“ เรากินแล้วค่ะ “ เหวินหนวนเอ่ยบอก โดยไม่มองหน้าของอีกฝ่าย
“ กินแค่น้ำผักต้มจะมีแรงได้ยังไง มานั่งนี่เถอะ พี่เอาเนื้อตุ๋นมาให้พวกเธอ รีบกินเร็วเข้าไม่งั้นมันจะไม่อร่อยนะ “ เธอเอ่ยบอกสองพี่น้องที่ยืนมองหน้ากันไปมา
“ หรือว่าพวกเธอรังเกียจอาหารของพี่ “ เธอแสร้งทำหน้าเศร้า แน่นอนว่าสองพี่น้องยังเด็ก ไม่รู้เท่าทันความคิดของเธออย่างแน่นอน ต่างก็รีบเข้ามาเกาะแขนของเธอ พลางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ พี่สาวจื่อ พวกเราไม่ได้รังเกียจ แต่ว่า พวกเรา … “ เหวินหนวน
“ พวกเราไม่อยากถูกจับไปขังคุกค่ะ ฮื่อๆๆ ลุงซูสั่งห้ามไม่ให้พวกเราไปวุ่นวายที่บ้านของพี่สาวจื่อ “ เหวินอี๋โพล้งออกมาอย่างเหลืออด เธอคิดถึงพี่สาวตรงหน้าและอยากกินเนื้อตุ๋นแต่พี่สาวของเธอเอาแต่สั่งห้าม
ไป๋เฟิ่งจื่ออยากจะบีบคอตัวเองให้ตายไป เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน
“ เสี่ยวหนวน เสี่ยวอี๋ฟังพี่สาวนะ เรื่องนี้เราจะรู้กันแค่สามคน ตกลงไหม “ เมื่อเด็กทั้งสองพยักหน้ารับแล้วเธอจึงได้พูดต่อ
“ ต่อไปนี้พวกเธอมาหาพี่ที่บ้านได้ตลอดเวลา แต่ว่าห้ามบอกคนอื่นว่ามาหาพี่สาวไม่อย่างนั้นคนพวกนั้นก็จะมาวุ่นวาย และพวกเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก “
“ หมายความว่า เราจะไม่ถูกจับไปขังคุกใช่ไหมคะ “ เหวินหนวนเอ่ยถาม ในใจรู้สึกไว้วางใจพี่สาวตรงกจ้ามากขึ้นอีกหน่อย
“ ถูกต้องจ้ะ เอาเป็นว่า ทุกวันตอนเย็นทั้งสองต้องไปหาพี่ที่บ้าน เราจะกินอาหารด้วยกัน อีกอย่างอีกไม่กี่วันก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว พวกเธอต้องไปนอนเป็นเพื่อนพี่ที่บ้าน พี่สาวไม่กล้านอนคนเดียว พงกเธอไปนอนกับพี่ได้ไหม “
“ ได้ไหมคะพี่ใหญ่ “ เหวินอี๋หันไปถามพี่สาวของตนเองอย่างรอคอยคำตอบ
“ อือ “ เหวินหนวนเอ่ยตอบ ไป๋เฟิ่งจื่อดึงทั้งสองพี่น้องมากอดเอาไว้ เพื่อให้ทั้งสองคลายความกังวลในจิตใจ ทั้งสองรับรู้ได้ถึงความอบอุ่มจากอ้อมกอดของเธอ ต่างก็ก้มหน้าซุกตัวเข้าไปในออ้มกอดของเธออย่างต้องการหาไออุ่น ไป๋เฟิ่งจื่อจึงกำชับออ้มกอดของตนเองให้แน่นขึ้นพลางใช้มือลูบผมของทั้งคู่ไปด้วย
” อุ่นจังพี่สาว “ เสียงอู้อี้ของเหวินอี๋ดังเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังได้ยินทุกถ้อยคำของเด็กน้อยในออ้มกอด เธอแหงนหน้ามองฟ้าและจะพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาตนเองไหลออกมา พลางนึกย้อนไปถึงชีวิตของตนเองที่เติบโตมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นับว่ายังโชคดีกว่าสองพี่น้องคู่นี้ ที่เธอไม่ต้องอยู่ลำพังหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก
“ เราต้องไปทำงานแล้ว “ เหวินหนวนเอ่ยบอกแม้ว่าจะไม่อยากออกจากออ้มแขนที่อบอุ่นนี้เลยก็ตาม
“ อื้อ “ เหวินอี๋ส่งเสียงตอบรับก่อนจะยอมปล่อยออ้มแขนที่กอดตนเองเอาไว้ออกมา
“ ไว้เจอกันตอนเย็นนะ “
“ ค่ะ “
ไป๋เฟิ่งจื่อยืนมองสองพี่น้องเดินไปไกลจนลับสายตาแล้วจึงได้กลับเข้าบ้านของตนเอง วันนี้เธอตั้งใจจะไปดูร้านค้าในตลาดสักแห่ง ไม่รู้ว่ามีคนติดประกาศขายหรือเปล่า
เธออาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วออกไปยืนรอรถที่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านบอกว่าจะมีรถโดยสารผ่านไปมาอยู่แล้ว เธอยืนรอเกือบชั่วรถโดยสารก็มาถึงพอดี ค่าโดยสาร 5 เหวิน [10 เหวิน =1 หยวน ] นั่งรถราวๆ45 นาทีก็มาถึงตลาดในเมืองซานตงแล้ว เธอลงจากรถและเดินหาร้านค้าที่ติดประกาศขายจนทั่วทั้งตลาดก็ยังไม่เจอ จึงได้ไปนั่งพักที่ร้านขายบะหมี่เนื้อที่ตั้งอยู่ในตรอกแถวหลังตลาด
“ เอาบะหมี่เนื้อ 1ชามค่ะ “
“ ได้ๆรอเดี๋ยวนะ “ ไม่นานนักบะหมี่เนื้อก็ถูกนำมาวางตรงหน้าของเธอแล้ว ไป๋เฟิ่งจื่อก้มหน้าก้มตากินบะหมี่เนื้อในชามจนหมดเกลี้ยง แล้วจึงจ่ายเงินค่าบะหมี่
“ ลุงคะ พอจะทราบไหมคะว่าฉันจะหาซื้อร้านค้าได้จากที่ไหน ฉันเดินดูทั่วตลาดแล้ว ไม่มีใครติดประกายขายเลย “
“ อ้อ ที่นี่ไม่มีใครติดประกาศเองหรอกนังหนู เธอต้องไปแจ้งที่หน่วยนั่นเสียก่อน “ เจ้าของร้านบะหใี่เนื้อเอ่ยบอก พร้อมทั้งชี้ไปยังหน่วยที่ว่านั่นให้เธอด้วย
“ ขอบคุณนะคะ “ หลั
เอ่ยจบเธอก็เดินไปติดต่อร้านค้าที่หน่วยทันที ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องดำเนินการเรื่องเอกสารประจำตัวของตนเอง และรวมถึงเสียภาษีการค้าเสียก่อนที่จะทำการซื้อขายร้านค้าได้
“ คุณต้องการทำการค้าอะไร ผมจำเป็นต้องรู้เพื่อลงรายละเอียดในเอกสาร “ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พลางจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย
“ ค่ะฉันเข้าใจ ฉันตั้งใจจะเปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ด อ่อหมายถึงร้านค้าที่ขายทุกอย่าง เหมือนกับ สหกรณ์ของสวัสดิการ “ เธอเอ่ยบอกกับเขา
“ อ้อ ผมขอเวลากรอกเอกสารสักครู่แล้วจะพาคุณไปดูร้านค้าที่ประกาศขายในตอนนี้ ค่าดำเนินการและภาษี รวมทั้งหมด 8 หยวนครับ “ ชายหนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับรับเงินจากเธอไปจัดการตามหน้าที่ของตนเอง เมื่อเสร็จเรื่องเอกสารแล้วเขาก็พาเธอเดินมาที่ตลาดอีกครั้งซึ่งเธอจำได้ว่าที่ตรงนี้เธอเพิ่งจะเดินผ่านก่อนที่จะไปนั่งกินบะหมี่เนื้อ
“ ที่ตรงนี้เคยขายยาสมุนไพรมาก่อน มีสองชั้น มีห้องเก็บของอยู่ด้านหลัง ถ้าคุณสนใจก็ทำสัญญาซื้อขายได้เลย แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ ก็ยังมีอีกที่ แต่ว่าทำเลไม่ค่อยดีนัก ถ้าให้ผมแนะนำ ผมว่าที่นี่ดีกว่า “
“ ขอบคุณค่ะ งั้นตกลงค่ะฉันซื้อที่นี่ “
“ ครับ งั้นเรากลับไปที่หน่วยกันต่อดีกว่า “