ต่อตระกูลออกมาพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนสนิทที่บาร์ประจำย่านทองหล่อ ตอนหัวค่ำลูกค้ายังไม่เยอะมากแต่พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะคึกคักขึ้นมาจนแทบไม่มีพื้นที่ให้ยืน ส่วนเขานั่งอยู่โซนวีไอพีในระดับที่สายตามองเห็นบรรยากาศร้านได้ทั่วถึง สาว ๆ สวย ๆ คนไหนน่ามองก็ต้องผ่านสายตากลุ่มเขาก่อน
“ไงมึง เพิ่งกลับมางานโอเคปะวะ”
เสกสรรเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันเอ่ยถาม
“อืม ก็ดี”
ขณะที่ตอบสายตาต่อตระกูลก็จับจ้องที่ใบหน้าผู้หญิงสวมเดรสสีดำปักเลื่อมคนหนึ่งอยู่ ในใจอดคิดจินตนาการแบบผู้ชายไม่ได้ เสกสรรจึงหันมองตามก่อนจะยกยิ้มอย่างเสือหนุ่มออกมา
“น้องคนนั้นน่ารักดีว่ะ แต่มึงหมดสิทธิ์แล้วนะ”
“หมดสิทธิ์อะไรของมึงวะ” ต่อตระกูลหันมานิ่วหน้าถาม
“เอ้า ก็มึงมีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว น้องเอยคนสวยเด็กมึงไง”
เรื่องลับ ๆ ฉบับผู้ชายเพื่อนกันย่อมรู้ดี ต่อตระกูลโคลงหัวเบา ๆ ราวกับชื่อของเธอคนนั้นไม่ได้มีผลอะไรหากเขาต้องการจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหน
“ว่าแต่น้องเอยสบายดีรึเปล่า ไม่เห็นมึงจะพามานั่งด้วยกัน”
“จะพามาทำไม ให้เค้าอยู่ส่วนเค้าสิ”
“อ๋อ เบื่อแล้วว่างั้น”
ชายหนุ่มไม่ตอบ หากสายตากวาดมองหาสิ่งสวยงามไปเรื่อย อึดใจจึงหันมาต่อบทสนทนากับเพื่อน
“ว่าแต่มึงเหอะไอ้เสก ได้ข่าวว่ามีเด็กใหม่แล้วเหรอวะ เหอะ แน่ใจนะว่าคราวนี้จะไม่โดนเด็กหลอกอีก”
ต่อตระกูลหัวเราะขบขันออกมาเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เป็นใครก็อดหัวเราะไม่ได้กับเรื่องที่เสกสรรเลี้ยงเด็กนักศึกษาคนหนึ่ง เข้าขั้นเปย์สุด พอเด็กขอเงินไปทำศัลยกรรมจนสวยเข้าขั้นเป็นดาราได้ฝ่ายหญิงก็ชิ่งหนีไปหาคนที่รวยกว่า ทิ้งให้เพื่อนแห้งเหี่ยวสูญเงินนับล้านในเวลาไม่กี่เดือน
“เฮ้ย อย่าพูดเรื่องเก่าให้มันชีช้ำดิวะ กูปล่อยให้น้องเค้าไปเติบโตเว้ย เค้าได้ดิบได้ดีกว่าตอนที่อยู่กับกู กูก็ดีใจกับเค้าด้วย”
เสกสรรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย แล้วก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้น ก่อนที่เสกสรรจะวกกลับมาพูดเรื่องอติกานต์
“มึงเคยบอกว่าจะเลี้ยงน้องเอยจนเค้าเรียนจบไม่ใช่เหรอวะ”
“อืม แล้วยังไง”
“มึงแน่ใจนะ ว่าพอเค้าเรียนจบมึงจะจบกับเค้าได้”
ต่อตระกูลยกยิ้ม เลิกคิ้ว จ้องตาเพื่อน
“กูก็เหมือนมึงนั่นแหละ ปล่อยให้น้องเค้าไปเติบโต”
จบประโยคกลุ่มชายแท้ก็หัวเราะเสียงดังออกมา...
ต่อตระกูลกลับมาถึงคอนโดมิเนียมในเวลาเกือบตีสอง สายตามองเห็นร่างบางของอติกานต์นอนหลับอยู่บนเตียงใต้แสงไฟวอร์มไวต์ที่เปิดรอเขากลับมา ร่างสูงเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างขอบเตียงในขณะที่สองมือยกขึ้นแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม
เขามีอารมณ์ตั้งแต่ตอนออกจากคลับแล้ว
ไม่ว่าเขาต้องการเธอในเวลาไหน อติกานต์ก็ต้องยินยอมแม้ตอนแรกจะไม่เต็มใจหากแต่เธอก็ต้องพ่ายแพ้ต่อฝ่ามือร้อนระอุที่ลูบไล้ไปตามเรือนกาย พ่ายแพ้ต่อปลายจมูกและริมฝีปากที่ซุกไซ้ระเรื่อยตามซอกคอที่ปลุกเร้าคนที่นอนหลับให้ตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมร่วมกัน
“อุ๊ย อื้อ คุณต่อ ทำไมกลับดึ...ก”
เสียงประโยคสุดท้ายยังไม่หลุดลอดออกจากปาก เธอก็ถูกริมฝีปากหยักกดจุมพิตปิดคำพูด แทรกปลายลิ้นเปิดกลีบปากอิ่มเข้าไปดูดดึงเรียวลิ้นนุ่ม
“อ๊ะ อื้อ”
ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ จากลมหายใจ เขาดูดเม้มลาดไหล่เธอหนักขึ้น ส่งผลให้เสียงลมหายใจหอบกระเส่ากระชั้นถี่ มือหนาลากฝ่ามือลงมาบดคลึงที่เนินหนั่นเร่งความกระสันของเธอก่อนจะลดใบหน้าลากจูบตามลงมา ร่างกายนุ่มนิ่มอ่อนระทดระทวยสองขาแยกออกจากกันตามสัญชาตญาณเปิดทางให้เขาสวาปามดื่มด่ำในสิ่งที่ต้องการ
เขาดึงเธอเข้าไปยังภวังค์หวานดื่มด่ำน้ำผึ้งเดือนห้าที่พรั่งพรูออกมาจากช่องหลืบลับ แล้วทุกการเคลื่อนไหวก็เป็นไปตามครรลองหฤหรรษ์
ผ่านไปจนถึงเย็นวันศุกร์อติกานต์ก็บอกเขาในตอนที่รับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันเรื่องที่เธอรับงานพริตตีที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“คุณต่อคะ วันเสาร์อาทิตย์เอยต้องไปทำงานนะคะ รับงานไว้แล้ว”
ต่อตระกูลเหลือบมองหน้า อติกานต์ก็ส่งยิ้มหวานให้พลางตักเนื้อปูผัดผงกะหรี่ใส่จานเพิ่มให้ในเมนูที่เขาชอบทาน
“ที่ไหน”
เขาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ที่ห้าง C ค่ะ”
เธอได้ค่าจ้างวันละสองพันบาท ทำสองวันก็ได้ตั้งสี่พันแล้วทำไมจะไม่รับ
“อืม”
เขารับรู้การรายงานแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ความสัมพันธ์ของเขาและเธอดำเนินไปตามปกติอย่างเช่นทุกวัน แม้เขาจะรบกวนเวลานอนของเธอนานแค่ไหนพอเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอติกานต์ก็ต้องตื่นไปทำงานให้ได้ เธอหันมองแผ่นหลังเปล่าเปลือยที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงนอนหลังสีขาว ก่อนจะเดินเข้าไปโน้มใบหน้าลงมาจุ๊บแก้มสากเบา ๆ
“เอยออกไปก่อนนะคะ เจอกันตอนค่ำค่ะ”
ต่อตระกูลขยับตัวเล็กน้อยส่งเสียงอืออาเป็นอันว่ารับรู้สิ่งที่เธอบอก
อติกานต์แต่งตัวในชุดกิโมโนสีเหลืองเป็นสาวญี่ปุ่น ในงานอีเวนต์ของเครื่องดื่มชายี่ห้อหนึ่งซึ่งในช่วงบ่ายสี่โมงจะมีนักแสดงวัยรุ่นมาโชว์ตัว ระหว่างวันในบูทก็มีกิจกรรมเชิญชวนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้เข้าร่วม
ในวันเดียวกันไฮโซสาวทายาทตระกูลนักธุรกิจดังพ่วงตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอย่างลัลนาก็มาเดินชอปปิงในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ด้วยพร้อมกับรุ่นพี่ที่รู้จักกันอย่างสายน้ำผึ้ง ทั้งสองสาวเดินผ่านบูทกิจกรรมสายตาของลัลนาก็มองเห็นหญิงสาวในชุดกิโมโนยืนแจกของหน้าตาคลับคล้ายคลับคลาลูกศิษย์คนหนึ่งในคลาสเรียนของเธอ
จึงชักชวนให้เพื่อนรุ่นพี่เดินผ่านไปดู เมื่ออติกานต์เห็นหน้าอาจารย์ที่เพิ่งนั่งเรียนด้วยกันมาและอีกฝ่ายก็มองเห็นเธอหญิงสาวก็พนมมือไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เช่นเดียวกับลัลนาที่จำเธอได้
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
อติกานต์พนมมือไหว้ทักทาย ก่อนสายตาจะเหลือบแลเห็นหน้าผู้หญิงที่เดินเข้ามาทีหลัง “สวัสดีค่ะ” เธอทักทายผู้หญิงอีกคนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ลัลนายิ้ม “ทำงานพิเศษเหรอจ๊ะ”
“ค่ะอาจารย์ อาจารย์มาชอปปิงเหรอคะ”
“จ้ะ แต่ก็กำลังจะกลับแล้วล่ะ เจอกันในคลาสเรียนนะจ๊ะ”
อาจารย์สาวส่งยิ้ม พูดคุยให้กำลังใจเธออย่างดี ทว่าผู้หญิงอีกคนกลับจ้องมองอติกานต์ด้วยสายตาไม่พอใจนัก ก่อนจะสะกิดให้ลัลนาเดินออกจากบูทเครื่องดื่มเร็ว ๆ แล้วถาม
“นานารู้จักผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอจ๊ะ”
“ค่ะพี่ผึ้ง เด็กคนนั้นเป็นลูกศิษย์ในคลาสเรียนของนานาเองค่ะ หน้าตาสวยดีนานาเลยจำได้ แกเป็นเด็กดีนะคะทำงานพิเศษด้วย”
สายน้ำผึ้งลอบเบะปากให้กับคำว่า ‘เด็กดี’ ที่ลัลนายกย่อง เด็กดีที่ไหนนั่นมันนางบำเรอน้องชายเธอชัด ๆ
ก่อนจะเดินออกไปยังลานจอดรถสายน้ำผึ้งแวะเข้าห้องน้ำคนเดียว ตอนเดินออกมาบังเอิญเจอกับอติกานต์ที่เดินมาเข้าห้องน้ำพอดี ทั้งสองคนจึงได้เผชิญหน้ากันในมุมที่ไม่มีใครเห็น อติกานต์ก้มหน้าเล็กน้อยหลบสายตาของพี่สาวต่อตระกูลที่จ้องมองเธอ
“ต่อไปถ้าเจอกันอีกไม่ต้องทำเป็นรู้จักฉันนะ ฉันไม่ได้อยากรู้จักเธอ”
หญิงสาวจึงได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว แม้จะไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ แต่เธอก็รับรู้ถึงสีหน้าและสายตาที่มองเธออย่างเหยียดหยัน