บทนำ เกาะไข่มุก (1)

1141 Words
สายลมพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าหวานของร่างบางระหงพร้อมกับกลิ่นอายของน้ำทะเลในขณะที่เรือกำลังวิ่งฉิวอยู่เหนือเกลียวคลื่นมุ่งหน้าสู่เกาะไข่มุก เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน หญิงสาวหลับตาพริ้มอ้าแขนออกเพื่อรับลมทะเลนั้นเข้าปอดอย่างเต็มที่รู้สึกสดชื่นราวกับได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปมานานเกือบปี หลังจากที่ต้องระเห็ดไปเรียนไกลถึงเมืองกรุงกว่าจะได้กลับมาบ้านเกิดก็กินเวลาไปนานโข เรือค่อยๆจอดเทียบที่ท่าเรือขนาดเล็ก ปรากฏร่างสูงโปร่งของบิดายืนยิ้มแก้มปริรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีร่างเล็กของน้องสาวตัวแสบยืนโบกมือยิ้มร่าด้วยความตื่นเต้นดีใจไม่ต่างกัน ทันทีที่สองเท้าแตะพื้นไม้ของท่าเรือเล็กๆ หญิงสาวจึงรีบวิ่งถลาไปที่ร่างของบิดาสวมกอดร่างนั้นไว้แน่นทันทีด้วยความคิดถึง “ไง คนเก่งของพ่อ” “น้ำคิดถึงพ่อที่สุดเลย” เอ่ยขึ้นเบาๆในอ้อมกอดของร่างสูง จนสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆเริ่มงอนทำแก้มป่องที่พี่สาวไม่หันมากอดตนบ้าง จึงเลื่อนมือไปกระชากชายเสื้อของหญิงสาวเบาๆ “แล้วพี่ไม่คิดถึงป่านบ้างเหรอ” “คิดถึงสิ คิดถึงมากเลยน้องรักของพี่” สายน้ำหันมาสวมกอดร่างเล็กของน้องสาวบ้าง นทีผู้เป็นบิดาจึงหันไปคว้ากระเป๋าใบใหญ่ของลูกสาวขึ้นมาสะพายไปไว้มองภาพตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดูในความรักใคร่ของสองพี่น้อง “รีบกลับบ้านกันดีกว่า พ่อเห็นข่าวว่าเย็นนี้น่าจะมีพายุเข้า” ร่างบางระหงจึงหันไปโอบไหล่เล็กของน้องสาวแล้วพากันเดิมตามหลังบิดามุ่งหน้าสู่บ้านหลังเล็กใจกลางเกาะแห่งนี้ทันที บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนไปไม่มากนักนับตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจขึ้นฝั่งไปเรียนไกลถึงกรุงเทพมหานครด้วยความอนุเคราะห์ของชาณาทิปผู้เป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ เพราะเห็นว่าสายน้ำเรียนเก่งและเป็นเด็กขยัน จึงเอ็นดูส่งเสียให้เรียนจนจบมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนประจำก่อนจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในสาขาโรงแรมเพื่อที่จะได้จบมาช่วยดูแลกิจการรีสอร์ทที่กำลังปลูกสร้างอยู่อีกเกาะหนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก เดิมทีเกาะแห่งนี้เป็นที่ดินรกร้างมีชาวบ้นอาศัยอยู่ไม่มากนักจนกระทั่งชาณาทิปมาซื้อเอาไว้ทั้งหมดโดยแบ่งให้เกาะเล็กๆฝั่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ส่วนอีกเกาะมีขนาดใหญ่กว่ากำลังจะถูกเนรมิตรเป็นรีสอร์ทส่วนตัวขนาดย่อม โดยมีชาวบ้านที่เป็นผู้ชายถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงานก่อสร้างเพื่อแลกกับค่าแรงอย่างยุติธรรม ส่วนพวกผู้หญิงก็มักจะอยู่เฝ้าบ้านที่เกาะฝั่งนี้เพื่อดูแลลูกและเตรียมอาหาร ตลอดสองข้างทางมีเด็กเล็กกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็ป่ายปีนต้นไม้จนดูน่าหวาดเสียวแต่นั่นมันก็กลายเป็นเรื่องปกติของที่นี่ไปเสียแล้ว หลังจากเดินลัดเลาะมาตามทางเดินเล็กๆจนในที่สุดทั้งสามคนก็มาปรากฏกายอยู่หน้าวิมานหลังเล็กริมเขาด้านหลังสุดของหมู่บ้านบนเกาะ สองเท้าย่างขึ้นไปบนเรือนที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้นแค่พอประมาณ วัสดุทั้งหมดทำด้วยไม้และไม้ไผ่สลับกันไป หลังคามุงจากคล้ายกับบังกะโลหลังเล็ก ถึงไม่ใหญ่มากแต่มันก็ดูอบอุ่นเสมอที่ได้กลับมาเยือน สายน้ำเดินสำรวจจนรอบบ้านจนแน่ใจแล้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยจริงๆนับตั้งแต่วันที่เธอก้าวขาออกจากเกาะเพื่อไปเรียนต่อ “พี่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม วันนี้หนูกับพ่อช่วยกันทำกับข้าวที่พี่ชอบไว้ด้วยล่ะ” สายป่านน้องสาวที่อายุห่างกันเพียงสี่ปีเอ่ยขึ้น พลางเปิดฝาชีขนาดย่อมออกเผยให้เห็นอาหารพื้นบ้านปักษ์ใต้มากมายถูดจัดเรียงไว้อย่างดีเพื่อต้อนรับการกลับบ้านของหญิงสาว “พ่อว่าไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหม” นทีรีบแย้งขึ้นเพราะรู้ดีว่าสองศรีพี่น้องนี่เข้าขากันมากขนาดไหน คนหนึ่งเห็นยังไงอีกคนก็มักจะพลอยเห็นงามไปด้วยเสมอ สายน้ำจึงทำปากจู๋อย่างขัดใจแต่ก็ต้องเดินหายเข้าห้องตัวเองไปเพื่ออาบน้ำตามคำสั่งของบิดา จากนั้นจึงออกมาทิ้งตัวนั่งลงเคียงข้างสายป่านผู้เป็นน้องสาวจัดการกับอาหารตรงหน้าทันทีด้วยความหิวโหย “ที่กรุงเทพไม่มีข้าวให้กินเหรอพี่” สายป่านเอ่ยแซว จนบิดาต้องเอ็ดด้วยอีกคน “กินช้าๆก็ได้ ไม่มีใครแย่งกินหรอก เดี๋ยวก็ติดคออีก” “ก็คนมันหิวนี่ อีกอย่างอาหารที่กรุงเทพก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือพ่อกับสายป่านด้วย” คำตอบของลูกสาวทำให้นทียกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆแล้วจึงตักปลาตัวใหญ่ส่งให้หญิงสาว “ถ้าอย่างนั้นก็กินเยอะๆ เดี๋ยวก็ต้องกลับไปฝึกงานอีกตั้งห้าเดือนอีกไม่ใช่เหรอ” พูดถึงเรื่องฝึกงาน สายน้ำหน้าเสียขึ้นมาทันที ถ้าหากบิดารู้ว่าตนต้องระเห็ดไปถึงต่างแดนแล้วจะยอมให้ไปหรือเปล่าหนอ ถึงจะไม่เต็มใจแต่ยังไงก็ลงชื่อสมัครตามเพื่อนตัวแสบไปแล้วจะแก้ไขตอนนี้ก็คงไม่ทัน นอกจากต้องทำใจยอมรับอดทนอีกแค่ห้าเดือนก็จะได้ใบปริญญากลับมาอวดคนที่เกาะแล้ว หลังจากที่ทานข้าวเที่ยงเสร็จ สายลมจึงอาสาพาพี่สาวเดินเที่ยวรอบเกาะ ส่วนนทีเองก็ต้องขอตัวไปเฝ้าถ้ำรังนกที่อยู่หลังเกาะต่อสองสามวันถึงจะกลับมาที่บ้าน ต้องทิ้งให้สายป่านอยู่แต่เพียงลำพังเป็นประจำ ส่วนมากคนบนเกาะมักอาศัยอยู่ร่วมกันเหมือนพี่น้องเสียมากกว่าอีกทั้งชาณาทิปเองก็มักจะวางเวรยามคอยสอดส่องดูแลไม่ให้คนนอกเข้ามาย่างกรายอีกด้วย ดังนั้นจึงมั่นได้ว่าจะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นบนเกาะอย่างแน่นอน “อย่าลืมไปไหว้คุณท่านเขาด้วยล่ะ” นทีกำชับหญิงสาวอีกครั้งก่อนที่จะนั่งเรือลำเล็กลัดเลาะไปตามชายฝั่งมุ่งหน้าไปอีกฟากหนึ่งของเกาะซึ่งไม่สามารถเดินเท้าได้ สายน้ำรับปากอย่างเต็มปากด้วยความสำนึกในบุญคุณของชาณาทิปไม่ต่างกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD