3

1429 Words
แม้จบจากคณะอักษรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำของประเทศพ่วงด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสอง ความรู้ความสามารถไม่เป็นรองใคร แต่หลายเดือนแล้วที่เธอยังหางานทำไม่ได้ บริษัทหลายแห่งที่เรียกไปสัมภาษณ์บอกว่าอยากได้ล่ามที่มีประสบการณ์มากกว่าเด็กจบใหม่เพราะต้องทำงานเคียงข้างเจ้านาย เด็กจบใหม่ โปรไฟล์การศึกษาดีเยี่ยมอย่างเธอจึงเคว้งคว้าง ต้องทำขนมไทยส่งขายยังชีพไปก่อนในระหว่างหางาน แต่ด้วยพอมีฝีมือในการทำขนมที่ประณีตชวนกินทำให้เธอมีลูกค้าไม่น้อย มีรายได้เข้ามาในแต่ละเดือนเลี้ยงชีพได้สบาย แต่เอาเข้าจริงๆ อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจนจบได้รับปริญญาแล้ว ยลรดาก็อยากจะใช้ความรู้ความสามารถทำงานในอาชีพที่ใฝ่ฝันมากกว่าทำขนมไทยส่งขาย และงานนี้เป็นงานที่เธออยากได้มากเป็นพิเศษ เพราะว่าล่ามสัญญาจ้าง 1 ปีที่ทางบริษัทประกาศรับสมัคร นอกจากจะได้รับค่าจ้างที่สูงมากยังต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศลิเบียด้วย ‘ลิเบีย’ เป็นประเทศในแอฟริกาเหนือที่อยู่ระหว่างประเทศอียิปต์ไปทางตะวันออกประเทศซูดาน ความฝันที่จะได้ไปเยือนพีระมิดในอียิปต์สักครั้งคงจะใกล้ความจริงเข้ามาหากเธอได้รับการคัดเลือก แวบแรกที่ถูกเลขาฯ สาวสวยตาคมที่รวบผมดูดีสมกับเป็นเลขาฯ ของผู้บริหารเรียกชื่อ ยลรดายืนตัวเกร็งแล้วเร่งเดินตามเข้าไปในห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุด ความรู้สึกมั่นใจในความสามารถแต่ขาดความเชื่อมั่นเรื่องสรีระที่มีส่วนสูงน้อยเกินไปหน่อย เมื่อก้าวผ่านประตูเข้ามา ความหวังนั้นกลับดำดิ่งตกลงไปในหุบเหว ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องมายืนให้ถูกดวงตาเยียบเย็นราวน้ำแข็งคู่นั้นแช่แข็งเอาไว้ เธอจำดวงตาล้ำลึกสีฟ้านี้ได้ดี ผู้ชายคนที่เธอเจอในร้านกาแฟสตาร์บักส์เมื่อหลายวันก่อน “เธอนี่เอง!” “คุณ!” นี่แหละมั้งที่เขาว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจส่งผลมาถึงอนาคต หากรู้ว่าในร้านกาแฟมีผู้บริหารสูงสุดของ EDI นั่งอยู่ เธอจะไม่มีวันวิ่งทะเล่อทะล่าโดยไม่ดูป้ายชื่อร้านก่อนแบบวันนั้น ดวงตาเข้มกวาดมองหญิงสาวที่เขาต้องสัมภาษณ์เป็นคนสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจว่าจะหนีบใครเดินทางไปทำงานด้วยยังประเทศลิเบีย แฟ้มสีดำในมือถูกวางลงบนโต๊ะทำงานหรูและเรียบร้อยราวกับภาพถ่าย เพราะชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้เกลียดความไร้ระเบียบ ไม่ชอบความผิดพลาด ยรลดาเนื้อตัวเยียบเย็น รับรู้ในทันทีว่าความผิดพลาดเมื่อหลายวันก่อนที่ชายตรงหน้าพบเห็นเข้าโดยบังเอิญ จะทำให้เธอต้องเดินออกไปจากประตูบริษัทแห่งนี้ด้วยมือเปล่า งานนี้หลวงพ่อวัดไหนก็ช่วยลูกให้ได้งานนี้ไม่ได้แล้ว ดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยความกังวลไม่รอดพ้นจากดวงตาคมเฉียบ เควินหรี่ดวงตาจับจ้องมายังร่างเล็ก เขานึกคลางแคลงสงสัยถึงคะแนนเต็มของผลการทดสอบข้อเขียนในแฟ้มประวัติเมื่อครู่ “ถามจริง เธอทำข้อสอบเอง หรือว่าแอบติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อซื้อข้อสอบกันแน่” แววตาเจ้าเล่ห์แฝงรอยยิ้มใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาดูรื่นรมย์มากขึ้น เขามองสำรวจผู้สัมภาษณ์รายสุดท้ายที่ยืนตัวเกร็งหน้าเจื่อนอยู่ตรงหน้า เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดจริงจังและจ้องหน้าเธอเขม็ง “ไหนบอกมาซิ คุณมีดีอะไรพอที่ผมจะรับคุณเข้าทำงาน” เจอกันครั้งแรกคือเรื่องทั่วไป...เจอกันครั้งที่สองคือเรื่องบังเอิญ...แต่สำหรับเธอและเขาคงไม่มีวันได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สาม เกือบชั่วโมงในห้องแช่แข็งทางความรู้สึก คนบ้านั่นทำให้เลือดในกายของเธอตีรวนไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งกดดัน ทั้งตัวสั่น ทั้งอยากจะเป็นลม ยลรดาต้องเก็บสีหน้ากรุ่นโกรธแกมหงุดหงิดกับสายตามีอคติคู่นั้น ความคิดอยากจะเดินออกจากห้องทำงานของเขาในระหว่างการสัมภาษณ์ผุดขึ้นมาหลายครั้ง เพราะผ่านการอบรมสั่งสอนจากรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำ เรียนรู้เรื่องมารยาทสังคมมาแล้วเป็นอย่างดี ยลรดาจึงต้องอดทนอดกลั้นรอจนเขาไล่เธอออกจากห้องเอง “ฉันหมดคำถาม ไม่มีอะไรจะถามเธอแล้ว” เธอยังจำสายตาคู่คมที่กวาดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้ววกกลับขึ้นมาจ้องตาเขม็ง ก่อนจะยิ้มหยิ่งใส่เธอเป็นครั้งสุดท้าย “จบการสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ ออกไปได้แล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ แล้วโบกมือออกห่างตัวเป็นการไล่ให้เธอรีบๆ ออกไปให้พ้นหน้าเขา “ค่ะ” หญิงสาวหันไปกล่าวลาอีกหลายภาษาให้กับคนสองสามคนในห้องที่เพิ่มเข้ามาทีหลัง รวมถึงเจ้าของดวงหน้าเข้มหล่อเหลาในชุดสูทสีเทาราวกับเจ้าชายอาหรับ ซึ่งดูเป็นมิตรที่สุดในห้องนี้ เหมือนเขาจะไม่ใช่พนักงานของที่นี่ แต่เธอไม่มีเวลาสนใจเขามากนัก เพราะคนที่นั่งโดดเด่นอยู่หลังโต๊ะทำงานสุดหรูและเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ส่งแววตาเย็นเฉียบเชิงคำถามมาว่า ‘ไล่แล้วยังไม่ออกไปอีก?’ ยลรดาที่ยืนตัวเกร็งลีบหันหลังก้าวเร็วๆ ออกจากห้อง รีบเดินไปกดลิฟท์ลงไปที่ชั้นจี ชายหนุ่มที่เดินตามหลังมาเห็นสาวถูกใจก้าวเข้าประตูลิฟต์ไปแล้ว ประตูกำลังจะปิดลง สายตาคู่คมลุ่มลึกสอดแทรกผ่านรอยแยกของช่องประตูลิฟต์เข้าไปสบตากลมโตดำสนิทแช่นิ่งอยู่เพียงเสี้ยวนาที เขาเห็นแววตาท้อแท้ สิ้นหวัง ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดสนิท “เดี๋ยวสิ” แต่ไม่ทันเสียแล้ว โอกาสทำความรู้จักกับเธอปิดลงพร้อมประตูลิฟต์ น่าเสียดาย... ยลรดาเดินมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อแลกบัตร เมื่อได้มาแล้วก็เก็บเข้ากระเป๋าอย่างเรียบร้อยแล้วกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่สาวสวย เมื่อเดินออกมาพ้นประตูอาณาจักรของเควิน ลาซอนเนติ หญิงสาวพลางถอนหายใจความคิดลอยค้างอยู่กลางอากาศ “คนบ้า เอาอะไรมาตัดสินความสามารถของฉัน อคติสิ้นดี” แฟ้มสีดำถูกวางแรงๆ ตรงหน้าลูก้า คนสนิทผู้พ่วงตำแหน่งหัวหน้าบอดีการ์ดและเลขาฯ ชายไปพร้อมกัน ท่าทางไม่พอใจของเจ้านายทำให้ลูก้ารีบเอ่ยขึ้น “คุณเควิน ไม่ชอบสักคนเลยหรือครับ ผมว่าแต่ละคนโปรไฟล์ก็ไม่ได้แย่ ออกจะ...” “ไม่” ลูก้าชะงักเมื่อถูกสายตาสีฟ้าเงยขึ้นมองอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เข้าตาสักนิดเลยหรือครับ” น้ำเสียงของเควินเริ่มส่งพลังอันตราย “ไม่เอา เข้าใจยากนักหรือไงวะ” เสียงเข้มดังขึ้น ทว่านิ้วชี้แข็งเกร็งกำลังเคาะโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิดไปด้วย “สามคนในแฟ้ม ฉันไม่เอาใครสักคน ถ้าเสียดาย อยากได้เอาไว้เอง ฉันก็ไม่ว่า” “ครับ...ไม่เอาก็ไม่เอาครับ” แม้เขาจะเคยหวั่นเกรงกับน้ำเสียงเฉียบขาดแบบนี้ แต่ทำงานมาด้วยหลายปี เขารู้ว่าอะไรคือของที่เจ้านายต้องมี แล้วจะไม่เอาได้ยังไง “แต่ของมันต้องมีไม่ใช่เหรอครับคุณเควิน” เขาคัดเลือกมาได้แค่สามคน กว่าจะหาได้ขนาดนี้ก็แทบตาย แต่เจ้านายไม่ถูกใจใครสักคนเลย เควินหรี่มองคนสนิทที่พยายามยืนตื๊อ “สิ่งที่นายต้องรีบไปทำเดี๋ยวนี้คือไปให้พ้นหน้าฉัน เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปลิเบียพรุ่งนี้เช้าก่อนเก้าโมง” “ปะ...ไปครับ ผมจะรีบไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อมครับคุณเควิน” คนอย่างเจ้านายเขาล้อเล่นด้วยไม่ได้ สั่งแล้วต้องทำเลย เควิน ลาซอนเนติ เกลียดคำว่าไม่ได้ ไม่ชอบคนทำอะไรเชื่องช้า ถ้ารับในตัวเขาไม่ได้ก็รับเงินตามกฎหมายแล้วไปทำงานกับคนอื่น แม้จะเป็นคนคิดไว เฉียบขาด แต่ก็ติดอารมณ์ร้อนไปสักหน่อย แต่รวมแล้วข้อดีก็มีมากกว่าข้อเสีย ลูก้าได้แต่ค้อมศีรษะลงแล้วถอยหลังก้าวออกจากห้องไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD