อติกานต์หาของกินใส่ท้องตัวเองเรียบร้อยรวมถึงอาบน้ำใส่ชุดพร้อมนอนออกมานั่งอ่านวรรณกรรมแปลจากต่างประเทศ แต่สมาธิไม่ค่อยสงบนิ่งเท่าไรนัก สายตาเอาแต่มองเวลาและหันไปมองหน้าประตูอยู่บ่อย ๆ รอคอยว่าคืนนี้จะได้พบหน้าเขาไหม ต่อตระกูล ผู้ชายที่เธอรอจะกลับมาถึงคืนนี้หรือไม่
ขณะที่คนหนึ่งกำลังรอคอยด้วยความรักและภักดีอีกคนกลับปาร์ตีกับสาวผมบลอนด์อยู่ต่างประเทศจนทำให้ตกเครื่องในวันเดินทางกลับ และต้องจองตั๋วเดินทางใหม่ ในขณะคนหนึ่งห่วงหาแต่อีกคนกลับไม่ห่วงอะไรเลย เขาจะกลับไปตอนไหนก็ไม่จำเป็นต้องรายงานใครนอกจากคนในครอบครัวที่สอบถามมา นอกนั้นเขาไม่แคร์
เป็นเวลาใกล้ตีสี่คนที่เดินทางไปต่างประเทศกว่าสองอาทิตย์ก็กลับมาถึงคอนโดมิเนียม เสียงเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นเบา ๆ ในห้องที่ไร้เสียงรบกวนทำให้คนที่นอนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ได้ยินและรู้สึกตัวลุกขึ้นมา จ้องไปที่ประตูทางเข้าที่หลบมุมผนังห้องด้วยใจจดจ่อ ทันทีที่ร่างสูงคุ้นตาโผล่ออกมารอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจของคนรอก็แจ่มชัด
“คุณต่อกลับมาแล้ว”
อติกานต์สลัดผ้าห่มที่นำออกมาคลุมตัวพร้อมกับลุกพรวดขึ้นจากโซฟาวิ่งเข้าไปสวมกอดเอวหนา ซบหน้าลงกับอกกว้าง
“คุณต่อ ทำไมกลับมาช้าจังคะ เอยรอคุณตั้งแต่เมื่อวาน”
ชายหนุ่มเบี่ยงใบหน้าหลบกลุ่มผมที่กระเซิงขึ้นมาให้พ้นจากความระคายเคืองใบหน้าของเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ เมื่อเธอผละใบหน้าออกมาถามจึงตอบ
“อืม พอดีประชุมยังไม่เสร็จน่ะ”
“เหรอคะ แล้วคุณต่อง่วงมั้ย ไปนอนก่อนก็ได้นะคะเดี๋ยวเอยเก็บของให้”
“อืม”
ต่อตระกูลปล่อยให้อติกานต์จัดการกับกระเป๋าสามใบของเขาโดยที่เจ้าตัวไม่หันกลับไปยุ่งอะไรด้วย ตอนนี้เขาต้องการเวลาส่วนตัวหลังจากกลับมาถึงประเทศบ้านเกิดที่อากาศร้อนจนน่าหงุดหงิด
“คุณต่อหิวมั้ยคะ หรืออยากอาบน้ำ หรือจะนอนเลย”
สาวน้อยเข้ามาถามด้วยใจที่พร้อมดูแล แต่สิ่งที่เธอได้กลับคืนมาคือสีหน้าที่ตึงเข้มพร้อมกับคำพูดที่กระแทกใส่หน้าว่า
“ผมขอเวลาส่วนตัว ผมดูแลตัวเองได้ และขออยู่เงียบ ๆ ไม่ต้องมายุ่งกับผมตอนนี้ ไม่งั้นผมจะหงุดหงิด”
อติกานต์ชะงักก่อนจะปรับให้สมองเข้าใจเรื่องที่เขาบอกอย่างรวดเร็ว
“ได้ค่ะ เอยขอโทษค่ะ งั้นเอยไปนอนข้างนอกก่อนนะคะ”
เอ่ยจบหญิงสาวก็หมุนตัวออกไปซุกตัวอยู่บนโซฟาตามเดิม เขาเพิ่งกลับมาถึงคงยังปรับตัวกับเวลาในประเทศที่ต่างกันมากไม่ได้ เธอผิดเองที่ยุ่มย่ามมากเกินความจำเป็นจนเขาหงุดหงิด รอพรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันก็แล้วกัน อย่างน้อยคืนนี้อติกานต์ก็หลับฝันดีได้อีกหลายชั่วโมงก่อนจะตื่นขึ้นมาพบหน้ากันในวันต่อ ๆ ไปโดยที่เธอไม่ต้องคอยโหยหาเขาอีก
พอนาฬิกาปลุกของอติกานต์ทำงานร่างบางก็ตื่นจากนิทราอย่างสดชื่น เพื่อเตรียมตัวไปเรียนตามปกติ เธอต้องเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องนั้นซึ่งเคยเป็นที่ใช้หลับนอนร่วมกัน แต่พอจะเปิดประตูเข้าไปปรากฏว่าประตูกลับถูกล็อกจากด้านใน หญิงสาวกำมือหลวม ๆ เตรียมจะเคาะแต่ก็ยั้งไว้ทันเมื่อใจคิดขึ้นได้ว่าเขาอาจกำลังหลับอยู่ในห้อง
สาวน้อยเดินกลับมานั่งจ๋องอยู่โซฟาตัวเดิม ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งมีเรียนคลาสแรกตอนแปดโมงครึ่ง และมีเรียนอีกสามรายวิชาในวันนี้ถ้าเขาไม่เปิดประตูให้เธอจะตัดสินใจทำอย่างไรดี
เวลาเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แสงอาทิตย์เริ่มจ้าและร้อนแรงขึ้นระหว่างวัน อติกานต์ลุกเดินไปทำแซนด์วิชมานั่งทานพลางมองเวลา คลาสเรียนแรกวันนี้เธอคงไม่ได้ไปเรียนแล้วล่ะ เพื่อนโทร.มาตามหญิงสาวก็ได้แต่บอกว่าท้องเสียอาจไปเรียนไม่ทันฝากจดเลกเชอร์หรือเก็บชีตที่อาจารย์แจกให้ด้วย ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับเพื่อน การขาดเรียนไปคลาสเดียวก็ไม่ได้เป็นปัญหามากมายสำหรับอติกานต์นักเพียงแค่เธอเป็นคนตั้งใจเรียนกับทุกวิชาพอไม่ได้ไปเรียนมันเลยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง หากเขาเปิดประตูออกมาในตอนเที่ยงเธอก็ยังมีโอกาสได้ไปเรียนในรายวิชาตอนบ่ายได้
อติกานต์นั่งเล่นมือถือรอ รอจนกระทั่งเขาเปิดประตูห้องออกมาในเวลา
15.30 น.
ทั้งคู่ได้สบตากันจริงจังอีกครั้งในรอบหลายวัน รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าฝ่ายหญิง ซึ่งแตกต่างจากใบหน้าที่ออกตึงเข้มของชายหนุ่ม เขาเอ่ยถามเธอเป็นประโยคแรกว่า
“ทำไมถึงไม่ไปเรียน จะรอผมทำไม มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป”
อติกานต์ถูกดุโดยที่เธอยังไม่ได้อธิบาย หญิงสาวหน้าจ๋อย ตอบเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ ก็เมื่อคืนคุณต่อล็อกห้อง หนูเลยไม่กล้าเคาะเรียกค่ะ”
ต่อตระกูลนิ่วหน้า เมื่อคืนเขาเผลอกดล็อกประตูห้องหลังจากที่เธอออกไปแล้วเหรอ ใคร่ครวญดูก็สรุปว่า ใช่ เขาเป็นคนเดินไปล็อกประตูห้องเองหลังจากที่หญิงสาวเดินออกไป จำไม่ได้ว่าทำไมถึงล็อก อาจเพราะไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายถามอะไรให้มากความนักในตอนนั้น
ดวงตาคมกริบหลุบมองเสื้อผ้าที่เป็นชุดนอนบางเบาที่อีกฝ่ายสวมอย่างไร้ความรู้สึกในตอนนี้ ก่อนจะจ้องหน้าพูดกับเธอ
“สรุปวันนี้ก็ไม่ได้ไปเรียนใช่มั้ย”
“ค่ะ ไม่ได้ไปแล้ว”
ตอบอุบอิบ ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วบอกอีก
“ฉันจะออกไปข้างนอก”
ดวงตากลมช้อนมองเขาอย่างเชื่อง ๆ พยักหน้าลงเบา ๆ อย่างรับรู้
“ค่ะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วเดินผ่านร่างเธอไป อติกานต์กลั้นหายใจหมุนตัวกลับไปเรียกเขาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนัก
“คุณต่อ”
ชายหนุ่มหยุด แล้วหันกลับมามอง
“จะกลับมากี่โมงคะ”
“ยังไม่รู้”
ตอบคำถามแค่นี้ก็เดินออกไป ปล่อยให้สาวน้อยที่รักเขาอยู่ข้างเดียวนั่งหงอย
ด้วยความที่เป็นคนรักการเรียนมากและวันนี้อติกานต์ก็ไม่ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเมื่อเพื่อนส่งงานที่อาจารย์สอนให้ดูหญิงสาวก็ใช้เวลาอ่านศึกษาด้วยตัวเองไปพลางก่อนจะไปเรียนในวันพรุ่งนี้ เพราะเธอตระหนักดีอยู่แล้วว่าการศึกษาสำคัญสำหรับคนอย่างเธอที่ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ความรู้ที่มีติดตัวเท่านั้นจะนำพาไปสู่อาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้มั่นคงในอนาคต และอีกข้อที่เธอก็ตระหนักในใจตัวเองอยู่เสมอก็คือ เขาไม่เคยให้ความหวังที่จะมีอนาคตร่วมกับเธอ อย่าไปคาดหวังให้ใจตัวเองต้องบอบช้ำ
ทว่า...ขณะที่เธอยังมีเขาอยู่ ในทุกวันที่ตื่นมาพบหน้ากัน เขาก็เป็นความสุขในหัวใจเธอได้เสมอ