หลังจากเย่วซินทำความเข้าใจกับสองหนุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้พากันขึ้นไปบนที่พักของเธอ เมื่อขึ้นไปถึงเห็นเด็ก ๆ นั่งดูการ์ตูนและกินขนมกันอย่างมีความสุข ลี่มี่ตัวน้อยดูการ์ตูนไปหัวเราะ คิกคิก เมื่อการ์ตูนมีฉากตลก
เย่วซินมองภาพนี้เธอมีความสุขมาก เธออบอุ่นในหัวใจ ที่ที่เธอจากมา เธอไม่เคยรับรู้ถึงความอบอุ่นแบบนี้ได้เลย เธอไม่เคยมีครอบครัวจริง ๆ และที่สำคัญเธอคิดไม่ผิดที่บอกความจริงกับทุกคนเพียงแค่ไม่ยอมบอกว่าเธอไม่ใช่เย่วซินตัวจริงเท่านั้น
เธออยากให้ทุกคนในครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นเธออยากจะขอบคุณคุณตาท่านนั้นมากที่มาบอกให้เธอเตรียมของ และยังมอบพื้นที่ร้านอาหาร รวมทั้งโรงงานอีกด้วย และยังสามารถใช้ได้ไม่มีหมดอีก แต่คุณตาขาทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้ล่ะคะ หนูซื้อมาเสียเต็มพิกัดเลย เฮ้อ
“พี่ซีห่าววันอาทิตย์นี้ น้องต้องไปส่งสินค้าให้น้าเฉินคุน พี่ลางานที่แปลงนาได้ไหม ตอนนี้พี่ยังคงทำงานแลกแต้มอยู่ใช่หรือเปล่า”
เธอถามออกไป แต่ก็มีแอบเขินกับที่ต้องแทนตัวเองว่าน้อง
“พี่ใหญ่ล่ะลางานได้ไหม ส่งของเสร็จฉันจะไปขายของที่ตลาดมืดด้วย พี่จะไปด้วยไหม” เธอหันมาถามห่าวอู๋อีกคน
“น่าจะลาได้นะ แต่เดี๋ยวก่อน นี่ซินซินน้องพี่ ทำไมกับพี่แทนตัวเองว่าฉันล่ะ ทีทำไมกับพี่ซีห่าวถึงแทนตัวเองว่าน้องล่ะ” เขาถามด้วยความน้อยใจ
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ๆ พี่ใหญ่อย่าน้อยใจน้า ได้ต่อไปนี้น้องจะแทนตัวเองว่าน้องนะ หัวก็ไม่ล้านทำไมขี้น้อยใจจัง”
“เชอะ”
เมื่อทุกคนเห็นอาการของพี่ใหญ่ห่าวอู๋ก็ได้หัวเราะกันเสียงดังลั่นทันที แม้กระทั่งลี่มี่ตัวน้อย
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ นะคะคุณน้าห่าวอู๋”
เมื่อได้เสียงยินลี่มี่ตัวน้อย ทุกคนกลับหัวเราะดังกว่าเดิม เพราะความเอ็นดูกับการอยากมีส่วนร่วมของเด็กน้อย
“ทุกคนคะ เราออกไปกันดีกว่านะ ข้างนอกน่าจะมืดแล้ว” จากนั้นเธอก็พาทุกคนออกมาจากมิติทันที
เมื่อกลับออกมาจากมิติ ทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปเตรียมที่จะอาบน้ำ ซีห่าวเองก็บอกลาทุกคนเตรียมจะพาลี่มี่กลับบ้าน
“พี่กลับก่อนนะทุกคน ลี่มี่ลูกบอกลาน้า ๆ หรือยัง เราจะได้กลับบ้านกัน”
“กลับบ้านก่อนนะคะ คุณน้าทุกคน” เธอยิ้มกล่าวลาตามที่พ่อบอก
ทันทีที่เย่วซินเดินออกมาส่งสองคนพ่อลูกที่หน้าประตูบ้าน เธอจึงเอ่ยขึ้น
“พี่ซีห่าวคะ น้องไม่บังคับพี่นะว่า ต้องมีความรู้สึกเดียวกันกับน้อง น้องรู้ว่าพี่เพิ่งจะมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับชีวิตคู่ที่ผ่านมา น้องไม่สนใจกับอดีต น้องสนใจแค่ปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น
ตลอดมาน้องมีแค่พี่ใหญ่และห่าวหรวนเท่านั้น แต่ตอนนี้น้องมีพี่และลี่มี่ตัวน้อยเพิ่มเข้ามา ทั้งหมดนี้คือครอบครัวของน้อง
ถึงแม้ว่าวันหนึ่งพี่อาจจะไม่ได้รู้สึกดีกับน้องหรือไม่ต้องการมีน้องในชีวิต น้องขอให้บอกกับน้องตรง ๆ อย่างไรเราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้ น้องก็รักและเอ็นดูลี่มี่จริง ๆ
และที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ว่าจะเรื่องมิติของน้องที่น้องบอกให้พี่รู้ เป็นเพราะน้องเชื่อใจและเชื่อในตัวของพี่ซีห่าว
ส่วนเรื่องระหว่างน้องกับคนบ้านหยางของพี่ น้องไม่สนใจนะคะว่าเขาจะมองน้องอย่างไรน้องจะไม่ยุ่งกับใครก่อน ถ้าคนคนนั้นไม่มาหาเรื่องน้องหรือว่าคนที่น้องรัก”
เธอบอกความในใจทั้งหมด แต่ก็ยังไม่วายหยอดให้คุณพ่อลูกหนึ่งของเธอได้เขินอาย เธอไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เรื่องความรักเหมือนชาติที่แล้ว ที่วัน ๆ คิดแต่เรื่องงานและเรื่องหาเงิน จนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
“ครับ”
ซีห่าวตอบรับก่อนจะอุ้มลูกเดินจากไป หากมองดี ๆ มุมปากเขามีรอยยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
บ้านหยาง
หลังจากเลิกงานที่แปลงนาแล้ว ฟางเซียงต้องรีบกลับมาที่บ้านเพื่อที่จะทำอาหารให้กับทุกคน ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสะใภ้ของลูกชายคนรองที่เป็นลูกรักของนางหลินเจียวจู เมื่อก่อนเธอไม่ต้องทำงานบ้านมากขนาดนี้ แต่พอเซียงเอ๋อร์แม่ของยายเด็กลี่มี่ไม่อยู่ งานบ้านเธอก็ต้องทำเองทุกอย่าง
ยิ่งตอนนี้ต้องทำอาหาร นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่เคยได้กินเนื้อ นึกถึงเนื้อทำให้เธอคิดถึงเรื่องตอนกลางวันขึ้นมา ยายเด็กลี่มี่มีสิทธิ์อะไรถึงได้กินเนื้อ ทั้ง ๆ ที่ลูกสาวของเธอไม่มีสิทธิ์ได้กิน ไหนจะชุดใหม่นั่นอีก เธอรู้ว่าบ้านจางเป็นครอบครัวที่พอจะมีฐานะ แต่ทำไมถึงได้ทำดีกับยายเด็กลี่มี่นั่นด้วย
พอได้เวลากินอาหารเย็น บนโต๊ะอาหารมีแค่แป้งจี่กับผัดผักและแตงกวาดอง เมื่อพ่อเฒ่าหยางเจียงเห็นอาหารบนโต๊ะก็พูดขึ้นทันที
“บ้านหยางเราไม่มีเงินกันแล้วหรือ ถึงไม่สามารถหาเนื้อหรืออาหารที่ดีกว่านี้ได้”
“คุณจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมา เงินบ้านเราไม่ได้มีมากขนาดที่ต้องกินเนื้อทุกมื้อ เหมือนที่ลูกชายคนโตคุณได้กินนี่” นางหลินเจียวจูก็ย้อนขึ้นมาทันที
“ฉันพูดถึงว่าทำไมบ้านเราไม่หาซื้อเนื้อมาทำกินบ้าง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าใหญ่”
พ่อเฒ่าหยางส่ายหน้า เขารู้ดีว่าภรรยาคนนี้ของเขาไม่ค่อยชอบลูกชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเก่าของเขาสักเท่าไร เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าภรรยาคนนี้ของเขาหาเรื่องกลั่นแกล้งซีห่าวอย่างไรบ้าง เขาได้แต่หลับตาข้างหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างซีห่าวเองก็ไม่เคยจะมาพูดหรือบอกอะไรให้เขาฟัง จึงเงียบมาจนถึงตอนนี้
“อ้าว ก็วันสองวันนี้ฉันเห็นลูกชายคุณไปนั่งกินอาหารเที่ยงกับคนบ้านจางแถมอาหารพวกนั้นยังมีกลิ่นเนื้อโชยออกมาอีก ถ้าหากไม่มีเนื้อเป็นไปไม่ได้หรอก”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เรา เขาจะซื้อเนื้อกินมันเรื่องของเขาไหม ฉันว่าเธอนี่คอยแต่จะหาเรื่องเจ้าใหญ่มันนะ”
หยางเจียงไม่วายบ่นภรรยาของเขา เขาว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยว่าซีห่าวจะกินอาหารที่ไหน เพราะปกติซีห่าวกับลี่มี่หลานของเขาก็แยกกันกินกับพวกเขาอยู่แล้ว ตั้งแต่ซีห่าวหย่าภรรยานั่นแหละ เหลือก็แต่เขาจะแยกบ้าน
นางหลินเจียวจูเมื่อเห็นสามีเธอพูดเหมือนจะไม่สนใจในสิ่งที่เธอบอก เธอจึงหันไปมองหน้าลูกสะใภ้ พอฟางเซียงเห็นแม่สามีหันมาเธอก็เข้าใจทันที เธอจึงบอกหยางเจียงว่า
“พ่อคะวันนี้ฉันเห็นพี่ใหญ่ซีห่าวกินอาหารที่บ้านจางนั้น เป็นอาหารล้วนทำมาจากเนื้อทั้งนั้นนะคะ แทนที่จะแบ่งมาให้คุณพ่อกับคุณแม่บ้าง ด้วยนิสัยของพี่ใหญ่ฉันว่าเขาไม่น่าจะกินเฉยโดยไม่ช่วยจ่ายหรอกค่ะ จริงไหมคะคุณแม่”
“ใช่คุณ ฉันว่าตาใหญ่ลูกชายคุณต้องจ่ายค่าอาหารให้บ้านนั้นแน่ ๆ แทนที่จะเอามาให้บ้านเราได้ซื้อเนื้อทำไมต้องเอาไปให้บ้านอื่น หรือว่าเจ้าใหญ่จะชอบเด็กสาวบ้านนั้น”
“หลินเจียวจู ถึงแม้ว่าเจ้าใหญ่จะให้เงินบ้านนั้นหรือเปล่าเธอเองก็ยังไม่รู้ แต่ไม่ควรพูดถึงเด็กสาวบ้านจางในทางเสียหาย เธอยังไม่รู้อะไรเลย จะมาพูดซี้ซั้วไม่ได้”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินในสิ่งที่หยางเจียงพูด ก็ได้แต่นั่งกินอาหารกันเงียบ ๆ
เมื่อซีห่าวกลับมาที่บ้าน จะต้องเดินผ่านโถงของบ้านเพื่อที่จะเข้าห้องของตัวเอง เขานั้นคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้
“กลับมาแล้วเหรอเจ้าใหญ่” หยางเจียงเอ่ยทักลูกชาย
“ครับ”
“ทำไมถึงไปสนิทชิดเชื้อกับบ้านจางได้ล่ะ วันนี้เอาลี่มี่ไปให้เด็กบ้านจางดูให้อีกเหรอ”
“ครับวันนี้ลี่มี่อยู่ที่บ้านจาง” เขาตอบหยางเจียง
“พ่อครับถ้ามีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เลยครับ ผมไม่ใช่เด็กที่จะต้องพูดอ้อมค้อมครับ” เขากวาดสายตามองทุกคน
“ถ้าอย่างนั้นผมเอาลูกเข้านอนก่อน แล้วผมจะออกมาคุยด้วย”
ซีห่าวกล่าวขึ้นมาเพื่อตัดบท
“พาลี่มี่ไปในห้องก่อนเถอะ แล้วออกมาคุยกันหน่อย”
จากนั้นซีห่าวจึงเดินเข้าห้อง แต่ภายในห้องโถงนั้นกลับมีเสียงเอ็ดตะโรของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหยางเจียมี่ลูกสาวฟางเซียงที่กำลังโวยวายเพราะอยากได้ตุ๊กตาที่ลี่มี่กอดอยู่
หยางเจียมี่เป็นหลานคนแรกของบ้านหยาง เกิดก่อนลี่มี่สามปี ถึงแม้ว่าจะเป็นหลานสาวแต่เพราะว่าเกิดจากลูกชายของเธอ นางหลินเจียวจูจึงรักหลานคนนี้มาก
หยางเจียมี่รู้ว่าเธอสามารถขออะไรก็ได้กับย่า เพราะว่าเธอเป็นหลานรักของย่า ไม่ว่าเธออยากได้อะไรย่าของเธอไม่เคยปฏิเสธ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธออยากได้จะเป็นของหยางลี่มี่ก็ตาม และครั้งนี้เธออยากได้ตุ๊กตาตัวนั้น
“ย่า เจียมี่อยากได้ตุ๊กตาตัวนั้นค่ะมันสวยมากเลยนะย่า ย่าเอามาให้เจียมี่ได้ไหม”
หยางเจียมี่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยให้น่าสงสาร เพราะแม่ของเธอบอกไว้ว่าถ้าอยากได้อะไรให้ขอย่า ให้ทำเสียงออดอ้อนเข้าไว้ ย่าจะได้รักเธอมาก ๆ
“เจียมี่อยากได้เหรอลูก เดี๋ยวย่าจัดการให้นะ” แม่เฒ่าบอกหลานสาวสุดที่รัก
“ตาเฒ่าคุณเอาตุ๊กตาตัวนั้นมาให้หลานได้ไหม ถ้าคุณขอมา เจ้าใหญ่คงไม่ว่าอะไร”
“จะบ้าเหรอ จะให้ฉันไปขอถ้าเธออยากได้เธอก็พูดเองสิ เธอน่าจะรู้ว่าตุ๊กตาตัวนั้นลี่มี่ได้มาจากไหน เธอกล้าไหมล่ะ”
ซีห่าวกำลังจะเดินออกมา จึงได้ยินเสียงสนทนาในห้องโถง เขาเดินเข้ามาทันที พอหลินเจียวจูเห็นลูกเลี้ยงเดินเข้ามาก็เงียบไปในทันที