ตอนที่ : 3 รอยอดีต 3

1180 Words
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย เสียงลมหายใจหอบระส่ำราวกับเพิ่งไปวิ่งออกกำลังกายมาก็ไม่ผิด ติดก็ตรงที่เขาวิ่งอยู่ในความฝันที่พอตื่นขึ้นมา ความโหดร้ายมันก็ยังอยู่ในความเป็นจริงเสมอมา มือสากยกขึ้นเสยเส้นผมที่ปรกหน้าผากออกลวกๆ สัมผัสกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นจนฝ่ามือชื้นแฉะไปหมด สามปีมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะหลุดพ้นจากภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายในวันนั้นได้ กฤษกรณ์รอดเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน แทบไม่น่าเชื่อว่าพนักงานสาวของทางร้านได้กดปุ่มสัญญาณเตือนภัยตั้งแต่แรกแล้วทั้งๆ ที่ระยะเวลากระชั้นชิดมาก นับว่ายังเป็นความโชคดีของเขาที่รอดมาได้ แต่ว่าบางทีคนรอบข้างก็ไม่แน่ใจว่าการที่เขารอดแต่คนรักไม่รอดมันส่งผลร้ายมากกว่าผลดีหรือเปล่า เพราะว่ากัญญาวีร์ไม่ได้ตายไปเพียงลำพังแต่ได้นำเอาหัวใจของคนรักตามติดไปด้วย คนร้ายทั้งสามถูกจับได้ทั้งหมดในทันที และถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาปล้นชิงทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในระหว่างที่พวกมันให้การแก่ศาลเขาเกือบจะพลั้งมือฆ่าหนึ่งในพวกมันเสียแล้ว เหตุเพราะมันตอบคำถามว่า “ฆ่าคนมันสนุกดี” เจ้าหน้าที่ในศาลต้องมาแยกตัวเขาออกกันอย่างชุลมุน ก่อนที่เขาจะบีบคอมันให้ตายลงคามือ แต่ใครจะรู้ว่าความแค้นได้ทำให้กฤษกรณ์แหกกฎแห่งความถูกต้อง ส่งพญามัจจุราชไปจัดการพวกมันลงนรกทันทีที่พวกมันเข้ากรงขังวันแรกอย่างเงียบๆ เหมือนจะสาสมที่ได้ชำระแค้นให้คนรัก แต่กลับกันทางด้านจิตใจของเขาแล้วมันได้แหลกสลายไม่มีชิ้นดีเกินกว่าจะเยียวยารักษาได้อีก ณ คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง คุณหมอดลเทพ จิตแพทย์หนุ่มวัย 35 ปี กำลังนำผลวินิจฉัยโรคของคนไข้ไปแจ้งกับเจ้าตัว ซึ่งคนไข้รายนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่เป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่มัธยมปลายนั่นเอง “เหมือนเดิมว่ะเพื่อน” ดลเทพเอ่ยด้วยความเป็นห่วงอาการที่ไม่ได้ดีขึ้นเลยของคนเป็นเพื่อน “อืม ก็คิดอยู่แล้วสามปีมานี้ก็ไม่เห็นมีวันไหนที่จะดีขึ้นเลย” กฤษกรณ์เอ่ยตอบคุณหมอประจำตัวที่พ่วงสถานะเพื่อนสนิทอีกตำแหน่งหนึ่ง ผ่านการเข้าๆ ออกๆ ที่นี่มาตลอดระยะเวลาสามปีมาตลอด โรคที่เขาเป็นอยู่แม้มันไม่รุนแรงถึงกับเรียกว่าเป็นบ้าแต่ก็ใกล้เคียง หากไม่ได้รับรักษาจากจิตแพทย์โดยตรง เนื่องจากเขาขาดวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ในบางสถานการณ์และบางเวลา แม้จะไม่ได้กระทบต่อตำแหน่งหน้าที่การงานโดยตรง แต่ก็กระทบทางด้านจิตใจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะชอบเกิดขึ้นเวลามีเพศสัมพันธ์กับคู่นอน บางรายถึงกับแจ้งความจับเขาข้อหาทำร้ายร่างกาย บางรายพอรู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ก็เลิกคบหากันทันที จนหลังๆ เขาต้องหันมาหาหญิงสาวบริการแทน เพราะว่ามันสะดวกดี ง่าย จ่ายก็จบ “มันอยู่ที่จิตใจว่ะเพื่อน นายต้องเอาชนะมันให้ได้” ดลเทพพูดเหมือนเดิม เนื่องจากยังไม่สามารถรักษากฤษกรณ์ให้หายขาดได้ เวลาและบางสิ่งบางอย่างเท่านั้นที่จะเป็นตัวเยียวยารักษา ซึ่งตัวเขาเองก็ยังไม่อาจระบุได้ว่าใครหรือสิ่งไหนจะมารักษาสิ่งที่เพื่อนรักเป็นอยู่ สาเหตุที่ทำให้กฤษกรณ์มักจะทำร้ายคู่นอนอยู่เป็นประจำ สาเหตุก็มาจากกัญญาวีร์ ชายหนุ่มไม่อาจทนเห็นผู้หญิงอื่นมีความสุขได้ ในขณะที่คนรักของเขาไม่สามารถมีได้ โดยเฉพาะในห้องของเขาบนเตียงนอนของเขา เพราะว่ามันเป็นที่ของกัญญาวีร์เพียงผู้เดียว “ฉันจะเอาชนะมันยังไง ในเมื่อใจของฉันมันตายไปแล้ว ตายไปตั้งแต่วันที่วีร์เขาจากไป” กฤษกรณ์เอ่ยด้วยแววตาเหม่อลอย “โธ่กรณ์ นายต้องทำใจให้ได้สิเพื่อน วีร์เขาตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกเขาไปสบายแล้ว แต่คนอยู่อย่างนายนี่แหละกำลังตกนรกและตายทั้งเป็น ทำไมนายไม่เปิดใจยอมรับใครคนอื่นบ้างวะ มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็ได้” ดลเทพอยากจะพูดตรงๆ เหลือเกินว่า ‘ก็หาใหม่สิวะเพื่อน’ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด เพราะดูแล้วอีกฝ่ายคงจะฝังรากลงลึกจนยากจะหยั่งถึงเสียแล้ว “ถ้าทำได้ฉันคงทำไปนานแล้ว ฉันไม่สามารถลบวีร์เขาออกจากใจได้ เขาเป็นคนที่ฉันรักคนเดียวนายเข้าใจหรือเปล่าไอ้เทพ” กฤษกรณ์ขึ้นเสียงใส่ทำให้ดลเทพต้องหุบปากนิ่งเงียบ ในใจทำได้เพียงคาดหวังให้มีใครบางคนเข้ามาทำให้เพื่อนรักของเขาหลุดออกจากนรกในใจแห่งนี้ ป่วยการที่จะเยียวยาหัวใจของคนที่มีแต่ตัวแต่ไร้วิญญาณเสียแล้ว สุดแล้วแต่เวรกรรมก็แล้วกัน คนเป็นเพื่อนคิดอย่างปลงตก “เออแล้วแต่นาย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกลับนะ” คนไข้พูดเองเออเองก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้อง โดยไม่ต้องรอฟังคำตอบของคนเป็นหมอ “ให้มันได้อย่างนี้สิ ของขึ้นทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที” ดลเทพได้แต่สายหน้าอย่างเอือมระอากับอาการของเพื่อนรัก ถอนหายใจต่อเบาๆ แล้วหันไปยกกระบอกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฟ้าให้คิวคนไข้รายอื่นเข้ามาได้” “ค่ะคุณหมอ” เสียงตอบกลับมาของผู้ช่วยสาว ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับคนไข้ชนิดพิเศษที่เป็นชายสูงอายุก็เดินเข้ามาภายในห้องเพื่อทำการรักษาในฉบับของเขา และคนไข้ของเขาแต่ละคนก็มีอาการไม่แตกต่างกันนักเพราะว่าทุกคนมักจะคิดว่าสภาพจิตของตัวเองไม่ปกติเหมือนคนทั่วๆไป และไม่ว่าจะผ่านคนไข้มามากน้อยแค่ไหน ก็ไม่มีรายไหนทำให้เขากลัดกลุ้มได้เท่าคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องตรวจไปเมื่อสักครู่ เพราะว่าไม่เห็นหนทางที่จะรักษาให้หายขาดได้เลยสักที “ผมเป็นบ้าใช่ไหมหมอ” ประโยคแรกที่คนไข้ชราเอ่ยถาม “ทำไมคิดว่าอย่างนั้นล่ะครับ” ดลเทพถามกลับ “ก็ผมชอบจับก้นผู้ชาย” รู้สึกจะเป็นปัญหาใหญ่ในการรักษาทีเดียว ดลเทพส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ไม่คนตรงหน้าก็คงต้องเป็นเขาเองที่ต้องบ้าไปจริงๆ ในวันนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD