“คุณจะพาฉันไปโรงพยาบาลใช่ไหม ฉันไม่ไหวแล้วนะ” อคิราห์ทักขึ้นปล่อยนิ้วมือยื่นออกจากสูทหนาแตะเข้าที่เอวหนา
“นั่งเฉย ๆ ได้ไหม ฉันรังเกียจเธอจะแย่อยู่แล้ว” คิมหันต์ตะคอกอคิราห์ด้วยความหัวเสียอีกครั้ง
ใบหน้าหวานสลดลงพยายามดึงมือตัวเองกลับ สองมือเล็กกำสั่นบิดเรียวขาเสียดสีกันไปมา จนรู้สึกเหมือนความเปียกชื้นเปื้อนต้นขาเธอไปหมด
คนร้อนสะอื้นเบา ๆ มองมือหนาของคิมหันต์ที่กดลดอุณหภูมิลงอีกสามองศา แม้จะลมแรงจนตีหน้าแต่อาการร้อนวูบวาบยังลามขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปลายเท้ายันริมฝีปาก ทั่วทั้งร่างกายเหมือนโดนกระแสไฟที่วิ่งขึ้นวิ่งลงจนตัวเธอเกร็งไปทั้งตัว อาการอยากโดนกอด โดนจูบ ทำให้อคิราห์กัดฟันแน่น จิกเล็บลงบนหน้าขาตัวเองเพื่อระบายอารมณ์ดิบ
“อื้อออ ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว” หญิงสาวครางเสียงแผ่วเมื่อไม่ต้องการสร้างความรบกวนให้กับคนข้างตัว
ใช้เวลาไม่นานรถคันหรูสีดำสนิทก็เลี้ยวเข้าตึกสูงเฉียดฟ้า ต้นไม้สองข้างทางลู่ตามแนวลมเมื่อรถพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ไม้กั้นดูจะเปิดทันทีเมื่อสังเกตเห็นทะเบียนรถของเขา คิมหันต์แตะเบรกเพียงเล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าสู่ตึกจอดรถ แม้จะวนขึ้นด้วยความเร็วจนแทบอ้วกก็ตาม
เสียงลมหายใจของอคิราห์ดังก้องรถพร้อมกับเสียงกัดฟันกรอดของคิมหันต์ แม้จะกัดปากแน่นแค่ไหนแต่ดูจะไม่ทำให้อาการเธอทุเลาลงได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งเวลาผ่านไปเลือดในกายยิ่งเดือดพล่านจนปากคอสั่น
“ช่วยฉันหน่อย ฉันทรมานจะตายอยู่แล้ว” เสียงออดอ้อนเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“เธอแน่ใจแล้วใช่ไหม” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงพร่าราวกับกำลังกระซิบถามหาความแน่ใจจากคนตรงหน้า ชายหนุ่มหลับตาครางฮือเสียงลมหายใจขาดเป็นห้วง เพราะสัมผัสร้อนที่จุดอ่อนไหวจากคนตรงหน้า
“ฉันแน่ใจ...อื้อ” เธอเงยหน้าตอบเขา รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มจากฝั่งคนนั่งขึ้นไปบนตักแกร่ง สิ่งแข็งขืนที่กำลังดันต้นขาเล็กทำเอาหญิงสาวหน้าแดงก่ำ
ฝ่ามือหนาก็ยกศีรษะสวยขึ้นอย่างรวดเร็ว จนริมฝีปากบางของหญิงสาวกระแทกลงบนริมฝีปากเขา เพียงแค่นั้นจากที่เคยประคองสติไม่ให้เตลิดก็หลุดลอยไปในความมืด ความเย็นจากร่างกายเขา ทำให้เธอถวิลหาจนป่ายปัดมือไปทั่วร่างกายหนา
“ไม่ไหว ไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลมหายใจแผ่วของเธอโลมเลียจนขนที่ต้นคอเขาลุกชัน
เธอกระซิบบอกพลางจ้องตาเขาในความมืด มีเพียงแสงไฟสลัวที่ส่องเข้ามาในรถ แต่แค่ริมฝีปากแดงของเขาแตะลงที่ปากเธอ เส้นประสาทที่เรียวปากก็เต้นตุบตับจังหวะเดียวกับเสียงหัวใจจนอคิราห์แทบคลั่ง
ยิ่งลูบไล้มากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ
ยังนับหนึ่งไม่ถึงสาม
เธอและเขาก็กระโจนเข้าหากันเหมือนคนกำลังกระหายน้ำ ก่อนจะดื่มกินอารมณ์ดิบซึ่งกันและกัน
ใช้ลิ้นเล็กจิ้มลิ้มแตะมุมปากของเข้า แล้วฮุบเอาลมหายใจเฮือกหนึ่ง งับเข้าที่กลีบริมฝีปากบนและล่างของชายหนุ่มสลับกันไปมา กวาดลิ้นเกี่ยวดื่มน้ำลายที่ปลายลิ้นสากอย่างเร่าร้อน ดูดดึงดื่มมันลงคอราวกับคนกระหายน้ำแล้วเจอโอเอซิสอยู่ข้างหน้า
ความรู้สึกอดกลั้นแทบไม่มีหลงเหลืออยู่
ฝ่ามือเธอทั้งสองข้างแตะอยู่ที่อกเขาไม่ยอมปล่อย เช่นเดียวกับคิมหันต์ที่รั้งสะโพกอคิราห์แนบชิดไว้ให้จมอยู่บนตัวเขา
“อื้มมมม”
“อ้าาาา”
“ช่วยฉันทีฉันอยากได้มากกว่านี้” มือหนาป่ายปัดซุกซนบีบเค้นสะโพกอย่างได้อารมณ์ ส่งลิ้นร้อนผ่าวแก่ประสบการณ์ละเมียดชิมความหวานจนอดไม่ไหวที่จะครางออกมา ริมฝีปากหนาผละออกให้พอได้หายใจก่อนจะกระโจนเข้าหากันอีกครั้ง ยิ่งเธอเบียดกายเข้าชิดเขาก็ยิ่งโอบรั้งเธอแน่นมากขึ้น เสียงเต้นของก้อนเนื้อในอก เสียงลมหายใจ และเสียงครางของคนเหนือร่างก็ดูจะทำให้อารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับ ยิ่งสัมผัสมากเท่าไหร่ยิ่งอยากชิดใกล้มากเท่านั้น
สมองที่เคยหวาดกลัวในตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
มันขาวโพลนไม่มีสติแม้แต่จะถอยห่างกองไฟตรงหน้า
อคิราห์แตะมือเข้าที่ขอบกางเกงตรงหน้า ในขณะที่ริมฝีปากยังโรมรันพันตูกับเขาไม่ปล่อย คล้ายสัญญาณทำให้คนตัวสูงชะงักไปชั่วขณะก่อนจะดันสะโพกผายให้ถอยห่าง เมื่อมือของเธอกำลังจะลากลงต่ำไปกว่าที่เขาอนุญาต
“อื้อออ ปล่อยมือฉันนะ” เขากำรอบมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อยให้มากกว่านี้ เสียงหอบถี่ของเธอและเขายังคงดังอยู่ในหูของหญิงสาว แต่แค่เพียงก้มตัวลงไปหมายจะจูบริมฝีปากเพื่อบรรเทาอารมณ์ เขาก็ดันเธอออกไม่ยอมให้เธอได้แตะต้องมันอีกแล้ว
“พอแล้ว”
“ทำไม” ริมฝีปากเล็กพูดก่อนจะยื่นไปตรงหน้า
“ตรงนี้ไม่ได้”
“คุณ...คุณ...อึก...จะช่วยฉันจริง ๆ ใช่ไหม” อคิราห์กระตุกเสื้อคนในอ้อมกอดตัวเอง ก่อนจะถามคำถามโง่ ๆ ออกไป
“ถามทำไม”
“ก็คุณเกลียดฉัน ฮึก...คุณจะช่วยฉันใช่ไหม ช่วยฉันด้วยนะคิมหันต์” เขาเกลียดเธอขนาดไหนทำไมเธอจะไม่รู้ “ถึงฉันไม่ใช่อายะของคุณจริง ๆ นะ อย่าเกลียดฉันเลย ช่วยฉันด้วย”
“หุบปากแล้วอยู่นิ่ง ๆ ไปซะ อย่าทำให้ฉันโมโห” แค่พูดชื่อนั้นร่างของคนในอ้อมกอดก็ดูจะเกร็งขึ้น คิมหันต์กัดฟันกรอดก่อนจะมองหน้าเธอนิ่ง
ใบหน้าเรียบเฉยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเหมือนคิดอะไรได้ สีหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่หลายคนตกหลุมรัก ทำให้อคิราห์อดไม่ได้ที่จะกินเขาไปทั้งตัวเพื่อดับอารมณ์ แม้การกอดจะทำให้มันทุเลา แต่สำหรับเธอมันไม่พอแล้ว ไฟฟ้าเล็ก ๆ วิ่งวนบนร่างกายกับอาการร้อนผ่าวเพิ่มมากขึ้น เหมือนแค่สัมผัสนี้จะไม่เพียงพอ
เธอต้องการเขามากกว่านี้ อาการหอบเบา ๆ หายใจไม่ออกเพราะหัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำให้เธอเดินเข้าใกล้เขาเรื่อย ๆ จ้องดวงตาคู่สวยนั้นนานจนแทบไร้สติ
เขาทำให้คนตรงหน้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างขยับไปบนผิวลื่นของคนตรงหน้า ยิ่งได้กลิ่นกายอ่อน ๆ ที่โชยเข้าจมูก ยิ่งเห็นรอยยิ้มและผิวลื่นมือที่มีโอกาสสัมผัส ยิ่งทำให้อคิราห์กำมือแน่น ใช้ฟันรูดริมฝีปากจนด้านชา
“อยากจูบฉันเหรอ”
“อือ” เธอตอบสั้น ๆ หายใจเฮือกเหมือนจะคุมอารมณ์ไม่อยู่
“งั้นก็จูบสิ ฉันให้เวลาก่อนลิฟต์จะขึ้นถึงห้องเท่านั้น”
“คุณ...”
“โอกาสสุดท้ายแล้วนะ ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง...” สิ้นเสียงของเขา สติสัมปชัญญะก็ดูเหมือนจะเลือนหายไป
“หึ” เสียงหัวเราะดังเมื่อแผ่นหลังแกร่งกระทบกับผนังลิฟต์ ก่อนจะหายไปเหลือเพียงเสียงครางในลำคอ บ่งบอกความพึงพอใจเมื่อถูกริมฝีปากเล็กชกวูบ คิมหันต์ตวัดเสื้อคลุมหัวเธอและเขาอย่างรวดเร็วปล่อยให้คนเอาแต่ใจได้ทำตามปรารถนา
หญิงสาวเขย่งเท้าพร้อมกับโน้มลำคอขาวลงมา สบตากะพริบถี่ของคนตรงหน้าที่มองเธอด้วยความรู้สึกเดียวกัน จุมพิตรอบนี้ดูจะเบาบางอย่างอ้อยอิ่ง หากแต่กลับทำให้เธอและเขาซึมซับอารมณ์ได้มากกว่าปกติ หญิงสาวสอดเรียวลิ้นเล็กเข้าชิมความหวานปนหยอกเย้า เหมือนที่เขาเคยทำด้วยความเอาแต่ใจกึ่งเรียกร้อง จูบย้ำที่ริมฝีปากแดงเห่อสลับกับหยอกเอินจนไม่อาจนับจำนวนครั้งได้ จนคนตัวสูงต้องใช้มือใหญ่ขยำก้นสวยได้รูปของหญิงสาวระบายอารมณ์ดิบ
เมื่อเธอเอาแต่งับริมฝีปากเขาไม่ยอมปล่อย เวลาเพียงน้อยนิดกับจูบไร้ประสีประสา ดวงตาที่มองมาประดับด้วยขนตายาวจนเกือบจะชนกับดวงตาเธอ ยิ่งทำให้หลงใหลจนจูบซ้ำ ๆ บนริมฝีปากแดงก่ำของคนตัวสูง ยิ่งชิดใกล้ยิ่งไม่พอ
ตึ๊ง!
“ไม่พอ...” อคิราห์ครางอย่างไม่พอใจเมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมเปิดออก ดวงตาหวานสบเข้ากับเขาอย่างขอความเห็นใจ
เท่านั้นเส้นความอดทนของร่างสูงก็ทะลุขีดจำกัดจนเข็มตีกลับ