ลับหลังบิดาสองศรีพี่น้องจึงมุ่งหน้าไปตามทางเดินเล็กๆเพื่อจะไปที่บ้านหลังใหญ่ตามที่บิดาสั่งไว้ทันที ด้วยความรีบเร่งเพราะเกรงว่าพายุที่นทีบอกจะพัดเข้าฝั่งในอีกไม่นาน
“อ้าวหนูน้ำ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” สมใจแม่บ้านที่ดูแลทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่เอ่ยถาม วางตะกร้าผ้าในมือลงบนพื้นวิ่งปรี่เข้าสวมกอดร่างเล็กไว้ทันทีด้วยความคิดถึง
“เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี่เองค่ะ คุณท่านอยู่ไหมคะ” สายน้ำเอ่ยถามถึงชาณาทิป
“ไม่อยู่หรอกค่ะ ขึ้นฝั่งบินกลับกรุงเทพไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ตอนแรกว่าจะอยู่ต่ออีกหลายวันแต่ข่าวบอกพายุจะเข้า คุณหญิงท่านกลัวก็เลยต้องรีบกลับ เหลือก็แต่คุณเตมินทร์น่ะค่ะที่ไม่ยอมกลับ”
“ใครมันอยากไปไหว้คนพันนั้นกัน อยู่กับไม่อยู่ก็ไม่ต่างกันหรอก” สายป่านกรอกตาขึ้นไปบนบ้านด้วยความไม่ชอบใจ เมื่อเห็นร่างสูงที่สมใจหมายถึงกำลังเดินออกจากบ้านมา ร่างเล็กจึงรีบคว้าแขนพี่สาวเอาไว้ทันที “เรารีบกลับกันเถอะพี่ เดี๋ยวพายุเข้าจะกลับไม่ได้”
“เดี๋ยวสิ ไหนๆก็มาแล้วอยู่ทักทายคุณเตมินทร์ก่อนก็ได้” พูดจบร่างสูงที่สายป่านไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าก็จรลีมาถึงหน้าบันไดพอดี หญิงสาวจึงยกมือพนมไหว้ร่างนั้นด้วยความเคารพ อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกชายของผู้มีพระคุณ ซึ่งต่างกับสายป่านผู้เป็นน้องสาวอย่างลิบลับ
“อ้าว! ตัวเล็กกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เจ้าของใบหน้าคมคร้ามออกไปทางฝั่งยุโรปคล้ายกับมารดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เพิ่งมาถึงค่ะ ว่าจะมาไหว้คุณท่านเสียหน่อย แต่พี่สมใจว่าท่านกลับไปแล้ว”
“ใช่ คุณแม่ท่านกลัวพายุน่ะก็เลยรบเร้าให้คุณพ่อพากลับเสียก่อน”
“อ่อ...แล้วนี่คุณเตมินทร์จะไปไหนคะ” ร่างเล็กเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าสวมเสื้อผ้าทะมัดทะแมง ถึงจะแต่งตัวแบบเรียบง่ายแต่เขาก็ดูดีเสมอในสายตาของสายน้ำถึงแม้ว่าเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแค่น้องสาวก็ตาม
“จะไปดูงานที่รีสอร์ทหน่อยน่ะ พายุเข้าบ่ายนี้ไม่รู้ว่าคนงานเขาเตรียมงานกันไปถึงไหนแล้ว ไว้ค่อยเจอกันนะวันนี้พี่ต้องรีบไป“
“อ้อ! ค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มรับแล้วจึงเดินจากไป สายน้ำมองตามแผ่นหลังของร่างนั้นไปจนสุดสายตาด้วยความปลื้มปริ่ม จนสายป่านที่ยืนอยู่ข้างต้องเอ่ยเรียกสติที่เลื่อนลอยของพี่สาวให้กลับมาเพราะรู้ดีว่าสายน้ำรู้สึกยังไงกับชายหนุ่ม
“หนูไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าพี่ไปชอบผู้ชายพันนั้นได้ยังไง” ร่างเล็กกระซิบถามมองตามร่างสูงไปด้วยความไม่ชอบใจ
“จะบ้าเหรอ พูดอะไรแบบนั้น...น่าเกลียด” สายน้ำถลึงตาใส่น้องสาวเพราะเกรงว่าสมใจที่ยืนอยู่ข้างๆจะได้ยิน “ถ้าอย่างนั้น น้ำขอตัวกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวพายุเข้าจะกลับไปทัน ไว้น้ำค่อยมาหาใหม่นะคะ”
“ได้เลยจ่ะ กลับดีๆนะ” สมใจโบกไม้โบกมือลา สายน้ำจึงรีบกระชากแขนเล็กองน้องสาวให้เดินตามกลับบ้านไปด้วยความรวดเร็ว จนสายป่านโอดครวญ
“พี่จะรีบไปไหนเนี่ย ป่านแค่ล้อนิดเดียวทำไมต้องเขินด้วย”
“ก็พี่ไม่ชอบให้ป่านพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น ป่านก็รู้ว่าสถานะของพวกเรากับคุณเตมินทร์เขาต่างกันขนาดไหน ถึงพี่จะชอบเขานั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะต้องได้เขามาครองนี่...ช่างเถอะพูดไปเด็กแก่แดอย่างป่านก็ไม่เข้าใจหรอก”
“ใครบอกว่าป่านจะไม่เข้าใจล่ะ ป่านไม่ใช่เด็กแล้วนะ อีกแค่สองเดือนป่านก็จะอายุยี่สิบแล้ว” ร่างเล็กเชิดราวกับภาคภูมิใจ เพราะตอนนี้เธอเองก็มีคนที่แอบชอบอยู่แล้วเหมือนกัน
“จ้าแม่คนเก่ง ไปรีบกลับบ้านกันดีกว่า ฝนจะตกแล้วเนี่ย”
พูดไม่ทันขาดคำ ลมพายุก็เริ่มพัดเข้ามาบนฝั่งจนเกิดเสียงคำรามลั่นดูน่ากลัว สองร่างเล็กจึงรีบวิ่งฝ่าสายลมนั้นไปจนถึงบ้าน เพียงชั่วครู่ฝนห่าใหญ่จึงสาดเทลงมาอย่างหนักจนแทบมองอะไรไม่เห็น สายน้ำรีบปิดประตูหน่าต่างทุกบ้านเพราะกลัวว่าฝนจะสาดเข้ามาในบ้านจนเปียก จากนั้นจึงรีบอาบน้ำอาบท่าล้างอายฝนที่ติดอยู่บนหัวจะได้ไม่จับไข้เอา
ถึงแม้จะอาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆแต่ความเจริญบนเกาะแห่งนี้ก็แทบจะเทียบเท่าบนฝั่ง มีทั้งไฟฟ้าที่ต่อสายเคเบิลมาทางใต้น้ำโดยตรง มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต มีโรงเรียนขนาดเล็กที่สอนแค่ระดับประถมศึกษา จะขาดก็แค่ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาลแล้วก็ห้างใหญ่ๆเท่านั้น
ฝนเริ่มขาดเม็ดแล้ว แต่สายฟ้ายังคงส่องแสงสว่างวาบเป็นระยะ ร่างเล็กค่อยแง้มหน้าต่างเปิดออก มองไปยังอีกฟากหนึ่งของเกาะแอบรู้สึกเป็นห่วงบิดาขึ้นมาจับใจ เพราะทราบดีว่าครอบครัวของตนไม่ได้เป็นคนพื้นที่นี้ตั้งแต่กำเนิดเพียงแต่ระเห็ดมาจากแดนไกลมาอาศับใบบุญของชาณาทิปเจ้าของเกาะเท่านั้น ตนจึงไม่ค่อยแน่ใจนักว่านทีจะเอาตัวรอดจากพายุห่าใหญ่นี้ได้อย่างไร จึงอดเป็นห่วงเสียไม่ได้เพราะตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่บิดาเท่านั้นที่คอยดูแลเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่แม้จะไม่เคยเห็นมารดาเลยสักครั้ง แต่หญิงสาวก็ไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นเลยสักนิด
“เป็นห่วงพ่อจัง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“พี่ไม่ต้องห่วงพ่อหรอกน่า พ่อของเราเก่งจะตาย ถึงจะไม่ใช่คนใต้แต่ก็มีประสบการณ์ในทะเลมาพอตัวแหละ” สายป่านตอบอย่างภาคภูมิใจ พลางก้มลงเขียนบางอย่างบนกระดาษจดหมายสีหวาน เมื่อหันมาเห็นน้องสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็อดสงสัยเสียไม่ได้
“เขียนอะไรอยู่เหรอ ทำหน้าทำตาเหมือนคนมีความรัก”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เข้าไปเขียนในห้องดีกว่า” เจ้าตัวเผลอตะคอกออกมาเสียงดังแล้วจึงหอบหิ้วสัมภาระตัวเองเดินหายเข้าไปในห้อง สายน้ำส่ายหัวเบาๆก่อนจะละสายตาจากร่างเล็กหันออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง มองเห็นเค้าเมฆฝนดำทะมึนอยู่ไกลๆ ท้องฟ้าไร้ซึ่งหมู่ดาวใดๆประดับประดาดูน่ากลัว
เปรี้ยง!
เพียงชั่วครู่จึงได้ยินเสียงสายฟ้าคำรามขึ้นมาอีกครั้งสลับกับเสียงคลื่นขนาดใหญ่กระทบเข้าฝั่งเป็นระยะ หญิงสาวจึงรีบปิดหน้าต่างลงวิ่งเข้าห้องของตัวเอง ขดตัวนอนอยู่ในผ้าห่มผืนหน้าหลับตาลงสู่ห้วงนิทราในที่สุด