไปนาน ๆ อย่ารีบทิ้งฉันไปไหนอีกคน
หมับ...
อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นกอดรัดฉันไว้ทันทีที่เค้กถูกเปลี่ยนมือไปที่ป้าขจี
"แม่รักหนู แม่จะอยู่ดูแลหนูไปนาน ๆ"
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้กอดแม่แบบนี้
"แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่โทร.บอกแม่!" เสียงแม่กึ่งดุกึ่งตำหนิ
"ลงไฟท์บินเมื่อเช้ามืดค่ะ" ฉันตอบแม่ยิ้ม ๆ
"แล้วทำไมไม่กลับบ้าน มาอยู่บ้านคุณป้าขจีได้ยังไง" แม่เริ่มถามเยอะแล้ว
"ความคิดฉันเอง อยากเซอร์ไพรส์เธอน่ะ" ป้าขจีตอบแม่แทนฉัน
"ยังเจ้าแผนการเหมือนเดิมนะเธอเนี่ย"
นี่แหละสไตล์การคุยของแม่ฉันกับเพื่อนรักท่าน
"มา ๆ ตัดเค้กได้แล้ว" แม่กอดเอวฉันหลวม ๆ เพื่อเดินไปตัดเค้กที่ตั้งไว้บนโต๊ะ
"เอาไปให้พี่เขาสิลูก" เค้กก้อนหนึ่งที่อยู่ในจานสวยงามถูกป้าขจียื่นมาให้
ยังไม่กล้ารับเพราะอึน ๆ มึน ๆ อยู่ว่าทำไมต้องเป็นฉันในเมื่อไม่ใช่เจ้าของวันเกิด
"ไอ้เฮียอยู่ทางนู้น!" เจ๊แยมโรลเสริมขึ้นอีกคน
จานเค้กถูกยัดใส่มือพร้อมแผ่นหลังที่ถูกดันไปอีกทาง
"เค้กค่ะ" ฉันยื่นจานเค้กให้คนตัวโตที่ยืนมองปลาในสระบัวเงียบ ๆ
"ฉันไม่กินของหวาน" รู้ แต่ให้ทำไงได้ล่ะก็ผู้ใหญ่ไหว้วานมาอีกที
"ป้าขจีให้เจ้าจันทร์เอามาให้" จริง ๆ ก็ไม่อยากอ้างถึงขนาดนี้ แต่เขาควรรับไปเรื่องจะได้จบ ๆ
ยืนรอหลายนาทีแต่คนตรงหน้าก็ไม่ยอมรับเค้กไปถือไว้ฉันเลยตัดสินใจเตรียมจะถอยออกมาจากพื้นที่ของเขา
"จะอยู่ที่นี่อีกนานไหม"
"คะ?" พอหันหลังจะไปก็ชวนคุย ตกลงคุณพี่จะเอายังไงคะ?
"เจ้าจันทร์เรียนจบแล้วคงกลับมาหางานที่นี่ทำ หรือไม่ก็ช่วยงานคุณแม่ที่บริษัทท่าเรื..อ"
"ฉันหมายถึง... ที่บ้านหลังนี้"
อึก! จุกอยู่ตรงลำคอ
ฉันก็นึกว่าเขาหมายถึงว่าฉันจะกลับไปที่เมกาอีกหรือเปล่า แต่ที่ไหนได้ เขากำลังไล่ฉันแบบสุภาพอยู่สินะ
"ไม่นานหรอกค่ะ คืนนี้เจ้าจันทร์จะเก็บของกลับพร้อมแม่เอง"
ก็ไม่ได้อยากมาอยู่ขวางหูขวางตาเขาสักเท่าไหร่ แต่คนที่พาฉันมาที่นี่ก็แม่เขาเองไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาทำตาขวาง แขวะฉันแรงแบบนี้ด้วย
"ก็ดี ฉันกลัวว่าจะสูญเสียของรักไปอีก"
โอเค ฉันรู้แล้วว่าการทำผิดครั้งเดียวมันฝังใจและเป็นตราบาปให้ถูกคนอื่นมองว่าจะเป็นคนแบบนั้นไปตลอดชีวิต
"เรื่องรูปปั้นนั้น.."
"เลิกแก้ตัวได้แล้ว" เสียงเขาเรียบนิ่ง
นิ่งแม้กระทั่งปลาที่แหวกว่ายอยู่ยังดำดิ่งลงไปใต้น้ำจนหมด
"เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยมันหลุดมือ นี่คือสิ่งที่เธอกำลังจะแก้ตัวสินะ"
เฮียราชย์กำลังรื้อฟื้นเรื่องในอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง
'เฮียราชย์ทำอะไรอยู่คะ' ฉันที่เพิ่งกลับจากเดินห้างกับเพื่อนเลยแวะเอาของฝากมาให้แม่เขาถามขึ้นตอนที่เดินสวนเขาที่กำลังดูยุ่ง ๆ อยู่
'หากุญแจรถ' เขาตอบก่อนจะมองซ้ายแลขวา ก้มหาสิ่งที่ว่า
'อ้ะ นั่นอะไรคะ' สายตาเหลือบไปเห็นของบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะ มีผ้าสีชมพูคลุมทับอีกที
'ของขวัญน่ะ' ตอนที่ได้ยินครั้งแรกหัวใจฉันเต้นตึกตัก เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของฉันพอดี
'ของขวัญ ของใครคะ" ถามออกไปพร้อมหัวใจที่ลุ้นตาม
ขาก้าวไปข้างหน้า ยืนมองของที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมผืนสวย
'คนพิเศษ' เพียงแค่คำนี้หัวใจฉันก็สั่นระรัว
'วันพิเศษด้วยไหมคะ' ลุ้นคำตอบตัวโก่ง
'อืม อ้าว อยู่นี่เอง' เหมือนเขาจะตอบว่าใช่แล้วก็เจอของที่หา
'เจ้าจันทร์ขอเปิดดูได้ไหมคะ'
ถ้าเป็นของขวัญให้ฉันเฮียราชย์จะต้องไม่ยอมให้ดูแน่ ๆ เพราะคืนนี้มีฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบสิบแปดปีให้ฉัน เขาจะต้องเก็บไว้เซอร์ไพรส์ฉันแน่ ๆ
'ว่าจะให้ช่วยดูให้พอดีว่าสวยไหม' จากที่ตื่นเต้นตอนนี้หัวใจฉันกลับวูบโหวงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
คนตัวโตหันมาสบตาก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ
'ช่วยดูหน่อยสิว่ามันสวยพอจะให้เป็นของขวัญออกเดตครั้งแรกหรือเปล่า'
ปากฉันสั่น มือฉันก็ด้วย ตามมาติด ๆ คือสั่นเทาทั้งร่างกายเมื่อได้ยินเฉลยเกี่ยวกับเจ้าของของขวัญชิ้นนี้
แต่ด้วยความที่ถูกอีกคนยืนจ้องอยู่ มือที่สั่นอยู่แล้วเลยเอื้อมไปดึงผ้าสีชมพูผืนนั้นออกช้า ๆ
ปรากฏเป็นรูปปั้นนางฟ้าที่ถูกช่างฝีมือดีปั้นออกมาอย่างประณีต รูปปั้นนี้เหมือนเทพธิดาที่มีชีวิต ปีกสีขาวสยายแผ่กางออกอย่างสวยงาม
อาจจะด้วยความที่ฉันตะลึงในความงามของมันเลยลืมตัวเผลออุ้มรูปปั้นขนาดเกือบยี่สิบนิ้วขึ้นมาถือไว้
'ระวัง!!'
เสียงเตือนดังขึ้นจนฉันตกใจ มือไม้ที่อ่อนแรงอยู่แล้วตั้งแต่รู้ว่าของชิ้นนี้ไม่ใช่ของขวัญวันเกิดฉันจึงหล่นสู่พื้นอย่างไม่ตั้งใจ
"ไปได้แล้ว"
เสียงข่มต่ำดังขึ้นพร้อมแรงกระชากจานใส่เค้กไปจากมือทำให้ฉันได้สติกลับมายังปัจจุบัน
"ออกไปอยู่ในสังคมของเธอ" เขาเน้นย้ำเป็นหนที่สอง
ด้วยความที่ฉันชอบเอาชนะและเอาแต่ใจแถมปากไวเลยเอ่ยขึ้น
"ที่เฮียราชย์เกลียดเจ้าจันทร์เพราะแค่เรื่องรูปปั้นนั่นจริง ๆ เหรอคะ?" สิ่งที่อยากรู้มาเกือบสิบปีแต่ไม่เคยได้คำตอบ วันนี้ลองเสี่ยงถามมันอีกครั้งจากคนตรงหน้า
"ถ้าเป็นเธอ"
"..."
"เธอจะรู้สึกยังไงหากมีใครมาทำลายของรักของหวง"
อึก!! โง่จริงจันทรารัตน์ โยนเบ็ดหวังให้เขาติดกับแต่ตัวเองดันถูกตอกกลับมาเจ็บปวดซะเอง
"แต่ทำไมเจ้าจันทร์รู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น" สิ่งที่ฉันทำพังมันสำคัญก็จริงอยู่ แต่เขาก็สามารถหาของขวัญชิ้นอื่นมอบให้ผู้หญิงคนนั้นของเขาแทนได้อยู่แล้ว
"ไม่มีเรื่องอื่น"
"มีสิคะ เพราะว่าเจ้าจันทร์บอกว่าชอบเฮียแล้วผู้หญิงคนนั้นมาได้ยินใช่ไหมล่ะ?" ฉันขึ้นเสียงใส่เขา
คนตรงหน้าค่อย ๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากับฉันช้า ๆ แววตาดุดันจ้องมาที่ฉัน เขาเดินเข้ามาหาก่อนจะยัดเค้กจานนั้นกลับคืนมา
"เอาไปเก็บ ฉันไม่ชอบของหวาน"
เขาไม่ตอบคำถามฉัน เขาทำเมินเฉยใส่ฉัน เขาทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีต่อใจมาก ๆ
"ทำไมไม่คิดว่าเรื่องที่เจ้าจันทร์สารภาพรักกับเฮียเป็นการวัดใจผู้หญิงของเฮียกันล่ะ" ได้แต่ก่นถามตัวเองคนเดียว เมื่อพื้นที่ตรงนี้ไร้เงาของอีกคนอยู่ฟัง
'เจ้าจันทร์รักเฮียราชย์'
คืนพระจันทร์เต็มดวง ส่องแสงนวลอบอวนทั่วท้องฟ้าในคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อนยังตราตรึงในหัวใจฉัน
'แต่ฉันมีแฟนแล้ว เรากำลังคบกันและรักกันมาก'
ประโยคปฏิเสธนิ่ง ๆ นั้นทำให้ฉันเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ
หมับ...ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก
'เป็นเจ้าจันทร์ ฮึก เป็นเจ้าจันทร์ไม่ได้เหรอคะ'
ฉันร้องไห้เหมือนเด็กที่ถูกขัดใจไม่ให้ซื้อของเล่นที่ชอบ
'เจ้าจันทร์เป็นน้องสาวของเฮียดีที่สุดแล้ว'
คำปฏิเสธที่แสนละมุนแต่หัวใจคนฟังอย่างฉันกลับแตกสลาย
เหตุการณ์ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่ามีอีกคนเข้ามาเห็นพอดีและเข้าใจผิดและเกิดเป็นเหตุผลให้เฮียราชย์เปลี่ยนไปจากเดิม เวลาเจอกันเขาจะมองฉันด้วยสายตาขวาง ๆ เหมือนไม่อยากเจอ
จวบจนฉันมารู้ในวันที่ตัดสินใจจะมาเรียนต่อเมืองนอกว่าพวกเขาสองคนเลิกกันหลังจากวันที่ฉันสารภาพรักเขาเพียงแค่สองสัปดาห์ต่อมา