“ม่านแก้ว ทำไมยังไม่กลับหอพักอีก ...เลยเวรของเธอมาหลายชั่วโมงแล้วนะ” พยาบาลรุ่นพี่ถามเธอด้วยความตกใจเพราะจริงๆแล้วเวลานี้เธอควรจะต้องกลับไปหอพักได้แล้วด้วยซ้ำแต่เธอกลับยังช่วยเพื่อนปฐมพยาบาลคนไข้ที่เข้ามาไม่หยุด
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ วันนี้คนไข้ฉุกเฉินเยอะมากแล้วเวรวันนี้ก็คนน้อย
...แก้วทำได้ค่ะพี่ภา” เธอหันมายิ้มกว้างทำให้หลายๆคนในห้องต้องยิ้มตาม
แม้ว่าใบหน้าเธอจะซีดเซียวและมีเหงื่อผุดที่ไรผมแล้วก็ตาม
“ถ้าอยากช่วยเพื่อนเธอก็ต้องพักนะ ถ้าเธอไม่สบายไปแล้วใครจะเป็นหัวแรงช่วยคนอื่นล่ะ
หืม” เธอยิ้มแห้งๆแล้วพยักหน้าให้กับพี่ภาก่อนจะช่วยจัดของไว้ให้เพื่อนๆแล้วขอตัวออกจากเวร
“ขอบใจมากเลยนะแก้วถ้าวันนี้ไม่ได้แก้วช่วยเนี่ย
คงจะวุ่นวายมากกว่านี้แน่ๆ แต่ต่อจากนี้เดี๋ยวพวกเราทำต่อเองนะ
ไปพักเถอะ” ร่างบางพยักหน้าแล้วลาพี่ๆในแผนกกลับ
ระหว่างทางก็เจอเข้ากับผู้ชายคนนึงที่นั่งพิงอยู่ที่ใกล้ทางเข้าหอพักพยาบาล
...ทำไมเขาดูคุ้นหน้าจัง
“คุณหมอใหญ่ ...มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ
แล้วทำไมหน้าซีดจัง” เขาส่ายหน้าแล้วพยายามนั่งพิงกำแพงอย่างหมดแรงจนเธอต้องหยิบยาดมและชีทเรียนมาช่วยพัดให้
เผื่อว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“ผมเวียนหัวขอเข้าไปข้างในได้มั้ย” สายตาคมของเขามองมาด้วยความจริงจังแถมยังบีบมือเธอแน่นอีกด้วย
ม่านแก้วคิดอยู่ในหัวว่าเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลและเป็นเจ้าของหอพักของเธอ
...แล้วเขาจะมาขอเธอทำไม
“อะ อื้อ ได้สิคะ
ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ...ก็คุณหมอใหญ่เป็นเจ้าของนี่นา”
ฉันมองซ้ายขวาก็ไม่มีใครเดินผ่านมาเลย ทั้งที่จริงตรงนี้จะมีคนเดินเข้าออกพลุกพล่านแท้ๆ
แปลกจัง
“พยุงผมขึ้นไปด้วย ผมเวียนหัวนะคุณม่านแก้ว”
ม่านแก้วมองเขาอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงได้รู้จักชื่อเธอ
หรือเพราะจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ใส่ใจเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นอย่างดี
...แต่รู้กระทั่งชื่อของพยาบาลฝึกหัดอย่างเธอเนี่ย
เขาใส่ใจมากเกินไปหรือเปล่า
“คุณหมอนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวแก้วไปเอาน้ำมาให้”
ด้านเสือหรือหมอใหญ่ที่ทุกคนและแก้วรู้เรียกกันอย่างชินปากก็มองสำรวจหอพักของม่านแก้วอย่างถือวิสาสะ
อันที่จริงเขาไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ที่ต้องแกล้งสำออยไม่สบายเพราะอยากจะรู้ว่าที่เขาลือกันมันจริงหรือเปล่า
‘ม่านแก้วเหรอคะ ...เป็นเด็กที่ขยันมากค่ะบางครั้งก็มาเข้าเวรแทนเพื่อนที่ป่วย
จนตัวเองเกือบจะป่วยไปเองด้วยซ้ำ’
‘พี่พยาบาลคนสวยใจดีมากเลยค่ะ ...บางครั้งหนูพิมนอนไม่หลับก็ยังเคยเข้ามากล่อมจนหลับด้วย’
‘คุณพยาบาลม่านแก้วนี่ทำงานที่นี่มากี่ปีแล้วเหรอคะ
เธอดูเก่งและชำนาญมากจริงๆ’
และอีกหลายๆประโยคที่เขาได้ฟังมาจนชินหูจนต้องขอลงมาพิสูจน์ด้วยตัวเองสักที
“หายป่วยแล้วเหรอคะคุณหมอ” เสียงหวานดังจากทางด้านหลังเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์และหันไปหาเธอ
“ก็มีอาการอยู่นิดหน่อยแต่นั่งพักอีกนิดก็คงหายดี”
ม่านแก้วทำสายตาแปลกๆตอนที่เขาพูดจบทำไม พอเขาเห็นตัวเองในกระจกก็รู้ทันที
...บอกว่านั่งพักอีกหน่อยแต่ตัวเองยืนอยู่เนี่ยนะไอ้หมอ
เฮ้อ ไม่เนียนเลยว่ะ
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวแก้วขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ
เชิญตามสบายค่ะ” ม่านแก้วหายเข้าไปในครัวและเดินออกมาพร้อมกับข้าวผัดสองจาน
แม้หน้าตามันจะดูธรรมดาแต่มันก็หอมและน่ากินที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลย
“แก้วไม่รู้ว่าคุณหมอทานข้าวหรือยังก็เลยทำมาเผื่อเลย
ลองชิมดูสิคะ อาจจะไม่อร่อยมากแต่ก็พอทานได้นะคะ”
เสือตักข้าวผัดในจานเข้าไปคำแรกก็ตาโตเพราะนอกจากจะอร่อยมากแล้วยังทำให้เขาเจริญอาหารมากด้วย
ม่านแก้วมองคุณหมอใหญ่ที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารของเธอจนหมดจนตัวเธอเองลืมที่จะกินข้าวที่วางอยู่ตรงหน้าไปเลย
...ไม่เคยเห็นเขาในมุมแบบนี้เลยแฮะ
เหมือนกับเด็กเลย
“เอ่อ ขอโทษที่มูมมามพอดีผมหิวจนตาลาย”
ทั้งสองคนต่างมองหลบตาต่ำด้วยความเขินอายจนมีเสียงโทรศัพท์ของเสือดังขึ้นกลบบรรยากาศ
“ครับ ...ได้
อีกครึ่งชั่วโมง” แล้วเขาก็วางสายไปก่อนจะจัดการข้าวผัดในจานจนเกลี้ยง
“อาหารมื้อนี้อร่อยมากหวังว่าผมคงได้มีโอกาสตอบแทนแต่วันนี้ต้องขอตัวก่อนเพราะมีธุระด่วนเข้ามา”
เขาขอตัวกลับไปอย่างหุนหันเหมือนกับว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
“อะไรของเขากันนะ” หลังจากที่คุณหมอกลับไปม่านแก้วก็กลับขึ้นไปพักผ่อนด้านบนเพราะร่างกายเหนื่อยล้ามาเต็มที่แล้วแต่ก่อนที่จะนอนเธอก็ยังไม่ลืมที่จะไหว้รูปคุณย่าบนหัวนอนทุกครั้ง
...ขอให้แก้วฝันดี ขอให้แก้วมีแต่คนรักด้วยนะคะย่า ถ้าแก้วได้เป็นพยาบาลอย่างที่ตั้งใจแล้วแก้วจะรีบกลับไปหาย่าเลยนะคะ
อีกด้านนึง
“อ้าว เสือดีใจจังครับที่มาได้
?”
เสือมองผ่านฝาแฝดไปเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยแต่สิงห์ก็ไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำของแฝดพี่ตัวเองสักเท่าไหร่กลับชอบใจมากซะด้วยซ้ำที่เห็นว่าเขามีปฏิกิริยาแบบนี้
...ยิ่งดูก็ยิ่งสนุก
“พ่อมีอะไรถึงได้เรียกผมมาตอนนี้” เขาเดินผ่านสิงห์และกระทิงไปยังประมุขของบ้าน สีหน้าและท่าทางแตกต่างจากตอนที่เขาเป็นคุณหมออยู่ที่โรงพยาบาลอย่างสิ้นเชิง
“นั่งลงก่อนสิ ...สองอาทิตย์แล้วนะที่ไม่ได้กลับบ้าน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจแต่นั่นยิ่งทำให้ทั้งห้องดูน่าอึดอัดขึ้นมามากกว่าเดิมซะอีก
เสือนั่งลงที่เก้าอี้แล้วมองหน้าพ่อของตัวเองนิ่งๆไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเล่นตุกติกอะไรกับเขาอีก
ครั้งที่แล้วก็เล่นเอาทั้งโรงพยาบาลปั่นป่วนไปหมดแค่เพราะอยากให้เขากลับไปบริหารงานส่วนอื่นแทนการเป็นหมออยู่ที่นี่
“คิดได้หรือยังว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ไม่กลับ ก็บอกไปแล้ว”
“ใจร้ายกับพ่อจังเลยนะครับเสือ ?”
ดวงตาคมตวัดไปมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองเป็นเชิงสั่งสอนทั้งที่รู้ว่ายังไงสิงห์ก็ไม่แคร์อยู่แล้ว
...มันไม่เคยแคร์ใครตั้งแต่เกิดมา
เรียกได้ว่าโหดเหี้ยมและเป็นนักฆ่าที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ตระกูลเขาเคยมีมาเลยก็ว่าได้
“ทำไมเป็นยิ้มไปแต่ที่จริงเฮียก็อยากจะขึ้นมาเป็นผู้นำใช่มั้ยล่ะ
หึ!” กระทิง น้องชายอีกคนของเสือก็ถือโอกาสพูดขึ้นมาบ้าง
“มันก็จริง ...แต่ถ้าให้เสือเป็นฉันได้ความสะใจเพิ่มขึ้นอีกไง
การบังคับคนให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำนี่แหละคือความสนุกที่สุดยอด
หึๆ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสือคิดว่าครอบครัวเขาช่างวิปริตแต่ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะการที่พวกเขาโดนเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เด็ก
...เลี้ยงเพื่อให้เป็นนักฆ่าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อที่จะสืบทอดกิจการของตระกูล
“ถ้าอยากจะบริหารโรงพยาบาลต่อก็ทำได้แต่แกต้องกลับมาฆ่าคนเหมือนเดิม
...จุดประสงค์ที่ฉันตั้งโรงพยาบาลก็เพราะอยากให้พวกแกทุกคนเรียนรู้ถึงความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ที่วันนึงเกิดขึ้นมาและก็ต้องมีวันที่ตายอยู่ดี
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว” หลังจากนั่งฟังลูกๆทุกคนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายประมุขของบ้านก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
ไม่มีประโยชน์ถ้าจะให้พวกมันกัดกันเองในเมื่อฝึกให้เชื่องได้
“เป็นหมอแล้วก็ฆ่าคนได้ด้วย ...น่าสนุกจังเลยน้า ผมชักอยากจะเป็นหมอเหมือนกับเสือแล้วสิครับ?”
เสือมีทีท่าที่หนักใจอยู่มากกับประโยคของพ่อตัวเอง
...ถ้าอยากเป็นหมอเขาก็ต้องฆ่าคนด้วยงั้นเหรอ?! แล้วที่ทนทำมามันเพื่ออะไรล่ะ
“แล้วจะกลับไปคิดดูแล้วนาย ...เลิกส่งคนไปตามเฝ้าฉันได้แล้วมันน่ารำคาญ ถ้าไม่สั่งให้พวกนั้นถอยกลับไปนายจะได้แต่ศพพวกมันเท่านั้น”
เสือหันไปพูดกับสิงห์ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านทันที
ซึ่งสิงห์ก็ได้แต่อมยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเพราะเรื่องที่เขาคิดไว้มันกำลังจะเป็นจริงแล้วน่ะสิ!?
“ยิ่งปกป้องก็ยิ่งน่าทำลายทิ้ง ฮ่าๆๆ เรื่องนี้มันโคตรจะสนุกเลยเว้ย!!!”