Oops! เขาหล่อ แต่แปลกนิดหน่อย 5

1220 Words
Oops! เขาหล่อ แต่แปลกนิดหน่อย 5 “ลูกพี่ ลูกค้ารอ” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาบอกคนที่ยืนอยู่หน้ากระทะและกำลังหยิบจับของมากมายใส่กระทะอย่างชำนาญ “รอไปก่อนกำลังตั้งใจผัดเนี่ย แล้วเมื่อกี้ใส่อะไรไปแล้วนะ” พ่อครัวของร้านพึมพำอย่างข้องใจ จนลูกค้าที่ยืนรอคิวอยู่หน้าร้านต้องรีบบอก “เฮียใส่หมดแล้วค่ะ เหลือแค่ใส่ใบกะเพรา” “อ้อๆ ขอบใจมาก” ช่างเป็นร้านอาหารที่ดูวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลย ทั้งพ่อค้าและลูกค้าต่างกวนกันไปมา ฉันหันไปมองร้านนั้นเล็กน้อยยามก้าวผ่านความวุ่นวายนั้นไป วันนี้ไม่หิวก็เลยไม่ได้แวะซื้ออะไรกลับมากินที่ห้อง แต่หากหิวมื้อดึกขึ้นมาคงต้องกลั้นใจนอนหลับไป เพราะที่ห้องของฉันไม่มีพื้นที่ให้ทำอาหาร แค่ใช้พักอาศัยก็คับแคบมากแล้ว เกรงว่าถ้ามีกลิ่นอาหารตลบอบอวลอยู่ในห้อง คงไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ ซึ่งโดยปกติแล้วฉันจะกินข้าววันละสองมื้อเท่านั้น แต่วันไหนที่ไม่ออกไปข้างนอก ก็จะหาอะไรกินแถวๆ หอแค่มื้อเดียว กระทั่งที่ฉันกลับมาถึงห้อง ก็รีบซักเสื้อผ้าแล้วเอาไปแขวนตากไว้ที่ระเบียงห้อง มีเวลาครู่หนึ่งก็ไปหยิบไม้กวาดมาปัดกวาดฝุ่นบนพื้น ต่อด้วยหยิบผ้ามาถูพื้นให้เงาวับเท่าที่พื้นห้องเก่าๆ จะเงาได้ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดไม่มีเรียน ฉันจึงอยากจะนอนตื่นสายสักวัน แล้วค่อยนั่งทำงานต่อ ส่วนเรื่องเล่มจบที่ยังคาราคาซังอยู่ เพื่อนๆ ก็คุยกันในกลุ่มแชตว่าจะพักไว้ก่อน ให้แยกกันไปทำงานของตัวเอง แล้วค่อยเจอกันที่คลาสเรียน ดีเหมือนกันนะ ฉันจะได้ประหยัดเงินค่ารถด้วย พอทำความสะอาดห้องเสร็จก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา พัดลมที่อยู่ปลายเท้าถูกเปิดใช้งาน พอลมเย็นเริ่มทำงาน ฉันจึงเดินลากเท้าไปล้มตัวนอนบนที่นอนขนาดสามฟุตครึ่ง แม้จะไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ฉันก็สบายใจกับสิ่งที่เป็นอยู่มาก ๆ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาที่ทำให้ตัวเองไม่มีครอบครัวแต่อย่างใด แม้ไร้พ่อแม่ ไร้ญาติพี่น้อง และไร้ความเป็นมาของตนเอง แต่ฉันมีความหวังว่าจะตั้งใจทำงานเลี้ยงดูตัวเองและทำชีวิตให้ดีขึ้นมากกว่านี้ นี่คือเป้าหมายการใช้ชีวิตของฉันในวัยยี่สิบสองปี ถึงแม้วันนี้จะรู้สึกเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังนอนไม่หลับ ทำได้เพียงหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องเก่ามาส่องดูคลิปแมวเล่นไปเรื่อย ฉันชอบดูนะ แต่ถ้าจะให้เลี้ยงคงไม่ไหว แค่เลี้ยงตัวเองฉันยังจะไม่รอดเลย อีกอย่างนั่นคืออีกหนึ่งชีวิตเลยนะ ฉันไม่กล้าเสี่ยงเลี้ยงหรือเอาน้องมาลำบากด้วยจริง ๆ ขอไถฟีดดูคลิปน้องแมวไปเรื่อย ๆ แบบนี้ดีกว่า มันน่ารักจนฉันหยุดไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวว่าต้องนอนก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว เช้าวันหยุด ฉันรู้สึกตัวตื่นตอนสายของวัน เมื่อตื่นก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากเดินเข้าไปอาบน้ำก่อนจะเดินออกมาเปิดประตูระเบียงห้องรับลมเย็น ๆ พัดลมตัวเล็กถูกปิดไว้ก่อนจะเปลี่ยนมาเปิดพัดลมเพดาน แต่ตอนนี้ถ้าให้พูดจริง ๆ ก็ร้อนอยู่นั่นแหละ แต่มันก็ยังอยู่ในจุดที่ทนไหว เลยนั่งทำงานอ่านหนังสือไปเรื่อยจวบจนถึงบ่าย ฉันตัดสินใจออกจากห้องพักเพื่อไปซื้อน้ำและหาข้าวกิน เพราะตั้งแต่ตื่นจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย มัวแต่ทำงานส่งจนลืมกินข้าว แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังจะปิดประตูระเบียงห้อง โทรศัพท์ก็ส่งเสียงร้องเตือนว่ามีคนโทร. เข้ามาเสียก่อน “ว่าไงฉัตร” (ซิน กินข้าวยังอะ? ไปกินข้าวกันไหม) “กำลังจะออกไปกินเลย ฉัตรจะไปที่ไหนเหรอ?” ระหว่างที่เอ่ยถามเพื่อนด้วยความสนใจ มือก็หยิบโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ติดมือมาด้วย (ร้านตามสั่งหลังม.ไหมอะ เดี๋ยวเข้าไปรับๆ ไม่ต้องนั่งรถมานะ สักสิบนาที ขอแวะรับพวกนั้นก่อน) ฉัตรรีบบอกอย่างตื่นเต้น เมื่อครั้งนี้ฉันตอบตกลงไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ด้วย “ได้สิ ถึงแล้วโทร. มานะ” (โอเคจ้า เจอกันๆ) วางสายจากเพื่อนเรียบร้อย ฉันถึงได้เดินออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อกประตูไว้ด้วยแม่กุญแจ ทางเดินระหว่างห้องพักไปยังบันไดนั้นดูเก่าไม่น้อยเลย ฉันยังคงเดินด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะเดินลงมาจนถึงชั้นหนึ่งที่มีเก้าอี้ม้าหินอ่อนวางอยู่ในสวนหน้าหอพัก ระหว่างที่นั่งรอเพื่อนมารับ ก็เปิดเข้าแอปฯ โน้นดูแอปฯ นี้ฆ่าเวลาไปพลางๆ “ซิน! มาแล้ว” เสียงแพรตะโกนเรียกชื่อ ฉันเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเพื่อนลดกระจกรถลง แล้วยกมือโบกเรียกฉัน เห็นแบบนั้นถึงได้รีบเดินเข้าไปใกล้รถของฉัตรด้วยรอยยิ้ม ฉันขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง เพราะเบาะข้างคนขับถูกแพรจับจองไปก่อนแล้ว “อ้าว ลูกกอล์ฟล่ะ” “มันหลับ ไม่ไปน่ะ แต่เห็นบอกดึกๆ จะชวนไปกินกะเพราร้านนั้นอะ ที่อยู่ปากซอยหอแก” ฉัตรเล่าให้ฟัง พร้อมกับพาเราเดินทางไปยังร้านอาหารหลังมหา’ลัย “เออนี่ซิน แบบว่าฉันอยากเปลี่ยนโทรศัพท์” “อื้อ แล้วยังไง? จะให้ช่วยเลือกเหรอ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ด้วยสิ” ฉันทวนถามแพรที่หันกลับมามองหน้าอย่างเกรงใจ “ไม่ๆ แต่คือ...แกอยากซื้อต่อไหม เครื่องของแกมันผ่านมาทุกสมรภูมิแล้วอะ เครื่องนี้ของฉันยังใหม่อยู่นะ แต่ฉันอยากได้รุ่นใหม่อะ จริงๆ ก็อยากให้แกนั่นแหละ แต่แกคงไม่รับแน่ๆ ถ้าบอกว่าจะขายแกคงไม่ปฏิเสธ...มั้ง?” แพรบอกอย่างเกรงใจ แต่ท่าทางเลิ่กลั่กของเพื่อนกลับทำให้ฉันหลุดยิ้มขำเบาๆ “ทำหน้าอะไรแบบนั้นเล่า ฉันเข้าใจ ไม่ได้คิดมาก ขอบใจนะที่นึกถึงกันน่ะ” “อื้อ แบบ...แกก็รู้ว่าฉันชอบเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อย แล้วมันก็ไม่ได้มีรอยอะไรเลยนะ ฉันอยากให้แกเอาไปใช้น่ะ” แพรรีบอธิบายเพิ่มเติม ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพราะเพื่อนเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยจริง ๆ นั่นแหละ อย่างเครื่องนี้ที่ใช้อยู่ แพรไม่ได้ใช้แบรนด์ผลไม้ แต่ใช้รุ่นที่เป็นทรงเหลี่ยม ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขา รู้แค่ตอนเพื่อนบอกว่ามันถ่ายรูปซูมได้เยอะสุดๆ แล้วก็ถ่ายรูปสวยมาก ๆ แต่เหมือนสองสามวันมานี้ แพรกำลังมองรุ่นที่เป็นแบรนด์ผลไม้ไว้น่ะ แล้วโทรศัพท์ฉันก็มีสภาพไม่น่าจรรโลงใจจริงๆ นั่นแหละ เอาแค่รอยแตกบนหน้าจอก็ชวนตาลายแล้ว ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่เพื่อนจะถามแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD