บทที่ 10 สับสนกับตัวเอง

1779 Words
“นี่เธอเป็นใคร ถึงได้ตอบแทนลี่มี่หลานฉัน” ฟางเซียงตะคอกใส่ “ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าฉันไม่ได้อยากรู้จักป้าก็แล้วกัน” เย่วซินเธอลอยหน้าลอยตาตอบ “ฉันก็ไม่ได้อยากรู้จักเธอหรอก ฉันแค่เห็นว่าพี่ซีห่าวกับลี่มี่ได้กินเนื้อแล้วทำไมไม่แบ่งให้พ่อกับแม่บ้างฉันเลยเดินมาดู” “แล้วทำไมต้องแบ่งให้ด้วยล่ะ ในเมื่ออาหารมื้อนี้พี่ซีห่าวไม่ได้เป็นคนทำขึ้นมา แต่ตัวฉันเป็นคนทำ และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะให้ใครกินก็ได้ ฉันพูดถูกไหมป้า” “ยายบ้านี่ ฉันบอกว่าอย่ามาเรียกฉันป้า ฉันเป็นน้องสะใภ้พี่ใหญ่ซีห่าว และฉันก็แก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้นแหละ” “อ้าวเหรอ ฉันนึกว่าป้าแก่กว่าพี่ซีห่าวเสียอีก” “ยายบ้า แต่เดี๋ยวนะแล้วทำไมพี่ใหญ่ซีห่าวกับลี่มี่ถึงได้มากินอาหารกันตรงนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าเธออยากจะเป็นแม่คนใหม่ของลี่มี่หรอกเหรอ” ฟางเซียงพูดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าเย่วซินตาเขม็ง เย่วซินเธอก็ไม่น้อยหน้าจ้องตาพร้อมกับตอบไปว่า “ใช่แล้วทำไม ไม่ใช่แล้วทำไม เกี่ยวไรกับป้าด้วย หรือว่าป้าอยากเลื่อนสถานะ ถึงได้มาวุ่นวายแบบนี้” ซีห่าวมองทั้งสองคนโต้เถียงกันไปมา เขาไม่คิดที่จะไปห้ามปราม ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะห้าม ทว่าฟางเซียงน้องสะใภ้ของเขามาหาเรื่องก่อน ในเมื่อเย่วซินต้องการที่จะปกป้องลี่มี่ลูกสาวของเขา เขาจึงปล่อยผ่าน ความรู้สึกของเขาตอนนี้ที่มีต่อเย่วซินนั้น ตัวเขาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาสามารถบอกได้เพียงว่าเขารู้สึกอบอุ่น อุ่นใจ แล้วก็คันยุบยิบที่หัวใจก็เท่านั้นเอง ส่วนห่าวอู๋นั้นนั่งตกตะลึงไปแล้วกับน้องสาวที่เคยแสนจะเรียบร้อยของเขา แต่เขาก็ชอบนะที่ซินซินน้องสาวของเขาเป็นแบบนี้ ห่าวหรวนนั้นไม่ต้องพูดถึงนั่งอมยิ้มพร้อมยกนิ้วให้เลย ชาวบ้านที่ได้ยินทั้งสองคนโต้เถียงกัน มีหลายคนให้ความสนใจ ทว่าต่างจากคนบ้านหยาง ในตอนนี้แต่ละคนหน้าดำมืดด้วยความโมโหสะใภ้รอง ตัวนางหลินเจียวจูนั้นยิ่งโมโหสะใภ้รองหนักกว่าเดิม อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปหาเรื่องยายเด็กลี่มี่ จนต้องโดนเด็กสาวบ้านจางตอกกลับมาจนหน้าหงาย “ขอโทษนะ คือขอครอบครัวฉันทานอาหารกันต่อก่อน เพราะเดี๋ยวถ้าหากอาหารเย็นมันจะทำให้เสียรสชาติอาหาร และเดี๋ยวจะหมดความอร่อยค่ะ” เย่วซินเมื่อเห็นคนมาคอยดูหน้าตาขึ้นเธอจึงเอ่ยบอกทุกคนไป โดยเธอใช้น้ำเสียงอย่างสุภาพ ซึ่งต่างจากที่เธอคุยกับฟางเซียงอย่างฟ้ากับเหว “พี่ใหญ่ พี่ซีห่าว ห่าวหรวน กินกันต่อค่ะ อย่ามาเสียเวลาในการกินด้วยเรื่องไปเป็นเรื่องเลย นี่ค่ะ น้ำหวานกินแล้วสดชื่นค่ะ ดูสิลี่มี่กินไม่สนใจใครเลย ฮ่า ๆ ๆ” เหอะ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งจะเจอกันนะ แม่จะใส่ไม่ยั้งยิ่งกว่านี้อีก ประโยคนี้เธอไม่ได้พูดออกไป พอชาวบ้านทยอยกันจากไป เย่วซินและทุกคนจึงกินอาหารกันต่ออย่างมีความสุข โดยเฉพาะซีห่าวมีรอยยิ้มที่มุมปากตลอด หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เย่วซินเก็บข้าวของลงตะกร้าจะได้นำกลับไปบ้าน ส่วนกระติกน้ำหวานเธอได้แบ่งใส่กระบอกไว้ให้ทั้งสองคนจะได้คอยจิบตอนที่หิวน้ำ “พี่ใหญ่ พี่ซีห่าว ฉันกับเด็ก ๆ กลับบ้านก่อนนะ ตอนเย็นเจอกันฉันมีเรื่องจะบอกทุกคน และมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือด้วย แล้วเจอกันที่บ้านนะคะ” เธอบอกห่าวอู๋และซีห่าว “ครับ” ซีห่าวยิ้มตอบ “ซินซิน ปั่นจักรยานดี ๆ นะ แล้วตอนเย็นพี่จะไปเอาคำตอบว่าจักรยานมาจากไหน” “ได้ค่ะพี่ใหญ่ ฉันจะบอกทุกอย่างที่พี่อยากจะรู้” “ไปจ้ะเด็ก ๆ กลับบ้านไปกินนมนอนกลางวันดีกว่าค่ะ” เย่วซินเธอบอกห่าวหรวนและอุ้มลี่มี่เดินไปที่จักรยานเพื่อปั่นกลับบ้าน ขากลับขณะปั่นจักรยานก็เจอชาวบ้านหลายคนมองมาที่เธอแล้วซุบซิบกัน สงสัยจะนินทาเธออีกแน่นอน คงจะเป็นเรื่องที่เธอโต้เถียงกับฟางเซียงแน่เลย ทว่าเย่วซินเธอก็ไม่คิดจะสนใจ เธอเคยอยู่ในยุค 2022 ถ้ามัวแต่จะมาสนใจก็คงไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว เมื่อกลับมาถึงบ้าน เย่วซินได้อุ้มลี่มี่เข้าบ้าน ส่วนห่าวหรวนนั้น ช่วยพี่ซินซินของเขาเอาของเข้าไปเก็บไว้ในห้องครัว พอเย่วซินพาลี่มี่เข้าไปในห้องโถง เธอเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบตุ๊กตาหมีขนนุ่มและลูกฟุตบอลออกมาจากมิติ จากนั้นเดินออกมาหาเด็กทั้งสองคน “ห่าวหรวน นี่ของน้องเอาไว้เล่นกับเพื่อน ๆ นะพี่ให้น้อง” “ส่วนตัวนี้ของลี่มี่ น้าซินซินเอามาให้ลี่มี่ไว้กอดเล่นหรือไม่ลี่มี่เอาไว้กอดตอนนอน” เด็กน้อยทั้งสองคนเมื่อเห็นของที่เย่วซินให้นั้น ดวงตาเป็นประกายทันที หยางลี่มี่นั้นเธอไม่เคยมีของเล่น ยิ่งน้าซินซินให้ตุ๊กตาหมีตัวนี้กับเธอ เด็กน้อยเธอดีใจมาก เธอรับตุ๊กตามาจากเย่วซินกอดแล้วไม่ยอมปล่อยเลย ส่วนห่าวหรวนนั้นถึงแม้ว่าบ้านจางของเขาไม่ได้ลำบากเท่าไร ตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่นั้นเขายังไม่กล้าที่จะขอของเล่นฟุ่มเฟือยพวกนี้ ทว่าพี่สาวซินซินกลับให้เขาโดยที่เขาไม่ต้องขอ เขาชอบมันมากอยากได้มาตั้งนานแล้ว เขารู้ว่าลูกฟุตบอลนั้นราคาไม่เบาเลย “เอาล่ะเด็ก ๆ ตอนนี้ต้องกินนมก่อนนะ ร่างกายจะได้แข็งแรง รู้ไหมทั้งสองคน” “ครับ/ค่ะ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันทันที “ห่าวหรวนน้องจะออกไปเล่นข้างนอกไหม” “ไม่ดีกว่าครับพี่ซินซิน ผมอ่านหนังสือในห้องดีกว่าครับ ใกล้จะสอบเลื่อนชั้นแล้วด้วยครับพี่” ห่าวหรวนส่ายหัวตอบทันที เขาต้องการอ่านหนังสือมากกว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่พาลี่มี่ไปนอนก่อนนะ ห่าวหรวนน้องก็อย่าหักโหมมากล่ะ ทุกอย่างค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป” “ครับพี่ ถ้าผมเมื่อยสายตาผมก็จะหยุดอ่านครับ พี่ซินซินไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เขายิ้มตอบเย่วซิน เมื่อคุยกันจบ เย่วซินได้พาลี่มี่ที่ตอนนี้ตาปรือคล้ายจะง่วงนอนเต็มทนแล้ว เข้าไปนอนในห้องของเธอ เธอกล่อมเด็กน้อยได้แป๊บเดียว ลี่มี่ตัวน้อยก็หลับไปพร้อมกับตุ๊กตาตัวใหม่ เย่วซินพอเห็นว่าลี่มี่หลับแล้วเธอจึงเข้าไปในมิติแล้วตรงดิ่งไปห้องทำงานของเธอทันที เย่วซินเธอได้เปิดโน้ตบุ๊กเพื่อที่จะปริ้นโบรชัวร์รายการสินค้าที่เธอเข้ามาทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้เธอทำออกมาอีกห้าชุด เพราะโบรชัวร์สินค้าชุดก่อนเธอได้ให้กับน้าเฉินคุนที่ตลาดมืดไปแล้ว ดังนั้นเธอต้องทำเพิ่มขึ้นมาเพื่อเตรียมหาลูกค้ารายใหม่ ในความคิดของเย่วซิน เธอต้องการทำการค้าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถซื้อร้านค้าได้ เธออยากจะเปิดร้านค้าหลาย ๆ ร้านเพราะว่าในมิติของเธอมีสินค้าแทบจะทุกอย่าง ใจจริงเธออยากจะทำธุรกิจร้านอาหารเพราะวัตถุดิบเธอมีทุกอย่างรวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่จะสามารถเปิดร้านได้เลย และเธอก็ยังอยากจะทำโรงงานสบู่โรงงานเครื่องสำอางอีกด้วย แต่กว่าที่เธอจะสามารถทำตามความต้องการได้ก็ต้องรอให้เธอเก็บเงินให้ได้เสียก่อน อีกทั้งตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดร้านค้าเสรีได้ ต้องรออีกหลายปี ตอนนี้เธอเลยคิดว่าต้องหาเงินเก็บเงินก่อน แต่ว่าปัญหาของเธอตอนนี้คือเธอจะบอกกับทุกคนอย่างไร ถ้าจะให้เธอเอาของไปส่งให้น้าเฉินคุนเองจริง ๆ มันก็ไม่มีปัญหาแค่เธอนำของออกมาจากมิติก็จบแล้ว แต่หลักความเป็นจริงมันไม่ใช่จะให้เธอเดินไปแล้วเอาของออกมาโต้ง ๆ เลยเหรอ “โอ้ย! กลุ้ม เอาอย่างไรล่ะซินซินเอ๋ย งานงอกแล้วไหมล่ะ เฮ้อ” เย่วซินเธอคิดไม่ตกว่าเธอจะเริ่มต้นบอกทุกคนว่าอย่างไรดี “แล้วฉันจะบอกพี่ใหญ่แบบไหน จะบอกว่าฉันมาที่นี่ได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดฉันจะบอกพี่ซีห่าวอย่างไร จะไม่ตกใจจนหัวใจวายเลยเหรอ รายนั้นยิ่งอายุเยอะอยู่ด้วย เฮ้อ! กลุ้ม” เย่วซินเธออาจจะลืมไปว่าตัวเองนั้น ภพก่อนเธอก็อายุไม่ห่างจากซีห่าวสักเท่าไร เธอคิดไปคิดมาหลายตลบ จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่ทั้งสองคนจะกลับมาแล้ว “ถ้าฉันบอกไปแล้วทุกคนจะรับได้ไหม ครอบครัวที่ฉันเพิ่งจะมี ฉันจะยังมีอยู่อีกไหม เอาวะเป็นไงเป็นกัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ดีกว่าทุกคนจะมารู้ทีหลัง จงเชื่อตามสัญชาตญาณของตัวเองดีที่สุด อย่างมากถ้ารู้แล้วตกใจก็แค่ไล่ฉันออกจากบ้าน” เมื่อเย่วซินเธอพูดคุยและทะเลาะกับตัวเองเสร็จแล้ว เธอก็ออกจากมิติทันที เธอยังเห็นลี่มี่นอนอยู่เธอจึงเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปทำอาหารเย็นรอทุกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD