ตอนที่ 1

2768 Words
“เหตุระเบิดท่าอากาศยานนานาชาติเอวาเปเรซ สร้างความเสียหายให้แก่บริเวณรับสัมภาระของอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จากกล้องวงจรปิดได้จับภาพฝูงโดรนคามิกาเซที่บินร่อนอยู่เหนือท่าอากาศยานอยู่หลายนาทีก่อนที่จะลงสู่เป้าหมายและจุดระเบิดขึ้น เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามสิบห้าราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบราย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่าได้มีผู้โดยสายหายไปจากรายชื่อห้าคน และหนึ่งในนั้นคือพระชนนีขององค์สุลต่าน ซึ่งแหล่งที่มาของการโจมตีดังกล่าวยังไม่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ อาจเป็นผู้ทำสงครามโมเสลมจากสมาชิกอัลเคดาสาขาเปเรซ ถึงแม้ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย” เสียงในทีวีรายงานข่าวภาษาอาหรับ เกี่ยวกับสถานการณ์การระเบิดสนามบินบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า และได้ลักพาตัวประกันไปด้วยเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลง ตามมาด้วยข่าวการประท้วงที่หน้าสถานทูต เพื่อกดดันและเรียกร้องให้รัฐบาลและฝ่ายผู้ก่อการร้ายยุติสงครามกลางเมืองเสียที หญิงสาวหยิบรีโมทที่อยู่ปลายเตียงขึ้นมากดปิดสวิทช์ ไม่สนใจจะฟังต่อ เพราะทุกๆ ช่องรายงานข่าวเหมือนกันหมดไม่มีข้อมูลอื่นเพิ่มเติม เธอหันไปเปิดไฟแอลอีดีวงแหวนทั้งสองข้างตัว แล้วกดบันทึกวีดีโอที่เตรียมไว้แต่แรก "สวัสดีค่าทุกคน ตอนนี้พริมอยู่ที่ประเทศเปเรซ เหตุผลที่พริมมาที่นี่ เพราะพริมรู้เกี่ยวกับประเทศนี้น้อยมาก สิ่งที่พอจะทราบเหมือนกับคนทั่วโลกก็คือ นายแบบ หรือนักแสดงผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุด ส่วนใหญ่มักจะมาจากประเทศนี้” หญิงสาวมองดูข้อมูลในแท็บเล็ต “ระบอบการปกครองเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดี โอมาร์ บิน ซาเลห์ บิน อับดุลอาซิซ อัลฟูลัน หรือองค์สุลต่านเป็นประมุข ซึ่งราชวงศ์ฟูลันในปัจจุบันได้สืบทอดเชื้อสายมาจากราชวงค์ในประวัติศาสตร์ เมื่อหนึ่งพันสามร้อยปีมาแล้ว” หญิงสาวเงยหน้ามองกล้องแล้วพูดต่ออย่างฉะฉาน “ก่อนหน้าที่เปเรซจะพบน้ำมัน ถือว่าเป็นประเทศที่ยากจนมากประเทศหนึ่ง คนส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตเร่ร่อนตามทะเลทราย ไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย รายได้หลักส่วนใหญ่จะมาจากการแสวงบุญ แต่ในอีกหลายปีต่อมาก็ค้นพบน้ำมันแหล่งใหญ่และก๊าชธรรมชาติ ซึ่งทำให้ติดอันดับโลกรองจากซาอุดิอาระเบีย และพลิกเศรษฐกิจของประเทศจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยเพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึงสามปี และจากรายงานเศรษฐกิจของประเทศในปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศเปเรซมีอัตราการว่างงานเกือบจะศูนย์เปอร์เซ็นต์ คนที่มีรายได้ต่ำสามารถซื้อรถยนต์และบ้านได้ด้วยเงินสด นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์และสวัสดิการฟรีเพื่อประชาชนอีกด้วยอย่างเช่น ด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล ด้านสาธารณูปโภคเช่นไฟฟ้าและน้ำประปา" นิ้วเรียวสวยปาดเลื่อนแท็บเล็ตตรงหน้าเพื่อดูสคริปต์นิดหนึ่งแล้วพูดกับกล้อง "แต่สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ของประเทศเปเรซคือมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ชาวเปเรซเชื้อสายอาหรับกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์นับถือศาสนาอิสลาม แต่ไม่ได้เคร่งครัดเหมือนทางฝั่งตะวันออกกลางทั่วไป รองลงมาคือศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์, ยูดาห์-ยิว, และฮินดูตามลำดับ บางคนอาจจะเคยคิดไปว่าประเทศแถบอาหรับส่วนใหญ่ จะมีกฎที่เข้มงวดมากใช่ไหมคะ แต่ประเทศเปเรซนี้จะให้เกียรติผู้หญิงมาก นอกจากจะอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถขับรถได้แล้ว ยังสามารถทำงานในภาครัฐและเอกชนได้ โดยหนึ่งในสามของสตาร์ทอัพใหม่ๆ ก็มีเจ้าของเป็นผู้หญิงค่ะ และไม่จำเป็นต้องใส่ชุดอาบายะห์ หรือคลุมผมด้วยฮิญาบ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแต่งกายเหมือนกับชาวตะวันตกทั่วไป ที่สำคัญผู้หญิงยังได้รับความเท่าเทียมกันในสังคม พวกเธอสามารถเข้าร่วมงานคอนเสิร์ต งานภาพยนตร์ หรือความบันเทิงต่างๆ เหล่านี้ได้โดยไม่ผิดกฎข้อห้ามแต่อย่างใด” ยิ้มสาวยิ้มให้กับกล้อง พูดโดยไม่ต้องก้มดูสคริปต์อีก "ความเปลี่ยนแปลงนี้มันเกิดมาจากปัจจัยหลายๆ อย่างค่ะ อันดับแรกก็คือมกุฎราชกุมารอิสราร์ บิน ซาเลห์ บิน อับดุลอาซิช อัลฟูลัน หรือจะเรียกสั้นๆ ว่าเชคฮ์ อิสราร์ ซาเลห์ อัลฟูลันก็ได้ เขาเป็นพระอนุชาของสุลต่าน โอมาร์ เป็นเจ้าชายที่มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้ามาก อายุเพียงแค่สามสิบปี แต่เขามีวิชันที่ต้องการจะพัฒนาประเทศ ให้ไปในวิถีทางที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียว จึงพยายามกระจายเศรษฐกิจไปในทิศทางด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี หรือการปรับตัวให้เป็นศูนย์กลางทางการค้า การใช้พลังงานสะอาดอย่างโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการผลิตน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยวภายใต้โครงการเปเรซเวิลด์แฮริเทจด้วยค่ะ เพราะเหตุนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงความเคร่งครัดของกฎให้ลดน้อยลง เพื่อเตรียมความพร้อม รองรับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล" "และเพื่อต้องการที่จะศึกษาวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นให้มากขึ้นไปอีก พริมก็เลยจะใช้บริการเคาช์เซิร์ฟฟิ่ง ซึ่งจะแปลตรงๆ ก็คือการไปนอนบ้านคนแปลกหน้านั่นเอง” หญิงสาวหัวเราะกับกล้องเล็กน้อยอย่างซุกซน ยกสองมือขึ้นไขว้กันในลักษณะกากบาท พูดเน้นเสียงหนัก "ห้ามคิดลึก!! มันคือการท่องเที่ยวแบบขอไปนอนพักตามบ้านสมาชิกซีเอส หรือเคาช์เซิร์ฟฟิ่งทั่วโลกแบบฟรีๆ!! ซึ่งบ้านโฮสต์ที่พริมเลือกจะเป็นคู่สามีภรรยา ดูจากโปรไฟล์แล้วมีดาวสีเขียวรับรองถึงห้าดาว แสดงว่าปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน ที่สุดยอดคือบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง และอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์อารยธรรมทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของชนเผ่าอารเบียโบราณ ที่พริมอยากจะไปมากที่สุดอีกด้วย เป็นบ้านโฮสต์ที่ผู้คนทั่วโลกนิยมไปพักเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ แค่ฟังก็น่าสนุกแล้วใช่ไหมคะ ถ้างั้นเรามาหาคำตอบจากการเดินทาง และรู้จักเปเรซไปพร้อมๆ กับพริมกันเลยดีกว่า ไปกันเลยค่า" หญิงสาวกดปิดการบันทึก แล้วเริ่มเก็บของลงกระเป๋าเดินทางด้วยความรีบเร่ง พลันมีเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอหยิบมามองหน้าจอนิดหนึ่งจึงกดรับ เปิดสปีคเกอร์โฟน แล้วลงมือเก็บของต่อ "สวัสดีตอนเช้าค่ะพ่อ" "พริม! เรียบร้อยดีไหม?" "เดินทางราบรื่นไม่มีปัญหาอะไรเลย หนูกำลังรอโฮสต์มารับที่โรงแรม" "พ่อดูข่าวต่างประเทศเมื่อเช้า มีการชุมนุมประท้วงตรงหน้าสถานทูตเปเรซ อยู่ใกล้โรงแรมที่แกพักหรือเปล่า?!" “ไม่แน่ใจค่ะ แต่พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ถึงยังไงที่เปเรซก็ยังปลอดภัยกว่าทีแลนด์ตอนนี้เสียอีก เมื่อวานหนูดูข่าวเห็นหนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมโดนลอบยิงขณะที่กำลังปราศัยอีกแล้ว!” “อืม ทีแลนด์ถูกครอบงำด้วยระบอบอำนาจนิยมที่อึมครึมมาตั้งแต่รัฐประหารแล้ว มีอำนาจท่วมทับผู้นำแต่ใช้ไม่เป็น ทำได้แค่ใช้กำลังบังคับผู้คัดค้านเท่านั้น! แต่อาจจะเป็นพวกมือที่สามก็ได้จริงเท็จพิสูจน์ได้ยาก เปเรซเองก็มีปัญหาเรื่องแบ่งแยกดินแดนอยู่เหมือนกัน แกก็ต้องดูแลตัวเองด้วย มีปัญหาอะไรรีบติดต่อมาทันทีเลยนะ!” "หัวหน้าฝึกหนูมาหนักขนาดนี้ ยังต้องห่วงอะไรอีกคะ เชื่อมือหนูเถอะ! หนูเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว!" "อย่ามาซุย! อ้อ! แล้วอย่าลืมไปที่พิพิธภัณฑ์ของชนเผ่าอารเบียด้วยนะ!" "รับแซ่บ!" เสียงเงียบไป พ่อคงจะวางสายไปแล้ว หญิงสาวรีบเก็บของมือเป็นระวิง เนื่องจากโฮสต์โทรมาขอเปลี่ยนเวลาที่จะมารับเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง เพราะญาติที่จะมาพักที่บ้านโฮสต์ด้วยนั้น จะขับรถผ่านมาทางโรงแรมที่เธอพักอยู่พอดี เธอกำลังรูดซิบกระเป๋า พลันโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขึ้น จึงเดินไปรับ “เฮลโล?” “มิสนรากร มีแขกมารอพบอยู่ที่ล็อบบี้ครับ” “บอกให้เขารอสักห้านาที จะรีบลงไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” “ครับผม” นอกจากจะมาท่องเที่ยวเพื่อทำคอนเทนท์ในฐานะยูทูปเบอร์แล้ว เธอยังมีภารกิจสำคัญในการเดินทางมาเปเรซในครั้งนี้ด้วย หญิงสาวทำงานอยู่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำแหน่งนักการข่าวปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ภารกิจในครั้งนี้เป็นวาระพิเศษ ต้องทำงานร่วมกับหน่วยอื่นด้วย และที่เบื้องบนระบุว่าต้องเป็นเธอ ก็เพราะทั้งหน่วยมีเธอเพียงคนเดียวที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีของอิสราเอล สามารถพูดอ่านและเขียนภาษาอาหรับได้ดี และยังพูดฮีบรูได้อีกนิดหน่อย ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทุกคน จำเป็นต้องมีทักษะด้านนี้อย่างน้อยห้าภาษา แล้วแต่ว่าใครเลือกจะเรียนภาษาอะไร นอกเหนือไปจากความสามารถด้านอื่นๆ ที่สำคัญความเป็นสตรีเพศของเธอจะสามารถพรางฝ่ายตรงข้าม และทำงานคล่องตัวได้ดีกว่าบุรุษ ถ้าไม่รวมเรื่องบู๊ล้างผลาญเข้าไปเอี่ยวด้วย ในภารกิจนี้จะมีผู้ร่วมทีมอีกสองคน ซึ่งจะแยกกันเดินทาง และแยกกันทำงาน เธอมีหน้าที่ตามหาเป้าหมายชี้เป้าระบุตำแหน่ง เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนลงมือปฏิบัติการ ภารกิจของเธอในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน ที่มีการระเบิดสนามบินเอวาเปเรซ โดยใช้ฝูงโดรนคามิกาเซ และการกราดยิงประชาชนของผู้ก่อการร้ายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเจ้าหน้าที่ ในการก่อเหตุกับสายการบินทีแลนด์แอร์ที่เพิ่งจะแลนดิ้งได้ไม่นาน หลังจากนั้นกลุ่มกบฎหัวรุนแรงก็หลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ไปได้ และได้ลักพาตัวประกันไปด้วยห้าคน สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องต่อมาก็คือ ขอให้รัฐบาลเปเรซปลดปล่อยนักโทษกลุ่มต่อต้านแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มอนุรักษ์ศาสนาต่อต้านแนวคิดใหม่กว่าหนึ่งร้อยชีวิตที่ถูกจับขังคุกอยู่ในเขตต่างๆ และเรียกร้องให้รัฐบาลทีแลนด์ทำตามข้อตกลง เพื่อแลกกับความปลอดภัยของตัวประกัน ทำให้ทางรัฐบาลทีแลนด์ต้องรีบออกมาแถลงการณ์แก้ตัวกับนานาชาติว่า ข้อตกลงนั่นเป็นเพียงการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมเท่านั้น ทีแลนด์มิได้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ หรือเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้ายในครั้งนี้แต่อย่างใด ซึ่งตัวประกันห้าคนที่ได้ถูกจับตัวไปนั้น คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรอง ที่กำลังหนีคดีข้อหาจารกรรมข้อมูลของรัฐบาล อีกคนเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตทีแลนด์ประจำเปเรซ ส่วนอีกสองคนเป็นพระมารดาของสุลต่านโอมาร์ กับผู้ติดตาม และนักข่าวไม่ระบุสัญชาติอีกหนึ่งคน เธอจึงถูกส่งตัวมารับภารกิจนี้ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเปเรซ เพื่อทำการค้นหาและช่วยเหลือตัวประกันทั้งห้าคนให้ปลอดภัย อันนั้นเป็นภารกิจหลักที่ได้รับจากผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองฯ แต่ภารกิจลับที่ได้รับจากหัวหน้าหน่วยคือนำข้อมูลที่อยู่กับเจ้าหน้าที่คนนั้นกลับมาให้ได้ และคุ้มครองเขาให้พ้นจากการถูกฆ่าปิดปากจากฝ่ายตรงข้าม และเหตุการณ์ก่อนที่จะมีการก่อเหตุจับตัวประกัน เริ่มจากกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมมือกับบริษัทอาร์เอดีผู้ผลิตและวิจัยยาชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯ และมีสาขาย่อยอยู่ในประเทศทีแลนด์ ได้ถูกแฮกเกอร์โจมตีทางไซเบอร์เจาะระบบและเปลี่ยนหัส แล้วแอบติดตั้งมัลแวร์เรียกค่าไถ่ จนทางบริษัทฯเข้าไปทำงานไม่ได้ เป็นผลทำให้หุ้นของบริษัทอาร์เอดีตกฮวบ และต้องปิดไลน์ผลิตและการขนส่งทั้งระบบ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ถูกจารกรรมข้อมูลสำคัญไปกว่าเก้าร้อยกิกะไบต์ ได้แก่รหัสผ่าน ข้อมูลการเงิน ข้อมูลของลูกค้าและรายละเอียดสัญญาต่างๆ และสูญเงินเป็นจำนวนหลายร้อยล้านบาท เวบไซต์และระบบเครือข่ายของกระทรวงกลาโหมเอง ก็โดนโจมตีเซิร์ฟเวอร์ด้วยวิธีดีดอส โดยที่ผู้โจมตีได้สร้างคำร้องขอใช้บริการที่เป็นข้อมูลขยะขึ้นมา แล้วส่งไปที่ระบบเครือข่ายเป็นจำนวนมหาศาลต่อวินาที ทำให้ระบบทำงานช้าลงและเกิดการติดขัดในการเรียกใช้งานจนระบบล่มไปในที่สุด เมื่อเบี่ยงเบนความสนใจได้แล้ว ก็ฝังมัลแวร์ไว้เพื่อรับคำสั่งการโจมตีระลอกที่สอง หลังเกิดเหตุการโจมตีทางไซเบอร์เพียงสามชั่วโมง ก็ได้ปรากฎชื่อของบริษัทอาร์เอดี บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก ให้กับโรงพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือประชาชน ในวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทั่วประเทศ ข้อมูลลับของกระทรวงกลาโหมก็ถูกล็อกด้วยเช่นกัน จากนั้นก็แสดงข้อความเรียกค่าไถ่ ข่มขู่ให้ทำการจ่ายเงินเพื่อแลกกับข้อมูลภายในเวลาที่กำหนด ทางกระทรวงฯ จำต้องยอมโอนเงินให้ตามเงื่อนไข เพื่อแลกกับข้อมูลสำคัญระดับชาติ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกลบไป ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้อีก ไม่มีแฮกเกอร์กลุ่มใดออกมาแสดงตัวเพื่ออ้างถึงผลงาน แต่ก็คาดเดากันว่า อาจจะเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรมืดที่เรียกตัวเองว่าแฮกเกอร์หมวกดำ เพราะอาชญากรกลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในการปล่อยมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูง เข้าไปสร้างความหายนะเพื่อแลกกับเงิน เป็นจอมวายร้ายที่เคยเจาะระบบโจมตีธนาคารชาติตะวันตกมาแล้วในหลายๆ ประเทศ แต่ก็มีชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ออกมาชื่นชมการกระทำของโจรใจบุญในครั้งนี้ เพราะเงินทุกบาทที่แฮกเกอร์ปล้นมาจากกระทรวงกลาโหมนั้น ได้ถูกบริจาคให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ โดยระบุข้อความว่า เป็นค่าเยียวยาและเพื่อฟื้นฟูจิตใจจากรัฐบาล ต่อมาหน่วยสืบราชการลับของกระทรวงกลาโหม ก็ตามรอยไอพี-แอดเดรส จนสืบรู้ว่าอาชญากรไซเบอร์ผู้นี้เป็นใคร และได้ทำการไล่ล่าจนเขาต้องหนีออกนอกประเทศ และได้ถูกจับเป็นตัวประกันไปในที่สุด รายข่าวยังบอกอีกว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตทีแลนด์ประจำเปเรซที่ถูกจับตัวไปด้วยกัน ก็เป็นแฟนของเขาด้วยนั่นเอง …………………………. - เวิลด์แฮริเทจ - World Heritage - มรดกโลก - เคาช์เซิร์ฟฟิ่ง - Couchsurfing / CS - คือการท่องเที่ยวแบบขอไปนอนพักตามบ้านสมาชิกซีเอสทั่วโลก แบบฟรีๆ - กิกะไบต์ - (gigabyte / GB ) - หน่วยวัดความจุของหน่วยความจำ หรือข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ (Bit / KB / MB / GB / TB ) - มัลแวร์เรียกค่าไถ่ - Ransomware ถือเป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่ง ทันทีหลังจากเครื่องเป้าหมายติดมัลแวร์ดังกล่าว คอมพิวเตอร์จะถูกเข้ารหัส แล้วยื่นข้อเสนอให้เหยื่อทำการโอนเงินไปยังบัญชีที่ระบุ - เซิร์ฟเวอร์ - Server - ทำหน้าในการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตและควบคุมการใช้บริการ ซึ่งการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้บริการนั้นมีหลากหลายอย่างแยกย่อยออกไปอีก สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://personet.co.th/what-is-server/ - ดีดอส - DDos - (Distributed Denial of Service) - การปฏิเสธการให้บริการ : เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกการโจมตีด้วยวิธี DDos จะไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราว จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข หรือป้องกันการถูกระดมยิงด้วย DDoS ได้ - ไอพี แอดเดรส - IP Address - ย่อมาจาก internet protocol address คือ หมายเลขเฉพาะที่กำหนดให้กับอุปกรณ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD