ตอนที่ : 4 อีกหนึ่งชีวิต

1352 Words
2 อีกหนึ่งชีวิต บ้านไม้หลังเล็กแห่งหนึ่งนอกชานเมือง ผู้เป็นพ่อได้ลงไม้ลงมือทำร้ายลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง เหตุจากฤทธิ์ของน้ำเมาที่ดื่มเข้าไปแล้วครอบงำจิตใจทำให้มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดากลายร่างเป็นจอมมารร้ายขึ้นมา “เพราะแก! แม่แกถึงต้องตาย” เป็นประโยคที่นายศักดิ์ชัยผู้เป็นพ่อยกขึ้นมาอ้างเสมอ ในยามที่ขาดสติและลงมือร้ายลูกสาวของตนเอง เผียะ! “โอ๊ย!” ใบหน้านวลถึงกับหันกลับไปอีกข้าง “เผียะ! พลั่ก!” ทั้งตบทั้งตีจิกทึ้งผมของลูกสาว อะไรก็ตามที่ทำแล้วทำให้คนตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวด มันทำให้คนลงมือรู้สึกลำพองใจ หาได้รู้สึกรู้สาต่อน้ำตาที่ไหลนองหน้า “พ่ออย่า!” เสียงวอนขอไม่ได้กระทบโสตประสาทของคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย ยังคงลงมือตบตีลูกสาวอยู่อย่างต่อเนื่อง “อุก!” หญิงสาวทรุดลงกับพื้น สีหน้าเหยเกจากการที่ถูกคนเป็นพ่อเตะเข้าที่สีข้างของเธอนั่นเอง นั่นแหละถึงได้ทำให้นายศักดิ์ชัยยอมรามือเดินลงจากบ้านไป เพื่อนบ้านเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปดูอาการของใบหญ้าด้วยความเป็นห่วง เห็นหญิงสาวนอนกองอยู่กับพื้นก็ทำให้ต้องรีบถลาเข้าไปดูใกล้ๆ “ว้าย! ตายแล้ว หนูหญ้าเป็นยังไงบ้างลูก” “จะ...เจ็บ” หญิงสาวห่อปากด้วยความปวดแสบปวดร้อนไปหมด “ไม่ต้องพูดแล้ว ไป๊ ไปหาหมอกัน” นางอัญจรีรีบประคองหญิงสาวผู้อาภัพให้ลงจากบ้านเพื่อไปหาหมอยังคลินิกใกล้บ้าน ก่อนจะพากันกลับหลังจากได้รับการตรวจเรียบร้อยแล้ว ใบหญ้ายกมือไหว้ขอบคุณหญิงสูงวัย แล้วเดินคอตกขึ้นบ้านไป นางอัญจรีได้แต่เวทนาในชะตากรรมของคนโชคร้ายที่มีพ่อเลวๆ อย่างนายศักดิ์ชัย แบบนี้สู้อย่ามีมันเลยจะมีกว่า “ใจคอมันทำด้วยอะไรกันนะ ลูกสาวของมันเองแท้ๆ ยังลงไม้ลงมือกันได้ นี่ถ้าหนูหญ้าไม่ห้ามเอาไว้นะพ่อ แม่จะไปแจ้งมูลนิธิปวีณาให้มาจัดการกับมัน” นางอัญจรีบ่นให้สามีฟังหลังจากกลับมาบ้านตนเองแล้ว “เรื่องของเขาน่ะแม่ นั่นน่ะพ่อลูกกัน ส่วนเรามันคนนอกอย่าไปยุ่งจะดีกว่า ทำอย่างกับมันไม่เคยเกิดขึ้น พ่อก็เห็นแบบนี้ทุกวันจนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วนี่” นายเกรียงไกรพูดขึ้นอย่างเอือมๆ ก็นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก และคิดว่าคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเหมือนกัน “เออ แม่รู้แต่ก็อดสงสารหนูหญ้าไม่ได้ สงสัยชาติที่แล้วทำกรรมเอาไว้เยอะ เกิดมาถึงได้มีพ่อแบบนี้ สักวันเถอะมันจะต้องเสียใจที่ทำกับลูกสาวคนเดียวของมันแบบนี้ ไปพ่อขึ้นบ้านนอนกัน ยิ่งพูดก็ยิ่งของขึ้น” นางอัญจรีช่วยได้เพียงเท่านี้จริงๆ เพราะใบหญ้าไม่เคยคิดจะเอาเรื่องอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เรื่องเศร้าเหล่านี้เกิดขึ้นจากการตายของแม่ใบหญ้าขณะที่คลอดหญิงสาวออกมา นายศักดิ์ชัยไม่สามารถทำใจยอมรับการสูญเสียภรรยาสุดที่รักได้จึงโยนความผิดทั้งหมดมาลงยังลูกน้อย และหันหลังให้กับลูกด้วยการส่งลูกน้อยไปให้ผู้เป็นยายเลี้ยงดูที่ต่างจังหวัดแทน โดยจะแวะเวียนไปเยี่ยมแค่ปีละครั้งในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นก็ไม่เคยแวะไปเยี่ยมลูกสาวอีกเลย หญิงสาวเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของผู้เป็นยายจึงกลายเป็นเด็กนิสัยเรียบร้อย น่ารัก มีจิตใจดีงาม บวกกับหน้าตาอันสวยสดสมวัยด้วยแล้วก็ทำให้ผู้คนที่พบเห็นอดชื่นชมและหลงรักไม่ได้ ในวันที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการโรงแรมในมหาวิทยาลัยในจังหวัดที่อาศัยอยู่ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใบหญ้าไม่พบเห็นแม้แต่เงาของคนเป็นพ่อ มีเพียงแต่ผู้เป็นยายคนเดียวที่เฝ้าแสดงความยินดีและปลอบโยนเธอเสมอมา ‘ไม่ต้องรอพ่อศักดิ์ชัยหรอกหญ้า ยายว่าพ่อเขาคงติดงานนั่นแหละ’ ยายมักจะหาคำปลอบโยนเธอที่ฟังแล้วดูดีเสมอ แต่ในใจของคนทั้งสองก็รู้พอๆ กันว่าอะไรเป็นอะไร สรุปแล้ววันจบการศึกษาของหญิงสาวก็ได้ฉลองกับยายที่บ้านหลังน้อยเพียงสองคน แต่นั่นก็ทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเหมือนกัน ‘ไม่เป็นไร หญ้ามียายอยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร’ นั่นคือเมื่อก่อนเธอมักจะพูดประโยคนี้บ่อยครั้ง ในเวลาที่ใครๆ ล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ขอแค่เธอมียายแต่ละวันที่ผ่านมาก็มีความหมายต่อตัวเองอย่างมากมาย เมื่อรู้ตัวว่ายังมียายคอยหญิงสาวอยู่ที่บ้าน มันพลอยทำให้คำว่าลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่เพื่อนมักล้อไร้ความหมายไปเลย เด็กมีปัญหา คำนี้ห่างไกลจากตัวเธอมากนัก ใบหญ้าไม่เคยเอาปัญหาเหล่านี้มาเป็นปมด้อยในใจของตัวเอง ในทางตรงกันข้ามเธอเองก็พยายามที่จะทำทุกอย่างให้ได้ดี ให้เหมือนคนอื่นที่เขามีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากัน และเธอก็ทำมันได้ดีเสียด้วยทว่าความสุขก็มักจะอยู่กับเธอได้ไม่นาน เมื่อยายได้จากโลกนี้ไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคของคนชรา พ่อของเธอจึงรับเธอมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน จึงทำให้ได้รับรู้สภาพชีวิตของคนเป็นพ่อว่าติดสุราเข้าขั้นร้ายแรง แถมยังสเป็นนักพนันตัวยงอีกด้วย เงินที่ได้มาจากการทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งดูเหมือนจะไม่พอสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละเดือน เพราะพ่อมักขอไปซื้อเหล้าหรือไม่ก็เล่นการพนัน ถ้าวันไหนไม่ให้ก็ต้องเกิดเหตุการณ์แบบวันนี้ บ่อยครั้งที่เธอต้องพกหน้าตาที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวไปทำงาน และในที่สุดมันก็ส่งผลกระทบต่องานของเธอจนได้ “พี่ต้องให้น้องหญ้าออกนะคะ” อรอุมากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกที่เวทนาและสงสารต่อบุคคลที่อยู่ตรงหน้ายิ่งนัก แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อคนที่มีอำนาจหน้าที่สูงกว่าเธอเป็นคนสั่งการลงมา “ให้ออกเหรอคะ” ใบหญ้าแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง “พี่เสียใจ” อรอุมาหันหลังให้เธอทันที ใครจะรู้ว่าน้ำตาแห่งความสงสารได้หลั่งไหลออกมาอย่างเงียบๆ “...” ใบหญ้าเห็นภาพดังกล่าวก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ดี เหตุมาจากรอยแผลฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าของเธอ มันส่งผลกระทบต่องานพนักงานต้อนรับของเธออีกด้วย หญิงสาวมองแผ่นหลังของคนที่เคารพรักดั่งพี่สาว แล้วก็เห็นว่ามันเคลื่อนไหวขึ้นลงเล็กน้อย และเข้าใจในเหตุผลของการให้ออกในครั้งนี้ ก่อนที่ประตูห้องทำงานจะถูกปิดลงใบหญ้าก็ได้เอ่ยบางอย่างออกมา “อย่าร้องเลยค่ะพี่อร หญ้าเข้าใจทุกอย่างดีค่ะ” อรอุมาหันมาทางประตูอย่างช้าๆ บนใบหน้าของอีกคนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งคู่มอบรอยยิ้มบางๆ ให้แก่กัน ก่อนประตูจะถูกดันให้ปิดลงอย่างแผ่วเบา อรอุมาถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้นได้อีกต่อไป ทั้งสงสารทั้งรักน้องสาวคนนี้ยิ่งว่าใคร “เพื่อภาพพจน์ของโรงแรม” คนที่ดำรงตำแหน่งสูงกว่าเธอบอกแบบนั้น ขอโทษ คำนี้จะเพียงพอหรือเปล่าหญิงสาวได้แต่นึกเสียใจกับการกระทำที่เลือกไม่ได้ของตนเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD