บทที่ 7 ความจริง

2197 Words
ภูเมฆมือสั่นเลยทีเดียว เขารู้สึกโกรธแทนแพรไหม ทำไมเธอถึงแต่งงานกับผู้ชายที่มีนิสัยหน้าตัวเมีย จำได้ว่าไอ้หมอนี่มันบอกว่าได้นอนกับผู้หญิงคืนนั้น ส่วนหล่อนคนนั้นก็บอกว่าเขามีเมียอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นแพรไหม “บ้าฉิบ...” เขาอดที่จะสบถออกมาไม่ได้ “มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณดึงโทรศัพท์ไปแบบนี้รู้ไหมว่ามันทำให้ความหล่อของคุณลดลง” เขาทำตัวเสียมารยาท แย่งโทรศัพท์ไปจากมือของเจ้าของ “ขอโทษครับ ว่าแต่ผู้ชายคนนี้อยู่ไหนครับ” “เห็นแพรบอกว่าไปทำงานที่ฝรั่งเศสค่ะ” เขาขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าไปทำงานหรือไปทำอะไร ...ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขาไม่รู้ว่าจะบอกเธอดีไหม แพรไหมจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า แต่ท่าทีนักเลงของไอ้หมอนั่นมันน่ากวนโอ๊ย “เอ่อ...ขอโทรศัพท์คืนด้วยค่ะ” ภูเมฆสีหน้าเปลี่ยนไป พอเขาทำหน้าเข้ม ความน่ากลัวก็แผ่กระจายทั่วร่างของเขา ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นพ่อเลี้ยง “ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” “คะ?” พัดลดารับโทรศัพท์มาพร้อมกับทำหน้าฉงนใจ หวั่นเกรงกับคำถามของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้เอ่ยถามเสียด้วยซ้ำ แต่ใบหน้าเคร่งขรึมของเขามันน่ากลัวมากจริง ๆ “สามีคุณแพร...เขามีนิสัยยังไงครับ” “หือ...ถามทำไมคะ” พัดลดาหรี่ตามองอีกฝ่ายราวกับกำลังจับผิด “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเลย” เขายกมือขึ้นปฏิเสธเป็นพัลวัน ไม่ได้คิดจะถามเพื่อเข้าไปแทนที่ “ก็...เป็นคนดีค่ะ รักแพรมาก เอาใจใส่เก่ง งานนี้ก็ได้เอเจนซีที่พี่วินจ้างมานะคะ ถึงเขาจะไม่ได้มางานแต่ก็ให้คนจัดการให้ภรรยาเสมอ เอาใจเก่งมาก แพรอยากทำอะไรก็ให้ทำ แพรอยากได้อะไร อยากไปไหนก็ไม่เคยขัด” พ่อเลี้ยงภูเมฆพยักหน้าเข้าใจ ผู้ชายเอาใจเก่งมักทำให้ผู้หญิงหลงใหลเสมอ “แล้วเรื่องผู้หญิงล่ะครับ” “ถามแปลก ๆ นะคะ ฉันเริ่มไม่กล้าบอกแล้วล่ะค่ะ มันจะกลายเป็นขายเพื่อนหรือเปล่า” พัดลดายกมือขึ้นป้องปาก บางอย่างมันเกินขอบเขตไปก็ไม่ได้อยากพูด “ถ้างั้น...เรามาดื่มกันหน่อยดีไหมครับ” “หือ...” “ทางนี้ครับ” เขาเดินนำหน้าไปที่โต๊ะยาวจำนวนแปดที่นั่ง ที่ตอนนี้ยังคงไร้ผู้คนอยู่ ด้วยความที่แขกที่มาร่วมงานนั้นทยอยกันไปถ่ายรูปตามบูธต่าง ๆ ...เขารินไวน์ให้เธอ ชายหนุ่มทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งโดนหลอก แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจริง ๆ แล้วคุณแพรไหมรู้เรื่องอยู่แล้วหรือเปล่า “หลอกมอมเหล้าฉันปะเนี่ย” แม้นจะว่าอย่างนั้นก็ไม่อยากเสียมารยาท มันง่ายเสียเมื่อไรที่จะได้นั่งดื่มไวน์พลางมองหน้าผู้ชายหน้าตาดีไปด้วย โอกาสของผู้หญิงใบหน้ากลาง ๆ อย่างเธอนั้นน้อยนิด ฉวยโอกาสนี้ไว้ก็ถือว่าเป็นแต้มบุญของชีวิตแล้ว “เปล่าหรอกครับ ผมก็แค่อยากมีเพื่อนดื่มน่ะ” “หือ...ก็ได้ค่ะ ชนแก้วหน่อยไหม” หล่อนชูแก้วไวน์ทรงสูงไปทางเขา เช่นเดียวกับภูเมฆที่ตอบรับคำชวนนี้ ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอ ซึ่งทันทีที่แอลกอฮอล์เข้าปาก พัดลดาก็หลงลืมความกังวลก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น “คุณวินเป็นประธานบริษัทวีพีดีเวล๊อปเมนต์ที่ใครก็ต่างรู้จักค่ะ เขารวยมาก ๆ เลยล่ะค่ะ” เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องของผู้ชายหน้าตาเมียคนนั้น สิ่งที่เขาอยากรู้คือความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ต่างหาก “แล้วทั้งสองคนนี้รู้จักกันได้ยังไงครับ” “จริง ๆ แล้วทั้งสองเรียนมหา’ลัยเดียวกันก็มีโอกาสเจอกันบ้าง แล้วก็แต่งงานกันไวมากเลยค่ะ แพรเรียนจบพี่วินก็ขอแต่งงานเลย แล้วก็แต่งงานกันมาปีนี้เข้าปีที่สิบแล้ว” “_” ภูเมฆฟังสิ่งที่หล่อนคนนี้พูดแล้วก็รู้สึกกังวลใจ ทำไมแต่งงานกันมานานขนาดนี้ เธอคงผูกพันไม่น้อย “ตอนที่เรียนอยู่ พี่วินเป็นคนเจ้าชู้มากค่ะ เรียกได้ว่าเป็นคาสโนวาตัวพ่อประจำคณะบริหารเลย” พอได้ยินอย่างนี้ภูเมฆก็เชื่อได้ว่าผู้ชายคนนั้นคงมั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง ๆ “แล้วตอนนี้ล่ะครับ” “ไม่แล้วนะคะ ตั้งแต่แต่งงานกับแพรมา เห็นแพรเล่าให้ฟังพี่วินบอกว่าจะไม่นอกใจเธอ” “หึ...” เขาแค่นหัวเราะเบา ๆ แม้นว่าไม่มีหลักฐานคาตาว่าผู้ชายคนนั้นนอกใจแพรไหม แต่คำพูดของมันนั้นบอกกับเขาว่ามันทำจริง ๆ “แล้วก็ไม่ได้ยินเรื่องนี้อีกเลยนะคะ” “_” “แพรน่ะ รักพี่วินมาก” คำนี้ทำเอาคนได้ยินรู้สึกวูบที่หัวใจ เขาค่อย ๆ หันไปมองเจ้าของชื่อ ซึ่งเธอกำลังคุยกับแขกอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอนั้นเหมือนกับเป็นภาพสโลว์โมชัน เขามองตาไม่กะพริบเลย แต่พอหล่อนหันมามองก็เป็นต้องหลบสายตา “อ้าว...” แต่พอหันกลับมามองพัดลดา อีกฝ่ายก็ฟุบหน้าหลับไปแล้วเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มยื่นมือไปคว้าเอาแก้วไวน์ออกจากมือของเธอ ซึ่งไม่ใช่แค่เขาที่เห็น แต่แพรไหมก็เห็นด้วย หญิงสาวเดินมาที่โต๊ะยาวนี้ “เมาเหรอคะ” เสียงของเธอทำให้คนตัวโตที่จมอยู่กับความคิดหันไปมอง ใจของเขาเต้นตึกตักเมื่อได้พบหน้าเจ้าหล่อน “ครับ หลับไปเลย” “ให้ตายสิ รู้ว่าตัวเองคออ่อนยังมาดื่มอีกนะ นี่ก็ยังไม่ถึงเวลางานเลี้ยงเลิกเลย” เธอบ่นอุบอิบ จะพาเพื่อนไปนอนก็คงไม่ง่าย “เดี๋ยวผมนั่งเฝ้าเองครับ” “จะดีเหรอคะ” เธอเลื่อนสายตามองแขก เพราะตอนนี้แขกเยอะ การที่เพื่อนเมาฟุบหน้าแบบนี้อาจจะทำให้ดูไม่ดี “งั้นไปนั่งที่หลังพุ่มไม้นั่นดีไหมครับ ลับสายตาคนด้วย” เธอเลื่อนสายตาไปมองตามสายตาของคนพูด ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “เดี๋ยวฉันเรียกคนมาพาพัดไปค่ะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วย เผื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกจะได้ไม่ตกใจ” แพรไหมไม่อยากรบกวนเขาเลย เธอรู้ว่าทำไมเขาทำดีด้วย หญิงสาวรู้สึกเกรงใจไม่น้อย แต่พอจะปฏิเสธ “ลูกแพรจ๊ะ...” เสียงคุ้นหูนี้ก็ดังขึ้นมา เป็นแม่ของคนเป็นสามี เธอเบิกตากว้าง ก่อนจะหันกลับมาพูดกับภูเมฆ “งั้นฉันฝากด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันมา” “ตามสบายครับ ไม่ต้องรีบ” ชายหนุ่มจะอยู่จนจบงานเลี้ยง เพื่อคุยบางอย่างกับเธอ การนั่งเฝ้าพัดลดาก็เป็นข้ออ้างที่ดีไม่น้อย ซึ่งเขาต้องโทรบอกลุงจันทน์ผาว่าคงต้องกลับดึกหน่อย คงให้อีกฝ่ายนั่งรอที่ข้างนอกรถ หากนั่งบนรถนานก็คงไม่ดีเท่าไรนัก ...อนุวัฒน์มางานเปิดร้านคาเฟของลูกสะใภ้กับภรรยาหมายเลขหนึ่ง นั่นก็คือแม่ของลูกชายคนเดียวของเขาอย่างอนาวิน ซึ่งตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเจ้าลูกชายหายหัวไปไหน ทั้ง ๆ ที่เป็นงานสำคัญของภรรยาสาว “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” พ่อแม่ของเขานั้นเอ็นดูเธอมากเลยทีเดียว แม้นว่าครอบครัวของตนจะไม่ใช่คนร่ำคนรวยอะไร อีกทั้งพ่อของเธอก็ติดพนันจนต้องสูญเสียธุรกิจที่ทำมา แต่พ่อแม่ของคนเป็นสามีก็ไม่นึกรังเกียจเธอ แถมยังให้ค่าสินสอดตั้งยี่สิบล้านอีกต่างหาก “ไหว้พระเถอะลูก...เฮ้อ นี่หนูต้องรับแขกคนเดียวเลยใช่ไหม” ปลายมาสยกมือขึ้นกุมฝ่ามือทั้งสองข้างของลูกสะใภ้พลางถอนหายใจให้กับลูกชายตัวดี “ไม่เป็นไรค่ะ พี่วินเขาไปทำงานนี่นา” “หืม...งานเหรอ” “ใช่ งานน่ะสิ” เห็นท่าไม่ดี อนุวัฒน์รีบเข้าข้างลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เข้าข้างกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เข้าข้างลูกชายที่กำลังนอกใจเมียอย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เพราะตนนั้นก็พอ ๆ กัน “แน่นะ...เลือดพ่อมันแรง” “หึ...” แพรไหมหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นแม่สามีกระทุ้งข้อศอกใส่เอวของอีกฝ่าย “เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่นั่งทางนี้นะคะ ทานอะไรก่อน” “ดีเลย แล้วพ่อแม่หนูมากันยังล่ะ” “ออกมาแล้วนะคะ ไม่นานก็คงถึง” ครอบครัวเธอกับครอบครัวเขาเข้ากันได้ดี อนาวินเข้าทางพ่อของเธอเสียมากกว่าในตอนที่จีบเธอใหม่ ๆ ยอมรับว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีมาก แต่ด้วยนิสัยเจ้าชู้ของเขาทำให้เธอไม่ค่อยโอเคเท่าไรนัก ทว่าพอเขาเริ่มจริงจังขึ้นมา ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว มันดีมากต่างหาก “นั่นไงคะ พูดถึงก็มาเลย” พอพาพ่อแม่สามีไปนั่งเรียบร้อยแล้ว พ่อแม่ของเธอก็มาถึง แพรไหมเดินไปรับทั้งสอง “มาช้านะคะ” เธอบ่นอุบอิบพลางเดินเข้าไปสวมกอดคนทั้งคู่ “หนูรอตั้งนาน วันดี ๆ ของลูกยังมาช้าอีกนะ” “บ่นไรเป็นคนแก่ไปได้ ก็รถมันติด” พัฒน์พงศ์ว่าเสียงไม่พอใจลูกสาว ต่างจากมารดาที่เอาแต่ยิ้มชื่นชมร้านกาแฟของลูกสาว “ร้านสวยมากเลยลูก ยินดีด้วยนะ” มารดาเตรียมดอกไม้มาให้แพรไหม ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปสวมกอดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ไม่ว่าจะโตมากแค่ไหน ก็ยังเป็นเด็กน้อยของพ่อแม่เสมอ “ขอบคุณมากค่ะ หนูชอบมาก” เธอเป็นคนชอบดอกไม้มาก ร้านกาแฟเปิดใหม่นี้จึงถูกตกแต่ง ประดับประดาด้วยดอกไม้เป็นส่วนใหญ่ “แล้วคุณวินไม่ได้อยู่ด้วยเหรอลูก” “เอ๊ะ...จะไปถามหาเขาทำไม วันนี้ไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย คุณวินเขาก็ต้องทำงานน่ะสิ” พ่อเข้าข้างลูกเขย รักมากยิ่งกว่าลูกตัวเองเสียอีก คงเป็นเพราะคนเป็นพ่ออยากได้ลูกชายกระมัง “งั้นเหรอลูก...” เพียงใจจับต้นแขนบุตรสาวเบา ๆ ให้กำลังใจ หัวอกผู้หญิงด้วยกัน วันสำคัญแบบนี้ก็อยากให้ผัวอยู่ด้วยเป็นธรรมดา ลูกสาวคงน้อยใจไม่น้อย “เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปนั่งกับที่โต๊ะพ่อแม่พี่วินเลยนะ” “อ้าว...คุณวัฒน์มาแล้วเหรอ!” พ่อตกใจตาโตแทบถลนออกมา ท่าทีของพ่อทำให้แพรไหมอายไม่น้อย ท่านชอบเกาะแข้งเกาะขาพ่อวัฒน์มาก มากจนทำให้เธอรู้สึกละอายใจ ซึ่งตอนนี้ทั้งสองก็เดินไปนั่งที่โต๊ะยาวแล้ว พูดคุยสัพเพเหระกันเสียงดังแจ้ว ๆ “บอกให้มีลูกก็ไม่ยอมมีกัน เด็กสมัยนี้มันยังไงกันนะ” “นั่นสิ...ผมล่ะอยากได้หลานชายหนึ่ง หลานสาวอีกหนึ่ง แต่ก็ปล่อยให้อายุเลยมาจนเลขสามแล้ว หมดหวังแล้วมั้ง” บิดาพูดพร้อมกับหันมามองเธอ แพรไหมหลบสายตาเล็กน้อย “เอาเถอะ อย่าไปกดดันเด็กมัน เอาไว้ให้หนูแพรไปเก็บไข่ไว้นะลูก” อนุวัฒน์ว่าพร้อมกับหันมามองแพรไหมเช่นกัน เธอพยักหน้ารับเบา ๆ จริงที่พอนานไปแล้วไข่ของผู้หญิงจะฟ่อหมดไปเสียก่อน เธอต้องรีบฝากไข่ไว้ “ไม่ได้กดดันหรอกนะหนูแพร แต่พ่อ ๆ แม่ ๆ ก็ใช่ว่าจะอายุยืนกัน” ปัญหาไม่ใช่เธอเสียหน่อย ปัญหาของเรื่องนี้คือคนเป็นสามีไม่อยากมีลูกต่างหาก ...แพรไหมนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกัน สลับกลับเดินไปต้อนรับแขกวนไปจนกระทั่งพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงจนลับขอบฟ้า งานเลี้ยงก็เลิกรา แขกเหรื่อทยอยกลับจนหมด “ให้ตายสิ!!” เธอเพิ่งนึกได้ว่าฝากพัดลดาไว้กับพ่อเลี้ยงภูเมฆ เวลาเกือบสามชั่วโมงนั้นเธอลืมไปเสียสนิท หญิงสาววิ่งตาลีตาเหลือกไปที่โต๊ะหลังพุ่มไม้ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันลืมไปเลย...มุมนี้ลับสายตาคนจริง ๆ ด้วยเล่นเอามองไม่เห็นเลย” พอมาถึงเธอก็เอ่ยพูดยาวเหยียด ด้วยความที่รู้สึกผิด ส่วนพ่อเลี้ยงนั้น...เขานั่งกังวลมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนจะบอกนั้นมันเหมาะมันควรหรือเปล่า แต่เขาต้องบอกให้เธอตาสว่างให้ได้ “เอ่อ คุณแพรครับ...ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงของเขานั้นไม่สู้ดีนัก ราวกับว่ามีเรื่องให้กังวลใจ ยิ่งได้ยินอย่างนั้นเธอเองก็อยากรู้เช่นกัน “เรื่องอะไรคะ...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD