“พ่อมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ ผมรอฟังอยู่” ซีห่าวทันทีที่นั่งลงก็ได้ถามออกไปทันที
“สะใภ้รองพาเจียมี่ไปนอนก่อน”
เมื่อเห็นฟางเซียงพาหยางเจียมี่เดินไปแล้ว จึงได้หันกลับมาพูดกับซีห่าว
“เจ้าใหญ่แกสนิทกับบ้านจางมากขนาดไหน”
“พอสมควรครับ พ่อถามทำไม” เขาไม่ได้ตอบคำถามของพ่อทั้งหมด
“บ้านนั้นมีเด็กสาว หากไปสนิทมากคนอื่นจะมองไม่ดี แล้วยิ่งแกเอาลี่มี่ไปให้เขาดูให้ มันใช่เรื่องเหรอ”
“ครับ ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และการที่ซินซินดูแลลี่มี่ให้ ผมก็ไม่เห็นว่าไม่สมควรตรงไหน”
“ต๊ายย นี่เรียกกันเสียสนิทสนมเชียว” หลินเจียวจูอดไม่ได้ที่จะพูดสอด
“แล้วจะทำไมครับ การที่ผมจะสนิทสนมกับใครนั้น ก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับคุณนะ”
ซีห่าวพูดพร้อมกับจ้องหน้าหลินเจียวจู เขาเหลืออดกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงของเขาแล้ว
หากครั้งนั้นแม่เลี้ยงไม่กล่อมพ่อให้บังคับเขาแต่งงาน เขาคงยังไม่แต่งกับหลินเซียงเอ๋อร์หลานสาวของเธอ และยังวางยาเขาในวันเข้าหออีก ถึงอย่างไรเขาก็ต้องขอบคุณที่ทำให้เขามีลี่มี่ลูกสาวตัวน้อยที่น่ารัก
“เจ้าใหญ่ นั่นแม่เลี้ยงแกนะ หัดพูดดี ๆ เสียบ้าง” หยางเจียงบอกกับลูกชาย
“พ่อมีอะไรจะถามอีกไหม ถ้าไม่มีผมขอตัว”
“ฉันอยากรู้ว่าแกสนิทกับเด็กสาวบ้านจางนั่นขนาดไหน หรือว่าแกชอบเด็กสาวบ้านจาง”
“พ่อครับ ถ้าหากผมตอบว่าชอบล่ะครับ พ่อจะทำอย่างไร”
ซีห่าวเลือกที่จะบอกออกไปตรง ๆ ในเมื่อซินซินของเขายังกล้าที่จะบอกความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาให้ทุกคนได้รับรู้ เขาเองนั้นก็ควรที่จะพูดตรง ๆ เหมือนกัน
แต่แล้วเมื่อหยางเจียงได้ยินในสิ่งที่ลูกชายคนโตบอก เขาจึงนิ่งเงียบไปทันที ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“แล้วแกรู้ว่าอายุแกกับเด็กคนนั้นห่างกันเท่าไร แทบจะเป็นลุงกับหลานกันได้เลย”
“รู้ครับ ว่าผมแก่กว่าเธอมาก แต่บางทีอายุมันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตคู่นี่ครับพ่อ ผมกับจางห่าวอู๋ พี่ชายของซินซิน เรารู้จักและสนิทกันมานานแล้ว
และผมห่างกับบ้านจางก็เป็นช่วงที่ผมเป็นทหาร ซินซินเธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก ตรงไปตรงมา ผมรู้ว่าผมไม่คู่ควรกับเธอ แต่ผมจะพยายามทำให้ตัวเองคู่ควรกับเธอครับ”
“แล้วลี่มี่ล่ะจะทำอย่างไร ไม่สงสารลี่มี่ที่ต้องมีแม่ใหม่เหรอ อีกอย่างตอนนี้เซียงเอ๋อร์ก็คิดถึงลี่มี่มาก อยากจะมาเยี่ยมลูก”
หลินเจียวจูพูดในสิ่งที่เธอคิด และยังพูดถึงหลานสาวที่เป็นแม่ของลี่มี่อีกด้วย
“ผู้หญิงคนนั้นกับผมและลี่มี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ในเมื่อวันที่หย่า เธอเลือกที่จะเอาทรัพย์สินทั้งหมดแลกกับลี่มี่ลูกสาวของตัวเอง ในใบจดทะเบียนหย่าเธอก็ได้ลงชื่อกำกับแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลี่มี่อีก”
ซีห่าวเลือกที่จะพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เขาไม่รู้ว่าพ่อจะรู้ข้อตกลงระหว่างเขากับแม่ของลี่มี่หรือไม่ อย่างไรวันนี้คงต้องพูดกันให้รู้เรื่อง เขาไม่อยากให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขาอีก
“แต่ถึงอย่างไรเซียงเอ๋อร์ก็เป็นแม่ของลี่มี่นะ เธอจะมาบอกแบบนี้ไม่ได้ และเซียงเอ๋อร์ยังเป็นหลานสาวของฉัน”
หลินเจียวจูรีบพูดขึ้นทันที เธอยังหวังว่าหลานสาวของเธอจะยังกลับมาอยู่เป็นครอบครัวกับซีห่าวได้อีกครั้ง
“ใช่ ผมไม่เคยปิดกั้น แต่ผมขอถามหน่อยว่า การที่คุณจะมาแก้ต่างแทนเธอนั้น ตอนที่เธอยังอยู่กับลี่มี่เธอเคยดูแลลี่มี่เหมือนที่แม่คนอื่นเขาทำกันไหม
มีแม่คนไหนบ้างได้เงินมาแล้วปล่อยให้ลูกอดอยาก มีแม่คนไหนบ้างที่ตัวเองมีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ แต่ลูกตัวเองกลับปล่อยให้ใส่เสื้อผ้าตัวเก่า รอยปะแทบจะทั้งตัว เงินที่ผมส่งมาแต่ละเดือนและหลายสิบหยวน เงินเหล่านั้นเคยเอามาดูแลลูกสาวตัวน้อยของผมบ้างไหม คุณช่วยบอกผมหน่อยสิคุณแม่เลี้ยง”
เขาตอกกลับหลินเจียวจูทันที เขารู้ว่าเงินที่เขาส่งมานั้นแม่เลี้ยงคนนี้น่าจะมีส่วนแบ่งไม่มากก็น้อย เขาจะไม่เสียใจหรือแค้นใจเลยหากเงินเหล่านั้นแบ่งมาสักนิดเพื่อที่จะดูแลลูกสาวของเขา
วันที่เขากลับมาแล้วเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพนั้นน้ำตาเขาตกใน ทันที เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผอมแห้งแบบนั้น
“พ่อครับ ตั้งแต่ผมกลับมาผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ก็ให้มันเหมือนเดิมเถอะครับ คือต่างคนต่างอยู่ อย่าให้ผมหมดความอดทนกับคนบ้านนี้อีกเลย”
“เจ้าใหญ่!!!”
หยางเจียงตะคอกออกไปด้วยความโมโห ลูกชายคนโตพูดเหมือนจะตัดขาดกับที่บ้าน เพราะถ้าหากเมื่อไหร่ที่ลูกชายคนโตเขาตัดขาดขึ้นมาจริง ๆ คนที่จะเดือดร้อนที่สุดไม่ใช่ตัวของซีห่าว แต่เป็นทุก ๆ คนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ และเขารู้อยู่เต็มอกถึงความจริงข้อนี้ดี
“ส่วนเรื่องอาหาร ผมคงไม่มาทำกินที่ครัวอีก อาหารที่ผมมีผมจะเอามาให้พ่อนะครับ พ่อมีอะไรจะถามผมอีกไหม ถ้าไม่มีผมขอตัว และผมขอเตือนคนอื่นไว้ด้วยว่าอย่ามายุ่งกับของลี่มี่ ไม่ว่าอะไรก็ตาม”
เมื่อกล่าวจบซีห่าวเดินออกไปทันที คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินที่ซีห่าวพูดอย่างสุดท้ายก็ได้แต่หน้าเสียขึ้นมา
เมื่อเขาเข้าห้อง ซีห่าวได้ทบทวนกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา พ่อของเขามีภรรยาที่ตบแต่งแล้วนั่นก็คือแม่ของเขา แต่เมื่อเขานั้นอายุได้สิบสองปี พ่อกลับพาเมียใหม่อย่างหลินเจียวจูมาที่บ้าน พร้อมกับหยางฮุ่ยหมินลูกชายที่เกิดจากผู้หญิงคนนี้
เมื่อหลินเจียวจูเข้ามาอยู่ที่บ้าน ตั้งแต่นั้นมาบ้านหลังนี้ไม่เคยสงบสุขอีกเลย แม่ของเขาทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เขาเห็นแม่แอบร้องไห้ตลอด และเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นไม่นานแม่ก็เริ่มป่วย และแม่ก็มาจากไปตอนที่เขาอายุสิบห้าปี
ซีห่าวเขาเคยถามแม่ว่าทำไมต้องทนเสียใจ ทำไมไม่หย่ากับพ่อ และทำไมถึงไม่กลับไปหาตายาย แม่ตอบกลับมาว่าตากับยายไม่ได้อยู่ที่เดิม แม่เคยเขียนจดหมายไปถามไถ่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกลับไม่มีจดหมายตอบกลับมา
อาจจะเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทุกคนระหกระเหินไปคนละทิศคนละทาง และเหตุผลสำคัญที่แม่เขาไม่ไปไหน เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านของแม่ ไม่ใช่ของพ่อหรือของพ่อเฒ่าหยางเจียงอย่างที่คนอื่น ๆ รู้
ตอนที่ย้ายมาที่หมู่บ้านนี้ใหม่ ๆ แม่ได้ซื้อเป็นชื่อของแม่เอง ก่อนที่แม่จะจากไป แม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง พร้อมทั้งแม่ยังได้ให้กล่องเหล็กไว้หนึ่งใบ ในกล่องนั้นมีจดหมายหนึ่งฉบับ ป้ายหยกหนึ่งอัน เขาคิดว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกตระกูลของแม่ และมีกุญแจอีกหนึ่งดอก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้ว่ากุญแจนี้ใช้ทำอะไร
แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งจะค้นพบว่ากุญแจดอกนี้มีบางอย่างซ่อนไว้
หลังจากที่ซีห่างได้คิดและทบทวนเรื่องราวแล้ว เขาก็เตรียมตัวเข้านอนเพื่อเช้ามาจะได้สดชื่นพร้อมจะทำงานกับวันใหม่และหวังว่าจะได้พบเจอกับรอยยิ้มหวาน ๆ นั้นอีก
เช้าวันถัดมาบ้านจาง เย่วซินตื่นเช้ามา เธอเข้าไปในมิติอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะทำอาหารเช้า
“เช้านี้ทำข้าวผัดอเมริกันกับเกี๊ยวน้ำดีกว่าจะได้มีน้ำซุปซดด้วย”
ก่อนอื่นเลยเย่วซินเธอต้องทอดไก่ ไส้กรอก ไข่ดาว ก่อน ทอดเสร็จแล้วมาวางพักไว้ในจาน จากนั้นก็ผัดข้าวต่อ ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง ใส่เนยลงไปผัดกับกระเทียม หอมใหญ่ มะเขือเทศ และถั่วลันเตา ผัดแค่พอสุก
ตักข้าวใส่ลงไป ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย จากนั้นก็ผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้วโรยลูกเกดลงไปแล้วผัดให้เข้ากันอีกครั้งเพื่อความสวยงามเธอตักใส่ถ้วยแล้วนำไปคว่ำลงบนจาน ตกแต่งด้วยของทอดที่เธอทอดไว้เมื่อสักครู่ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
“ว้าว ข้าวผัดน่ากินมาก หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะ”
เมื่อเธอทำข้าวผัดเสร็จแล้วเธอก็เริ่มลงมือทำอาหารอีกอย่างก็คือเกี๊ยวน้ำ เกี๊ยวน้ำนี้ ตัวเกี๊ยวเธอได้ทำไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว จึงไม่เสียเวลาในการทำมากนัก เพียงแค่ต้มน้ำซุป
เมื่ออาหารทั้งสองอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอจึงเดินไปที่ห้องโถงเพื่อรอทุกคนมากินพร้อมกัน
ทว่านั่งได้ไม่นาน ซีห่าวก็ได้ส่งเสียงเรียกขึ้นจึงเดินไปเปิดประตู กลับพบลี่มี่ส่งยิ้มหวานไว้รอเธอแล้ว
“มากันแล้ว มาค่ะเข้าบ้านก่อน”
เย่วซินเธออุ้มลี่มี่มาจากซีห่าวพาเข้ามาในบ้าน
ซีห่าวเดินตามหลังสายตาคมเข้มมองเย่วซินที่ผลัดกันหอมแก้มกับลี่มี่ไม่ห่าง ลูกสาวตัวน้อยของเขาเมื่อได้อยู่กับคุณน้าซินซินนั้น เธอก็มีอาการสดใสทันที ซีห่าวจึงมองภาพนั้นอย่างมีความสุข
เมื่อเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารก็เจอพี่ใหญ่ห่าวอู๋ กับห่าวหรวนนั่งรอกันอยู่แล้ว
“ลี่มี่จ๊ะ หนูมานั่งเก้าอี้ตัวนี้รอน้าก่อนนะ น้าขอตัวไปยกอาหารก่อนจ้ะ”
แล้วก็หอมลี่มี่ไปอีกฟอดหนึ่ง เย่วซินเธอได้เอาเก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็กที่มีอยู่ในร้านอาหารให้กับลี่มี่
“ห่าวหรวน น้องไปช่วยพี่ยกอาหารก่อนนะ”
เย่วซินเธอเรียกห่าวหรวนไปช่วยยกอาหาร แต่ว่าห่าวหรวนยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ซีห่าวกลับเอ่ยขึ้นว่า
“ห่าวหรวนนั่งเถอะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยซินซินเอง”
เมื่อเสนอตัวเองจบก็เดินตามเย่วซินเข้าไปในห้องครัว ปล่อยให้ห่าวอู๋กับห่าวหรวนนั่งมองหน้าแล้วยิ้มส่ายหัวให้กัน ลี่มี่เมื่อเห็นคุณน้าทั้งสองส่ายหัวแล้วยิ้ม เธอจึงได้ทำตามทันทีเมื่อเธอส่ายหัวแล้วยิ้มตาม ทำให้สองหนุ่มที่นั่งอยู่ก็หัวเราะขึ้นทันที
หลังจากเดินเข้ามาในครัว เย่วซินไม่อะไร มัวแต่เตรียมอาหารที่จะยกออกไป ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับเห็นเป็นซีห่าวแทนที่จะเป็นห่าวหรวนน้องชายของเธอ
“อ้าว พี่ซีห่าวแล้วห่าวหรวนล่ะคะ”
“พี่บอกห่าวหรวนว่าไม่ต้องเดี๋ยวพี่มาช่วยเอง”
เขาตอบพร้อมยิ้มมุมปาก