ภูเมฆอดที่จะดีใจไม่ได้ที่ได้รับบัตรเชิญมาวันเปิดร้านวันแรกของแพรไหม เขาไม่ลืมที่จะนำของดีภาคเหนือมาให้เธอด้วย นั่นคือกระเป๋าผ้าทอ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของไร่ภูตะวันอีกด้วย
ร้านคาเฟของเธอจัดแต่งด้วยดอกไม้เป็นส่วนใหญ่ เธอคงชอบและหลงใหลดอกไม้ ทางด้านหน้ามีซุ้มเถาวัลย์พันเกี่ยว โดยรอบมีรั้วเครือไม้ดอก ทางร้านเน้นโทนสีสดใส เหมือนกับอยู่ในทุ่งดอกไม้ เข้ามาแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น แม้นจะขัดกับลุคเขาสักหน่อย วันนี้พ่อหนุ่มหนวดเครารกรุงรังอย่างวันนั้นไม่มีแล้ว เขามาในมาดหนุ่มเนี้ยบ โกนหนวดโกนเคราจนแพรไหมจำไม่ได้
“อ้าว...ใช่พ่อเลี้ยงไหมคะ” เธอต้องใช้เวลาเพ่งสายตานานพอสมควร กว่าจะรู้ว่าบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดึงดูดสายตาแขกผู้มาร่วมงานคนนี้เป็นใคร
“ใช่ครับ” ว่าพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบท้ายทอย เล่นเอาเขาเสียอาการเลยทีเดียว วันนี้สาวเจ้าแต่งตัวด้วยชุดสีฟ้าอ่อน ม้วนผมเป็นมวยไว้ทางด้านหลัง
“มาถ่ายรูปกันค่ะ”
“เอ่อ ผมมีของมาให้ด้วยครับ” ว่าเสียงอ่อน รู้ว่าไม่เหมาะไม่ควรที่มารู้สึกกับคนที่แต่งงานแล้ว แต่ทว่าเขาเองก็อยากทำความรู้จักกับเธอในฐานะเพื่อน
“อะไรเหรอคะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“ไม่ได้ลำบากเลยครับ เป็นของจากไร่ผมเอง” ได้ยินอย่างนั้นแพรไหมก็ตาลุกวาว รู้สึกดีใจที่เขาใส่ใจเธอมากถึงขนาดนี้ แต่อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อย สายตาของเขานั้นสื่อความรู้สึกได้ดีมากเลยทีเดียวว่ากำลังรู้สึกอะไรกับเธออยู่
“โอ...สวยมากเลยค่ะ” เธออ้าปากเหวอ ลวดลายผ้าทอของกระเป๋านั้นทำให้เธอตกใจในความสวยงาม
“เป็นผ้าทอด้วยมือของชาวบ้านครับ”
“สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร ส่วนคนถูกยิ้มให้น่ะหรือสตันไปหลายวินาทีเลยทีเดียว
“คุณภูเมฆคะ! ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าคะ!” เอ่ยเรียกเสียงดัง อยู่ ๆ เขาก็เงียบไปเสียอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคำตอบของเขา
“คุณสวยมากเลยครับ”
“หืม...” หญิงสาวลากเสียงยาวด้วยความแปลกใจ เธอยกมือขึ้นทัดผมที่ใบหู พร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากัน
“อ้อ...ผมขอโทษครับ พอดีมองหน้าคุณแล้วคำนี้มันลอยออกมาโดยอัตโนมัติ” เขาว่าด้วยความเขินอายอยู่ไม่น้อย ทว่า
“ขอบคุณนะคะ แต่ว่าฉัน...แต่งงานแล้วนะ” เธอย้ำอีกครั้ง ทำเอาคนที่กำลังยิ้มอยู่นั้นหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ผมรู้ครับ”
“ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องพูดตรง ๆ” เธอซื่อสัตย์ต่อคนรักเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก สมัยนี้คนที่มีจิตสำนึกน้อยลงไปทุกที
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจคุณนะ” เขาพยักหน้ารับเบา ๆ
“มาถ่ายรูปกันก่อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เขาเห็นความไม่สบายใจบนใบหน้าของเธอ ภูเมฆจึงคิดว่าตนนั้นกำลังล่วงเกินมากเกินไป เขาควรถอยดีกว่า
...เช่นเดียวกับแพรไหม เธอไม่ควรไปเห็นใจเขาเพราะแววตาของเขานั้นสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่าชอบเธอ หญิงสาวไม่ต้องการให้เขาคิดว่าตนให้ความหวัง เธอเลือกที่จะไม่คะยั้นคะยอให้เขามาถ่ายรูปให้ได้
“แก...ใครเหรอหล่อมาก” เสียงของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวทำให้แพรไหมสะดุ้งโหยง ดึงสติที่ล่องลอยนั้นกลับมา
“อ้อ พ่อเลี้ยงน่ะ เอ่อ...คุณภูเมฆ เขาเป็นเจ้าของไร่ชากาแฟที่ฉันทำสัญญาด้วยน่ะ”
“อ้อ...หล่อมาก เดี๋ยวฉันมานะ”
“อ้าว...ยัยเพื่อนคนนี้” ยังพูดไม่ทันจบประโยคเสียด้วยซ้ำ เพื่อนสาวก็เดินไปหาพ่อเลี้ยงภูเมฆเสียก่อน
“เอ่อ สวัสดีค่ะ” พัดลดายื่นมือออกไปข้างหน้าหมายจะทำความรู้จักกับอีกฝ่าย ซึ่งตอนนี้ใบหน้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่สดใสเอาเสียเลย เขาอยากกลับบ้านเอาเสียดื้อ ๆ
“ครับ” ตอบรับเสียงแผ่วเบา มุมปากหนากระตุกยิ้มเพียงเล็กน้อย ทำเอาสาวที่เข้ามาทักนั้นหน้าเสียเลยทีเดียว ดูเขาคุยกับคนเป็นเพื่อนเมื่อครู่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นชอบแพรไหม
“แพรไหมแต่งงานแล้วล่ะค่ะ” เสียงของหล่อนทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมามองเพียงนิด ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาไปมองเธอคนที่ถูกกล่าวถึง
“รู้แล้วครับ”
“หึ ชอบเธอเหรอคะ”
“_” คงตอบให้ไม่ได้ มันคงดูไม่เหมาะไม่ควรที่จะพูดออกมาว่าชอบผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว ภูเมฆเลือกที่จะเงียบ
“วันนี้สามีของแพรไม่ได้มาด้วยแหละ”
“หืม?” คำพูดของเธอทำให้เขาหันมาสนใจอีกครั้ง วันสำคัญของภรรยาทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มา
“แปลกใช่ไหมคะ วันนี้เป็นวันสำคัญของเมียตัวเองแท้ ๆ”
“_”
“ฉันล่ะไม่ชอบเขาเลย แต่แพรก็รักก็หลง แหงแหละทั้งหล่อ ทั้งรวย เทคแคร์เก่งขนาดนั้น” พอเจ้าหล่อนพูดคนได้ยินก็ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว สรุปแล้วไม่ชอบหรือชอบกันแน่ทำไมเอ่ยปากชมไม่หยุด
“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอกค่ะ ฉันว่าคุณหล่อสูสีเลยล่ะ...นี่ ๆ อยากเห็นหน้าเขาไหม” อยู่ ๆ เธอคนนี้ก็ควักเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง แต่ภูเมฆก็ส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ เขาไม่ควรละลาบละล้วงเรื่องของคนอื่น
“นี่ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เขาโบกมือเป็นพัลวัน แต่ทว่าสายตามันก็บังเอิญไปมองเห็นราง ๆ ชายหนุ่มชะงักในทันที “เอ...ทำไมผมคุ้นหน้าจัง”
“หืม...คงเห็นตามข่าวมั้งคะ คุณอนาวินเป็นประธานบริษัท อ๊ะ!” พัดลดาตกใจที่อยู่ ๆ เขาก็คว้าเอาโทรศัพท์ในมือของเธอไปซูมดูรูปภาพ ภูเมฆไม่อยากทำตัวเสียมารยาท แต่เขาจำหน้าไอ้หมอนี่ได้ ไอ้หน้าตัวเมียวันนั้น...
ที่ฝรั่งเศสอยู่ในช่วงฤดูหนาว บรรยากาศแสนโรแมนติกกับโลกอีกใบของเขา อนาวินมาเรียนที่นี่สองปีหลังจากจบปริญญาตรี เขาปลูกต้นรักกับสาวฝรั่งเศสขณะที่ยังคบหาดูใจกับภรรยาสาว ในตอนนั้นแพรไหมนึกคิดว่าเขาแค่มาเรียน ไม่ได้สงสัยในความสัมพันธ์ระยะไกลกับแฟนหนุ่ม
“อยู่ที่นี่ต่อเป็นเดือนเลยไม่ได้เหรอคะ” เสียงของสาวตาน้ำข้าวในภาษาฝรั่งเศส อนาวินกระตุกยิ้มให้เธอบาง ๆ
“คุณก็รู้ว่าผมมีงานที่นั่น”
“แล้วพอลล่าย้ายไปอยู่กับคุณได้ไหม เราจะได้เจอกันบ่อย ๆ ไงคะ” เขาไม่ได้ตอบ ร่างหนาเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับสาวข้างกาย กิจกรรมบนเตียงเล่นเอาเขาเหนื่อยไม่น้อย อนาวินในวัยสามสิบห้าแผ่วลงกว่าตอนเป็นวัยรุ่นเยอะแม้นว่าจะออกกำลังกายสม่ำเสมอก็ตาม
“หึ ถ้าคุณไปคุณจะโอเคเหรอ”
“เรื่องภรรยาคุณเหรอคะ” เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เขามาบอกว่าถูกบังคับแต่งงานด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากแต่ง หญิงสาวนึกสงสารเขา เลยยอมรับสถานะเมียเก็บที่เขามอบให้ มีเงินมีทองใช้ตลอดทั้งปี หลายปีที่เขาเลี้ยงดูเธอแทบไม่ต้องทำงาน แต่หารู้ไม่ว่าเขาโกหก จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ถูกบังคับแต่งงานเสียด้วยซ้ำ
“ผมมาหาคุณแบบนี้ดีกว่า เราจะได้เที่ยวด้วยกันไง”
“พอลล่าคิดถึงคุณค่ะ” จะให้เธอกลับไปไม่ได้หรอก ที่นั่นก็มีผู้หญิงที่เขาเลี้ยงดูเยอะเหมือนกัน เมียหลวงไม่รู้ แต่เมียน้อยจะตีกันเองนี่สิ
“ผมก็คิดถึงคุณนะ” เธอฉีกยิ้ม ก่อนจะยื่นใบหน้าขึ้นหอมแก้มสาก ลูบต้นคอแกร่งเบา ๆ เลื่อนต่ำลงมาลูบที่แผ่นอกแกร่ง ความคิดถึงโหยหานั้นทำให้หญิงสาวไม่อยากพักแม้นแต่วินาทีเดียว อยากร่วมรักกับเขาทั้งวันทั้งคืน
ร่างบางขึ้นคร่อมเขา เลื่อนมือสัมผัสหลังต้นคอแกร่งโน้มหน้าลงจูบริมฝีปากหนาอย่างเร่าร้อน ซึ่งอีกฝ่ายก็จูบตอบกลับอย่างรุนแรงเช่นกัน อนาวินยกมือขึ้นกอบกุมอกอวบทั้งสองข้างบีบเคล้นขณะที่ริมฝีปากนั้นบดจูบกับเจ้าหล่อนไม่หยุด
“อืม...” เขาครางเสียงกระเส่าในลำคอ เซ็กซ์ที่ไม่ซ้ำกันนั้นรสชาติก็ต่างไปด้วย ผู้หญิงแต่ละคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ให้ความรู้สึกตื่นเต้นคนละแบบกัน ชายหนุ่มอยากรับรสชาติหลาย ๆ แบบ หลาย ๆ คน เป็นแบบนี้ตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม จะให้เขาหยุดเขาคงหยุดไม่ได้ และจะไม่มีวันนั้น
ทว่า
ครืดด ครืดด~
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นนี้รบกวนความสุขของเขาไม่น้อย ชายหนุ่มยื่นมือไปที่หัวเตียง ควานหาโทรศัพท์โดยที่ริมฝีปากนั้นยังไม่ยอมหยุดที่จูบกับพอลล่า อนาวินยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อ เห็นเป็นเบอร์ภรรยาสาวจะไม่รับก็คงไม่ได้
“อือ~” พอลล่าขัดใจเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเบี่ยงหน้าหนี เขาชูโทรศัพท์ให้เธอดูว่ามีคนโทรมา จะงอแงก็คงไม่น่ารัก หญิงสาวปล่อยให้เขาคุยโทรศัพท์ เธอเลือกที่จะไปจูบส่วนล่างของเขาแทน
ติ๊ด!
“ครับ” เป็นภรรยาสาวที่โทรมาหา ชายหนุ่มว่าเสียงอ่อนเล็กน้อย เพราะรู้สึกเสียวแปล๊บที่ปลายหัวความเป็นชาย เขามองพอลล่าที่กำลังกลืนกินตัวตนของเขาอยู่
[หนาวไหมคะที่นั่น]
“หนาวครับ แล้วเป็นไง งานราบรื่น...ดะดีไหม” ว่าเสียงตะกุกตะกัก เลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งลงลูบศีรษะพอลล่า เธออมเก่งมากเลยทีเดียว เล่นเอาเขาเสียวไม่พัก
[หนาวจนปากสั่นเลยเหรอ ที่นี่ร้อนมาก แขกเยอะมากเลยค่ะ]
“คงวุ่น ๆ สินะ”
[ไม่เท่าไร คนของพี่ทำงานกันดีมากเลย มืออาชีพสุด ๆ ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้พี่คงแย่] เขาจัดเตรียมให้เธอทุกอย่าง อนาวินนั้นทำให้หล่อนรู้สึกว่าตนนั้นใส่ใจ เขาหลอกเธอได้อย่างแนบเนียน ใช้ความเชื่อใจของหล่อนเป็นเครื่องมือ
“แค่นี้ก่อนนะ พี่ขอทำงานก่อน”
[โอเคค่ะ คิดถึงเลยโทรมาหาน่ะ]
“พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน ไว้เจอกันนะ” ไม่ได้รอให้เธอตอบกลับ เขาชิงตัดสายไปเสียก่อน ด้วยความที่ตอนนี้เสียวปลายหัวความเป็นชายสุด ๆ พอลล่าแลบลิ้นเลียแท่งไอศกรีมแท่งโปรดนี้อย่างเมามัน หน้าเอเชียแต่ไซซ์ยุโรปมีอยู่จริง อนาวินถูกใจหล่อนทุกอย่าง ใบหน้าของเขา หุ่นของเขา เงินในกระเป๋า และที่สำคัญเซ็กซ์ของเขาดีสุด ๆ
“อืม...พอได้แล้วครับที่รัก” เขายึดไหล่ของเธอไว้ อีกนิดคงได้แตกกันพอดี ซึ่งพอลล่าก็รู้งาน เธอหยัดกายขึ้นคลานเข่าเข้าหาเขา ขึ้นคร่อมร่างหนา กอบกุมแก่นกายแข็งขืนไว้ในอุ้งมือเตรียมจะยัดใส่ที่ช่องทางรักของตน แต่เขาก็ยึดเอวของเธอไว้เสียก่อน
“ใส่ถุงก่อน”
“ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ พอลล่ากินยาคุมให้คุณได้นะ ถ้าเกิดว่าคุณไม่อยากมีลูก” เขาส่ายหน้า ชายหนุ่มไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นยกเว้นภรรยาของตน เขาจะเอาสดแค่กับแพรไหม
...อนาวินแค่ยิ้มให้บาง ๆ คว้าถุงยางอนามัยมาสวมใส่ด้วยความรวดเร็ว ทำเอาหญิงสาวบนร่างนั้นหน้างอ แต่ก็อย่างว่า...หากยอมรับสถานะที่เขายื่นให้ก็คงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรมากนัก