ดวงใจกับชิดชนกยิ้มให้กันแล้วชิดชนกก็กล่าวสำทับอีกว่า
“ถ้าเธอไม่เต็มใจ ไม่อยากแต่งงานกับพี่สิงห์จริงๆ เราสองคนช่วยเธอได้แน่นอน”
“แล้วจะช่วยยังไงล่ะจ๊ะ”
“เอาหูมานี่สิ แล้วก็อย่าเพิ่งไปบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
ลลินพยักหน้า หากว่ามีหนทางที่เธอไม่ต้องแต่งงานกับคนที่มีเมียแล้วถึงสองคนอย่างพันสิงห์ เธอก็อยากจะลองดูสักครั้ง
ชิดชนกจึงบอกวิธีที่จะทำให้ลลินไม่ต้องแต่งงานกับสามีของเธอให้ลลินฟังอย่างคร่าวๆ
จากนั้นก็ไปกระซิบกระซาบกับนิคมบ้าง
ลลินฟังเสร็จก็ตกใจมากเหมือนกัน แต่พอหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างนิคม เขากลับยิ้มอ่อนโยนให้กับเธอ
“ให้คมช่วยแนนนะ” แล้วนิมคมก็กระซิบกระซาบกับลลินอีกต่อ พูดพอให้เธอเข้าใจ สาวน้อยก็พยักหน้า
“งั้นตกลงตามแผนนี้นะ ทุกอย่างจะต้องดำเนินการเสร็จก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน เริ่มแผนการพรุ่งนี้เลยนะน้องแนน” ชิดชนกพูดกำกับเอาไว้ ในใจก็กระหยิ่มยิ้มย่อง
‘อิโง่ มึงเสร็จกูแน่’
“จ้ะ”
“งั้นเราสองคนไปแล้วนะ”
“จ้ะ”
“พี่ดวงเราไปเถอะ แล้วพรุ่งนี้เย็นเจอกันนะ” ชิดชนกมองสบตาเด็กสาวที่อ่อนกว่าเธอเป็นรอบ ด้วยประกายตาหวาน แต่ทว่าพอตวัดสายตามาสบตากับพันธมิตรชั่วคราวก็กลายเป็นยิ้มร้ายกันทั้งสองคน
“แนน ไว้ใจคมนะ คมตั้งใจจะช่วยแนนจริงๆ เพราะคมรู้ว่าแนนไม่อยากแต่งงานกับเขาหรอก ใช่ไหม”
“ใช่ แนนไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น”
“โอเค งั้นวันนี้คมกลับไปเตรียมแผนการก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เย็นคมจะมารับ สักหกโมงเย็นนะ แล้วอย่าให้ใครเห็นล่ะ”
ลลินพยักหน้า
พอคล้อยหลังนิคม ลลินก็มองไปทางสำนักดูดวงของพันสิงห์อย่างหวั่นๆ ถึงเขาเป็นหมอดู แต่เขาคงไม่ได้มีญาณวิเศษมาได้ยินในสิ่งที่พวกเธอสี่คนคุยกันอยู่เมื่อครู่หรอกนะ เพราะว่าเขาอยู่ตั้งไกล
ลลินเห็นสองสาวไปแวะคุยกับพันสิงห์ครู่หนึ่งก็พากันกลับออกไปในตอนบ่ายแก่ๆ แล้วเธอก็เดินเข้ามาในบ้าน
และรู้สึกใจคอไม่ดีนักที่ตกลงทำตามแผนการของพวกเขาทั้งสามคน แต่เพราะเธอไม่อยากจะแต่งงานกับพันสิงห์ผู้ชายที่ดูน่ากลัวคนนี้จริงๆ เธอถึงต้องลองเสี่ยงดูสักครั้ง
เพราะยังมั่นใจในตัวนิคมที่คบกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอจึงไม่เปลี่ยนใจที่จะทำตามแผนของทุกคน
พรุ่งนี้เย็นเธอต้องหาทางออกไปพบนิคมที่จุดนัดพบให้ได้ โดยไม่ให้ใครเห็น ไม่อย่างนั้นแผนอาจจะล่มได้
‘แต่ว่าเย็นวันนี้เธอจะรอดไหม’
ในเมื่อพ่อกับแม่จะกลับมาพรุ่งนี้ตอนสายๆ เธอถูกฝากเอาไว้ให้คู่หมั้นดูแล พันสิงห์ต้องมาหาเธอเย็นนี้แน่ๆ
จะขังตัวอยู่แต่ในบ้านก็คงไม่ได้ เขาก็คงเข้ามาหาเธอได้อยู่ดี ‘งั้นตอนนี้แอบไปหาป้าหอมนวลดีกว่า’
คนที่กำลังคิดจะหนีคู่หมั้นของตนเอง มองไปยังสำนักหมอดูไพ่ยิปซี เมื่อไม่เห็นเจ้าของสำนัก เธอก็แอบย่องออกไปทางหน้าบ้าน แล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังบ้านของป้าหอมนวลที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งก็ไกลอยู่พอสมควร เดินไปแบบนี้ก็คงราวๆห้านาทีคงจะถึง
พอสาวน้อยได้ยินเสียงสวบๆตามหลังมา เธอก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปยังบ้านป้าหอมนวลทันทีโดยคิดเหลียวหลังกลับไปมอง คือมันจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่เธอจะต้องไปให้ถึงบ้านป้าหอมนวลก่อนค่อยว่ากัน
ตอนนี้ก็บ่ายสามกว่าๆแล้ว ร่างเพียวบางในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดพอดีตัว ที่รีบหยิบมาสวมใส่แบบไม่ได้เลือกว่าสวยหรือไม่สวย เดินลิ่วๆไปจนถึงประตูรั้วบ้านของป้าหอมนวล
“ป้านวล! ป้านวลจ๊ะ อยู่ไหม”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“ป้านวล!” เรียกเสียงดังขึ้นอีก
แต่ก็ยังเงียบเช่นเดิม ลลินไม่ยอมแพ้ จึงถือวิสาสะยกรั้วไม้ไผ่ออก เปิดแง้มๆเข้าไปพอที่จะเอาตัวรอดเข้าไปได้ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เพราะคิดว่าป้าหอมนวลอาจอยู่ในครัวหลังบ้านจนไม่ได้ยินที่เธอเรียกหาก็ได้
หญิงสาวเดินไปจนถึงในครัวที่ต่อเติมออกมาจากตัวบ้าน เพราะประตูครัวมันเปิดอ้าอยู่เธอจึงเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นหูของเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
“โอ้ย! เจ็บ”
‘มีคนร้องเจ็บ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า’
คนที่กำลังสงสัยเดินเข้าไปใกล้อีก
“โอ๊ย อ๊า...”
‘ตายแล้ว อย่าบอกนะว่ามันคือเสียง’
เธอจำได้ เพราะเธอเคยทำเสียงแบบนี้มาก่อน ในใจก็เต้นตึ้กๆตั๊กๆ
หญิงสาวกำลังจะเดินออกไปจากห้องครัว เธอกลับเห็นผู้ชายสองคนสวมชุดดำ ใส่หมวกอีโม่ง เห็นแต่ตา ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในบ้านของป้าหอมนวล
สาวน้อยก็เกิดความกลัวขึ้นมาทันที จึงรีบหาทางเข้าไปหลบสองคนนั้นที่กำลังจอดรถแล้วเดินเข้ามาในบ้านอย่างกับโจรผู้ร้าย
พวกมันเดินเข้ามาทางห้องครัว ทำให้ลลินต้องเดินกลับเข้ามาทางเดิม ไม่รู้จะหลบตรงไหน ก็เลยเข้ามาหลบอยู่ที่ชั้นวางของ แอบไปนั่งหลบอยู่ตรงนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกิจกรรมของคู่รัก กำลังเล่นชักกะเย่อกันอยู่อย่างเมามันตรงโซฟาเก่าๆในห้องรับแขก ซึ่งข้างกายคู่หนุ่มสาวมีขวดเหล้าวางอยู่
‘มิน่าเล่าถึงเอากันแบบไม่กลัวว่าใครจะเข้ามาเห็น ที่แท้ก็เมา’
“อ๊า...ผัวขาแข็งจังเลย โอ้วๆ...แรงๆเลยผัวขา อ๊าๆๆ...อ๊ะ....ซี๊ด....”