มรกต หญิงสาวอายุสามสิบปี อาศัยอยู่บ้านเด็กกำพร้าของแม่อุษามาตั้งแต่แรกเกิด โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เนื่องจากถูกนำมาทิ้งไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ตั้งแต่แบเบาะ
ตัวเธออาศัยอยู่สถานที่แห่งนี้จวบจนอายุได้สิบแปดปี จึงได้ออกจากบ้านมาเริ่มต้นชีวิตด้วยตัวเองตามกฎทั่วไปของบ้านเด็กกำพร้า เมื่อเด็กที่พักอาศัยอยู่ในบ้านอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
มรกตเองเป็นคนขยัน มักจะทำงานในช่วงวันหยุดและวันที่ปิดภาคเรียน เธอทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเงินเก็บที่ได้จากการทำงานมาส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเอง อีกส่วนหนึ่งเธอมอบให้กับแม่อุษาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ด้วย
การที่มรกตเป็นคนขยันตั้งแต่เด็กนั้น ทำให้เธอมีทั้งร้านอาหารขนาดใหญ่ และเธอยังเป็นเจ้าแม่เครื่องสำอาง เปิดบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ผลิตและขายเองอีกด้วย
เธอมีทั้งเงินและธุรกิจ แต่สิ่งที่เธอไม่มีคือครอบครัวที่อบอุ่นหรือแม้แต่คนรัก มรกตเองอายุเลยเลขสามแล้ว แต่ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน เธอมุ่งมั่นแต่ทำงานและเก็บเงินจนไม่มีเวลามองหาหนุ่ม ๆ ที่ไหนเลย
ณ เพนต์เฮาส์สุดหรูชั้นบนสุดของร้านอาหาร
“เฮ้อ ...ทำไมฝันแบบนี้อีกแล้ว”
มรกตเอ่ยออกมาอย่างสงสัย เธอมักจะฝันแบบเดิม ๆ ฝันติด ๆ กันมาจะสองอาทิตย์แล้ว ภาพที่เห็นในฝันนั้น เป็นสถานที่และความเป็นอยู่คล้ายกับยุค 70 ที่เธอเคยอ่านตามนิยาย ซึ่งเป็นยุคที่แสนจะลำบากในช่วงนั้น เธอยิ่งคิดยิ่ง งง
“สงสัย เราจะอ่านนิยายมากเกินไปแน่เลย อาบน้ำดีกว่าเรา”
จากนั้นเธอจึงอาบน้ำ แต่งตัวเพื่อที่จะลงไปดูร้านอาหาร และเข้าไปที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ช่วงนี้มียอดสั่งซื้ออยู่เยอะพอสมควร กิจการของเธอทุกอย่างอยู่ภายในพื้นที่เดียวกันกับร้านอาหาร มีโกดังเก็บของจำพวกเครื่องสำอางที่ผลิตได้ทั้งหมดนำมาสต็อกไว้ที่นี่ด้วย
มรกตได้ใช้ชีวิตปกติในแบบของเธอ หลังจากนั้นอีกสองอาทิตย์ ในช่วงกลางดึกคืนหนึ่ง เธอมีความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น คล้าย ๆ เหมือนฝัน เธอเห็นชายชรา ชุดขาว ผมขาว เรียกให้เธอตื่น
“มรกต ตื่นมาคุยกันหน่อย” ชายชราชุดขาวเอ่ยเรียก
“คุณตา เรียกฉันเหรอคะ ”
เธอถามออกมาอย่างงุนงง และไม่เข้าใจว่าคุณตาผมขาวคนนี้เรียกเธอทำไม
“ใช่ ตาเรียกเรานั่นแหละ”
ชายชราตอบออกไปและเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าของเธอออกอาการสงสัย จึงพูดออกไปว่า
“เจ้าไม่ต้องทำหน้าสงสัยแบบนั้นหรอก ตามีเรื่องจะมาเตือน”
“คุณตาเป็นใครคะ แล้วคุณตามีเรื่องอะไรจะมาเตือนหนูเหรอ ทำไม ต้องมาเตือนหนูล่ะคะ ”
เธอไม่วายถามออกไป ด้วยอาการที่มึนงง ยิ่งกว่าเดิมว่าทำไมต้องมาเตือนแล้วมาเตือน เรื่องอะไร
“ตาจะมาเตือนเจ้าว่า เวลาของเจ้าในภพนี้ กำลังจะหมดลงแล้วตามาบอกเพื่อให้เจ้าได้เตรียมตัว ถ้าหากมีเรื่องอะไร ที่ต้องทำและต้องจัดการก็ให้รีบทำรีบไปจัดการเสีย เพราะเจ้ามีเวลาเหลืออยู่ที่นี่เพียงสิบห้า วันเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นตาจะมารับเจ้ากลับไปยังสถานที่ที่เจ้าควรจะอยู่” ชายชราบอกออกไป
“ความหมายของคุณตาคือ ฉันกำลังจะตายหรือคะ ฉันเพิ่งจะอายุสามสิบปีเองนะคะคุณตา แฟนสักคนยังไม่มีเลย จะให้หนูรีบตายไปไหนล่ะคะ ”
มรกตบอกออกไปด้วยอาการตกใจ นี่เธอกำลังจะตายเหรอ จะให้เธอรีบตายทำไมสามีก็ ยังไม่มีสักคน
“มันเป็นชะตาของเจ้า เจ้าควรจะไปอยู่ในที่ที่เป็นของเจ้า เจ้าอยู่ผิดที่ผิดทางมานานแล้ว คนทางโน้นก็รอเจ้ากลับไปอย่าถามให้มากเลยยายหนู”
ชายชราผมขาวบอกออกไปด้วยท่าทางใจเย็น เพราะเขาเข้าใจว่าเป็นใครก็คงตกใจและสงสัยเป็นแน่
“เอ้า ถ้าเจ้าหายมึนงงและหายตกใจแล้วก็ยื่นมือออกมา ตามีของจะให้”
เมื่อปรับความคิดได้เธอจึงยื่นมือออกไปรับสิ่งของที่ชายชราบอก ทว่าสิ่งที่ชายชรายื่นใส่ในมือนั้นกลับเป็นแหวนหยก เมื่อเห็นมรกตสวมแหวนใส่นิ้วแล้วเอ่ยว่า
“ตาให้เจ้า แหวนวงนี้เป็นแหวนมิติ สามารถเก็บสิ่งของตามที่เจ้าต้องการได้ และสิ่งของทุกอย่างนั้นจะยังคงสภาพเดิม ยังคงความสดใหม่เหมือนกับที่เจ้าเอาใส่เข้าไป และมิตินี้สามารถขยายตามต้องการ ไม่ว่าเจ้าจะใส่เยอะขนาดไหน”
ชายชราบอกประโยชน์ของแหวนวงนี้แก่ มรกต และได้บอกลาพร้อมกับจากไป
“ตาไปก่อนนะยายหนู อีกสิบห้าวันตาจะมารับนะ อย่าลืมสิ่งที่ตาเตือนเจ้าด้วยล่ะ ”
“ขอบคุณคุณตามากนะคะ ที่มาเตือนและให้ฉันได้มีเวลาจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ”
เธอพูดขึ้นหลักจากชายชราจากไป
ทันทีที่จบการสนทนา เธอสะดุ้งตื่นก่อนจะรีบลุกขึ้นมานั่งและคิดว่าสิ่งนี้คือความฝันหรือว่าความจริงกันแน่ แต่พอเธอเหลือบมองไปที่หัวเตียง เธอกลับเห็นแหวนหยกวงนั้นซึ่งมันเหมือนกับแหวนที่ชายชรามอบให้กับเธอ เธอจึงคิดว่ามันคือความจริงไม่ใช่ความฝัน
จากนั้นเธอจึงล้มตัวนอนเพื่อที่ตื่นเช้ามาจะได้จัดการกับสิ่งต่าง ๆ ก่อนที่เธอจะจากภพนี้ไป
เช้าวันต่อมา มรกตรีบอาบน้ำแต่งตัวเมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จแล้ว เธอได้โทรนัดทนาย เพื่อที่จะขายหุ้นในบริษัทและต้องการมอบกิจการร้านอาหารให้กับแม่อุษา
แม่อุษาจะได้มีรายได้ไปจุนเจือในบ้านเด็กกำพร้า และได้ส่งน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าให้ได้เรียนหนังสือทุกคน
เพื่อให้น้อง ๆ เหล่านั้นได้ทำตามฝันของตัวเอง เหมือนที่ตัวเธอได้ทำตามความฝันจนประสบความสำเร็จในชีวิต มีทุกสิ่ง ทุกอย่างเช่นวันนี้
การที่เธอจะขายหุ้นบริษัทนั้น เธอต้องการขายให้กับเจนนี่เพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน ซึ่งเพื่อนของเธอนั้นได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามอยู่แล้ว หากเธอจะขายหุ้นให้เพื่อนของเธอไม่น่าจะมีปัญหา
โดยเธอจะให้เหตุผลกับเพื่อนของเธอไปว่าเธอต้องการที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว เธอทำงานมานานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องการจะพักผ่อนสักที
มรกตมั่นใจว่าเพื่อนของเธอจะไม่สงสัยอะไร เพราะก่อนหน้านี้ เธอเคยพูดไว้เมื่อปีที่แล้ว ว่าเธออยากที่จะไปท่องเที่ยวรอบโลก