“วันนี้ทำอะไรกินดีหว่า กินอาหารทะเลละกัน เอาเป็นกุ้งผัดซอสมะเขือเทศ ไข่เจียวปูม้า ต้มยำทะเล และอย่างสุดท้ายปลากะพงทอดน้ำปลา สี่อย่างน่าจะพอนะสำหรับห้าคน”
เมื่อเธอทวนรายการอาหารที่จะทำในวันนี้แล้ว เธอเอาวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมาจากมิติพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ที่มีอยู่ในมิติออกมาใส่ไว้ในหม้อ จากนั้นเธอเลือกที่จะทำกุ้งผัดซอสมะเขือเทศก่อน เริ่มจากตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน
จากนั้นนำกระเทียมและหอมใหญ่ลงไปผัด ตามด้วยกุ้ง ผัดกุ้งให้สุกปรุงรสด้วยน้ำตาล ซอสถั่วเหลือง เหล้าจีน เกลือ และซอสมะเขือเทศ จากนั้นใส่ไข่ไก่ลงไปผัดด้วย ใส่นำซุปลงไปตามด้วยแป้งข้าวโพด ผัดให้เหนียว ก็จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยต้นหอม
“เสร็จแล้วหนึ่งอย่าง ทำจานต่อไปเลยละกัน”
เธอทำอาหารทีละรายการจนมาถึงอย่างสุดท้าย คือปลากะพงทอดน้ำปลาตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน และนำปลากะพงที่ล้างและแผ่ตัวปลาออก ลงไปทอด ทอดให้เหลืองและสุก จัดใส่จานพร้อมกันน้ำปลาหวาน
เย่วซินเธอเตรียมน้ำปลาหวานโดยการเคี่ยวน้ำปลาและน้ำตาลให้เหนียว ผสมกับพริกบด พริกไทย และน้ำส้มสายชู เสร็จแล้วตักใส่ถ้วยน้ำจิ้ม แล้วก็ใส่มะม่วงซอย หอมแดงซอยและถั่วลิสง ลงไปนำไปจัดใส่ไว้ ในจาน
“และแล้วปลากะพงทอดพร้อมกับน้ำปลาหวาน อย่างสุดท้ายเสร็จแล้ว จะมีใครชอบหรือเปล่าน้า”
เย่วซินมัวแต่วุ่นทำอาหาร โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีคนแอบยืนมองเธอทำอาหารมาได้สักพักแล้ว
ซีห่าวยืนมองสาวน้อยตรงหน้าทำอาหาร แม้เธอจะอยู่หน้าเตาไฟแต่ดูจากอาการของเธอ เธอคงจะมีความสุขในการทำอาหารมาก บางจังหวะเหมือนเธอจะพึมพำร้องเพลงไปด้วย เขามองภาพนั้นแล้วอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
หากเป็นตัวเขาเมื่อกลับบ้านแล้วเจอภรรยาทำอาหาร รอการกลับมาของตนเอง เขาคงจะมีความสุขมาก ทว่าเขาคงได้แค่คิดใครจะมารักพ่อม่ายลูกติดแบบเขา อายุก็เยอะแถมยังไม่มีทรัพย์สินอะไรที่ติดตัวอีกด้วย เขาได้แต่สะบัดหัวไปมากลบความคิดเมื่อครู่
“อ้าว พี่ซีห่าวกลับมาแล้วเหรอคะพี่ ทำงานเหนื่อยไหมคะ”
เย่วซินถามออกไปทันทีเมื่อเห็นพี่ซีห่าวชายในดวงใจมายืนหลบมุมอยู่ตรงหน้าประตูห้องครัว
“ครับ มาสักพักแล้วล่ะ แล้วนี่มีอะไรให้ยกออกไปไหม เห็นห่าวหรวนบอกว่าเรามาทำอาหารอยู่ในห้องครัว พี่เลยจะเข้ามาช่วยยกออกไป”
ซีห่าวสะดุ้งกับเสียงเรียกของเย่วซินเพราะเขากำลังคิดอะไรเพลิน ๆ
“ยกไปได้เลยค่ะ ฉันทำเสร็จพอดีเลย ยังร้อน ๆ อยู่นะคะ เฮ้อ น่ารักจัง แค่นี้ใจฉันก็ไม่ไหวแล้ว พี่อย่าทำตัวน่ารักไปกว่านี้นะคะ เดี๋ยวใจฉันจะอ่อนไหวไปกว่านี้”
เธอก็ไม่วายหยอดอีก พูดจบเธอเดินออกไปแทบจะวิ่งออกไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มตัวโตยืนตะลึงอยู่คนเดียว
ซีห่าวเมื่อได้ยินคำพูดของเย่วซินก็แสดงอาการตะลึงจนหน้าแดง หูแดง กว่าจะรวบรวมสติได้ คนพูดก็หายออกไปจากในห้องครัว
จากนั้นเขาก็ยกอาหารออกไปที่โต๊ะอาหาร เมื่ออาหารทยอยมาจนครบเย่วซินก็เริ่มบอกชื่ออาหารทันที
“จานนี้ปลากะพงทอดน้ำปลา จานนี้ไข่เจียวปูม้า จานนี้ต้มยำทะเลรสชาติจะจัดจ้านหน่อยนะคะ แต่เด็ก ๆ ทานได้ ฉันแยกสำหรับให้เด็กทานไว้แล้ว ส่วนจานสุดท้ายคือกุ้งผัดซอสมะเขือเทศค่ะ หวังว่าทุกคนจะทานให้อร่อยนะคะ”
เธอหยิบถ้วยแบ่งตักต้มยำทะเลให้แต่ละคนได้ชิมดูว่ารสชาติถูกปากไหม
ชายหนุ่มทั้งสองคนเมื่อได้ชิมอาหารที่เรียกว่าต้มยำทะเลนั้น ทันทีที่เอาเข้าปากดวงตาทั้งสองคนเป็นประกายทันที
ส่วนเด็กทั้งสองคนอาหารถูกปากทุกอย่าง แต่ละคนกินอย่างเอร็ดอร่อย ใช้เวลาไม่นานอาหารบนโต๊ะก็หมดไม่มีเหลือส่วนคนทำอาหารนั้นไม่ต้องพูดถึงนั่งยิ้มแก้มแทบปริ
“เป็นอะไรซินซิน พี่เห็นเรานั่งยิ้มอยู่คนเดียว”
ห่าวอู๋ถามเย่วซินเมื่อเขาเห็นว่าเธอนั่งมองจานเปล่าของอาหารแล้วยิ้ม
“ฉันมีความสุขค่ะพี่ใหญ่ เห็นทุกคนกินอาหารที่ฉันทำจนหมด แสดงว่าอาหารที่ฉันทำต้องอร่อยมากใช่ไหม” ทันทีที่เธอถามออกไปก็เห็นทุกคนพยักหน้ารวมทั้งลี่มี่ตัวน้อยด้วยพยักหน้าหงึก ๆ
“ทุกคนรอฉันเดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปเอาผลไม้มาให้ทานล้างปากกัน” เย่วซินเธอเดินเข้าครัวทันที เธอหยิบแคนตาลูปและแอปเปิลออกมาจากมิติ เธอหั่นใส่จากแล้วเอามาให้ทุกคนที่โต๊ะทาน
“ซินซิน น้องจะบอกพี่ได้หรือยังว่าเอาของพวกนี้มาจากไหน และก็จักรยานนั่นอีกราคาไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ถึงแม้ว่าบ้านเราจะมีกำลังซื้อก็เถอะ แต่เมื่อเช้าเราไม่ได้เอาเงินไปมากไม่ใช่เหรอไม่น่าจะพอซื้อรถจักรยานแน่ ๆ” ห่าวอู๋ถามน้องสาวในสิ่งที่เขาสงสัยทันที ซีห่าวเมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงได้ขอตัวกลับบ้านทันที เขาคิดว่าเรื่องนี้น่าจะคุยกันในครอบครัวมากกว่า ตัวเขานั้นเป็นคนนอกไม่ควรจะอยู่ฟัง
“อย่างนั้นพี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่ ลี่มี่ลูก หนูเอ่ยลาพวกน้า ๆ ก่อนนะ เราจะกลับบ้านกันแล้ว” เขาหันไปบอกกับลี่มี่ลูกสาวตัวน้อย ที่ตอนนี้นั่งกอดตุ๊กตาตาแป๋วอยู่
“เดี๋ยวสิคะพี่ซีห่าว ฉันยังไม่พี่ให้กลับเลย และยังไม่อนุญาตให้พี่กลับด้วยค่ะ เมื่อตอนกลางวันฉันก็บอกไปแล้วว่าจะมีเรื่องพูดกับทุกคน และฉันก็คิดว่าพี่และลี่มี่คือคนในครอบครัวถึงแม้พี่อาจจะคิดว่าพี่เป็นคนนอกก็ตาม พี่ต้องอยู่คุยด้วยค่ะ”
เย่วซินกอดอกพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าพี่ซีห่าวของเธอกำลังจะกลับบ้าน พอซีห่าวได้ยินดังนั้นก็หันไปมองหน้าห่าวอู๋ ซึ่งห่าวอู๋ก็พยักหน้า พร้อมพูดขึ้น
“พี่ซีห่าวนั่งอยู่ด้วยเถอะครับ ในนี้มีแต่คนในครอบครัวกันทั้งนั้น ผมก็เคารพนับถือพี่ เรารู้จักกันมานานแล้วนะครับนั่งเถอะ”
“แต่ว่า..” ซีห่าวยังไม่ทันจะพูดจบ เย่วซินก็พูดขัดขึ้นว่า
“พี่ซีห่าวฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ฉันไม่แน่ใจว่าพี่จะมองออกไหมว่าฉันคิดอย่างไรกับพี่ ฉันไม่สนหรอกนะว่าพี่จะเคยมีภรรยามาก่อนหรือว่าพี่จะเป็นพ่อม่าย ที่สำคัญฉันก็ไม่ได้สนใจหรอกนะถ้าหากคนอื่นรู้ว่าฉันรู้สึกและคิดอย่างไรกับพี่ เพราะฉันได้บอกพี่ใหญ่กับห่าวหรวนแล้วว่าฉันรู้สึกอย่างไร
แค่ทั้งสองคนนี้เห็นด้วยและรับรู้แล้ว คนอื่นฉันไม่สน เวลาไม่ได้ช่วยให้คนรักกันหรือเลิกกันหรอก บางคนรู้จักกันมาสิบปี ยี่สิบปี ยังไม่สามารถตัดสินได้เลยว่า ความรู้สึกที่มีต่อกันเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่งเจอพี่ แต่ฉันรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรก็พอ จบไหมคะ”
“ส่วนลี่มี่ฉันรักและเอ็นดูเธอจริง ๆ ถึงพี่จะไม่ตอบรับความรู้สึกฉัน ฉันก็ไม่ว่า เพราะฉันไม่สามารถบังคับความรู้สึกใครได้ พี่ไม่ต้องตอบรับหรือปฏิเสธฉันตอนนี้ ฉันมีเวลาให้พี่ทั้งชีวิต”
เมื่อซีห่าวได้ฟังในสิ่งที่เย่วซินพูดออกมานั้น ตัวเขาเองก็มีอาการหัวใจเต้นแรง เขาไม่คิดว่าเด็กสาวที่มีอายุน้อยกว่าเขาสิบห้าปี จะกล้าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา
ในส่วนลึก ๆ เขารู้สึกดีใจที่เด็กสาวไม่รังเกียจที่เขาเคยมีภรรยาและมีลูกมาก่อน แต่ตัวเขาเองยังไม่กล้าที่จะตอบรับความรู้สึกนั้นทันที เขาไม่ได้กลัวว่าหากเขาตอบตกลงแล้ววันหนึ่งเธอจะไปมีคนอื่นเหมือนอดีตภรรยา
แต่ที่เขายังไม่ตอบตกลงทันทีเพราะเขาอยากเปิดโอกาสให้ตัวเธอเองมากกว่า เธออายุยังน้อยสามารถที่เจอคนที่ดีและเพียบพร้อมกว่าเขาได้ในอนาคต เขาได้หันไปมองห่าวอู๋และห่าวหรวน
ทันทีที่เขาคุยกับตนเองจบลง สองคนนั้นเหมือนจะรู้ว่าเขาจะถามอะไรก็พยักหน้ากลับมาทันที
“ครับพี่/ครับพี่” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน
“ซินซินเขาบอกพวกผมตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอพี่แล้ว และผมก็ไม่ห้าม เพราะมันคือความสุขของซินซิน”
ห่าวอู๋บอกออกไปเมื่อซีห่าวหันหน้ามาเหมือนต้องการคำยืนยัน
“ผมก็เหมือนกันพี่ อะไรที่เป็นความสุขและความต้องการของพี่ซินซินผมไม่มีปัญหา” ห่าวหรวนยืนยันอีกเสียง
“เอาล่ะเรื่องนี้เอาไว้ให้พี่ทบทวนดูก่อนก็แล้วกัน เรามาคุยเรื่องที่สำคัญกว่านี้ดีกว่า” เย่วซินพูดออกไปในสิ่งที่ตนเองคิด
“วันนี้ฉันไปในอำเภอมา และได้เข้าไปในตลาดมืด”
เย่วซินยังไม่ทันพูดจบก็ได้ยินเสียงตะโกนตกใจของทุกคนดังขึ้น
“ฮ้า /ฮ้า /ฮ้า” ทั้งสามคนร้องขึ้นพร้อมกัน
“ซินซิน น้องเข้าไปทำไมในตลาดมืด มันอันตรายรู้ไหม”
ห่าวอู๋บอกน้องสาวทันทีที่รู้ว่าวันนี้เธอไปไหนมา
“ครั้งหน้าไม่ต้องไปนะ อยากได้อะไรบอกพี่ เดี๋ยวพี่ไปซื้อเองเราเป็นผู้หญิง ไปคนเดียวอันตรายมาก” ซีห่าวบอกเสียงดุ
“นั่นสิครับพี่ซินซิน อย่าไปอีกเลยมันอันตรายมากนะครับ พวกเราเป็นห่วง จริงไหมลี่มี่” ห่าวหรวนพูดกับพี่สาว
เขารู้ว่าตลาดมืดนั้นอันตรายมาก ๆ พอเขาได้ยินว่าพี่สาวของเขาไปที่ตลาดมืดวันนี้ เขาเลยขอเสียงสนับสนุนจากลี่มี่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเด็กน้อยคงจะไม่เข้าใจที่เขาถามแน่ ๆ
ส่วนลี่มี่ตัวน้อยนั้น เมื่อเห็นพวกผู้ใหญ่ทำหน้าเครียดเด็กน้อยก็ทำหน้าเครียดไปด้วย พอคุณน้าห่าวหรวนหันหน้ามาถาม เด็กน้อยจึงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนกับทุกคน
“จริงค่ะ อันตรายมาก”
ลี่มี่ตัวน้อยเอาคำพูดน้าห่าวหรวนมาตอบคำถาม
เมื่อทุกคนเห็นเด็กน้อยตอบรับห่าวหรวนทุกคนได้แต่อมยิ้มกับท่าทางของเด็กน้อยที่เลียนแบบผู้ใหญ่