Oops! เขาหล่อ แต่แปลกนิดหน่อย 4

747 Words
Oops! เขาหล่อ แต่แปลกนิดหน่อย 4 ร้านอาหารกึ่งบาร์เป็นที่ทำงานพิเศษของฉันตั้งแต่เข้ามหา’ลัย พี่เจ้าของร้านใจดีรับฉันเข้าทำงานและให้ราคามาตรฐานการจ้างงาน และชอบแบ่งขนมมาให้ฉันด้วย เวลาได้ขนมกลับห้อง วันนั้นฉันจะประหยัดเงินค่ามื้อเย็นไปด้วย หรือบางวันพ่อครัวก็จะทำกับข้าวให้ฉันเอากลับไปกิน ทุกคนใจดีกับฉันมาก จนบางครั้งก็อดเกรงใจไม่ได้ “ซินมาแล้วเหรอ ช่วยพี่ยกน้ำหน่อย” พี่ที่ร้านเอ่ยบอกเมื่อเห็นฉันเดินเข้าไปยังห้องพนักงานเพื่อจัดเก็บกระเป๋าสัมภาระและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน “ได้ค่ะพี่” ฉันรีบเปลี่ยนเสื้อและหยิบป้ายชื่อพนักงานมาติดบนอกเสื้อ จากนั้นถึงได้ออกไปช่วยงานพี่ ๆ ก่อนจะออกไปทำหน้าที่รับออร์เดอร์และเสิร์ฟอาหาร โซนโต๊ะด้านนอกมีลูกค้านั่งอยู่เต็มทุกโต๊ะเหมือนกับคืนก่อน ๆ ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ “สั่งเครื่องดื่มเพิ่มหน่อยค่ะ” เสียงลูกค้าเอ่ยแจ้ง ฉันยกยิ้มให้เธอตามที่พี่เจ้าของร้านสอนและเตรียมรับออร์เดอร์จากลูกค้ารายนั้น เมื่อได้รายการเครื่องดื่มเพิ่ม ก็นำไปแจ้งที่เคาน์เตอร์ร้าน แล้วยืนรออยู่ตรงนั้นเตรียมยกเครื่องดื่มที่พี่ผู้จัดการจัดให้ไปเสิร์ฟ ทั้งยังต้องบริการรินใส่แก้วให้ด้วย ตลอดเวลาห้าชั่วโมงฉันเดินทำงานอย่างเต็มที่ด้วยรอยยิ้มการค้าอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นงานบริการ ฉันจะมาหน้าบึ้งไม่ได้ ถึงแม้ปกติจะพูดหรือยิ้มไม่ค่อยเก่งก็ตาม แต่ฉันไม่ได้ฝืนใจทำหรอกนะ ฉันยังหัวเราะ ยังยิ้ม และเล่นกับเพื่อนๆ ในกลุ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่บางครั้งมันก็เหนื่อยเกินไป จึงอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวไม่ทำอะไร “ซิน เลิกงานแล้ว กลับบ้านได้แล้วลูก” พี่ผู้จัดการที่รู้จักกันตั้งแต่เข้ามาทำงานเอ่ยเตือน เมื่อเห็นว่าฉันยังเดินเสิร์ฟอาหารอยู่ดังเดิม “อ้อ ค่ะพี่” “พรุ่งนี้หยุดนะ อย่าลืมล่ะ” พี่ผู้จัดการร้านเอ่ยเตือนด้วยรอยยิ้ม “แหะๆ ค่ะพี่ งั้นหนูกลับแล้วนะคะ” ยกมือไหว้ลาผู้จัดการร้านและลาพี่ ๆ พนักงานประจำคนอื่น เป็นเพราะฉันคือพนักงานพาร์ตไทม์คนเดียวในร้าน ตอนแรกที่รู้ก็ตกใจและแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ช่างเถอะ ขอแค่มีงานให้ทำก็ดีเท่าไหร่แล้ว “จะกลับแล้วเหรอน้องซิน” “ค่ะพี่ หนูกลับแล้วนะคะ” โบกมือลาพี่ ๆ อีกครั้งหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว กระเป๋าผ้าสะพายข้างใบโปรดถูกหยิบขึ้นมาคล้องไหล่ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปทางหลังร้าน เพื่อกลับห้องพักในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ฉันขึ้นรถเมล์ห้าหกป้ายก่อนจะเดินเท้าต่ออีกหน่อย เพื่อเข้าไปยังซอยห้องพักโดยใช้แสงสว่างจากเสาไฟอันน้อยนิดนำทาง และกว่าจะถึงหน้าปากซอยเวลาก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว “เฮีย! หิวแล้ว” “หิวแล้วทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวานวะไอ้เด็กนี่” “เฮียอะ ข้าวขอเยอะ ๆ นะ” “ไปตักเองเลยลูกค้า” เสียงกลุ่มคนที่ตะโกนคุยกันอยู่ดังมาให้ได้ยิน ทั้งยังมีเสียงหัวเราะขบขันดังมาให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ ร้านข้าวร้านหนึ่งมีลูกค้ายืนรออยู่หน้าร้าน ที่นั่งภายในร้านก็เต็มหมดทุกโต๊ะเช่นเดียวกัน แต่อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเห็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาอาหารร้อนๆ เขาดูดีมาก ส่วนสูงเกินมาตรฐานชายไทยและรูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม แต่เสื้อเอี๊ยมกันเปื้อนสีเขียวแสบตาของเขา ทำให้ฉันมึนหัวเล็กน้อยยามมองจ้อง “ลูกพี่ ลูกค้ารอ” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาบอกคนที่ยืนอยู่หน้ากระทะและกำลังหยิบจับของมากมายใส่กระทะอย่างชำนาญ “รอไปก่อนกำลังตั้งใจผัดเนี่ย แล้วเมื่อกี้ใส่อะไรไปแล้วนะ” พ่อครัวของร้านพึมพำอย่างข้องใจ จนลูกค้าที่ยืนรอคิวอยู่หน้าร้านต้องรีบบอก “เฮียใส่หมดแล้วค่ะ เหลือแค่ใส่ใบกะเพรา” “อ้อๆ ขอบใจมาก” ช่างเป็นร้านอาหารที่ดูวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลย ทั้งพ่อค้าและลูกค้าต่างกวนกันไปมา ฉันหันไปมองร้านนั้นเล็กน้อยยามก้าวผ่านความวุ่นวายนั้นไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD