Soulmate 2 : ตื้อ

2018 Words
“ไม่ขมหรือไง" ฉันมองคนที่กินกาแฟขม ๆ แบบนี้ได้ทุกวัน “ฉันไม่ชอบอะไรที่มันปรุงแต่งเยอะ ๆ" เขายังคงหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ “แบบนี้เป็นไงคะ" ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตรงหน้าเพื่อโชว์หน้าสด “อันนี้เขาเรียกหน้าจืด" นิ้วเรียวดีดหน้าผากของฉัน จนฉันยกมือขึ้นมาถูหน้าผากเบา ๆ เขาไม่ค่อยยิ้มเลยหรือไง เมื่อก่อนยังยิ้มบ่อยกว่านี้นี่หน่า “จ้องหน้าฉันทำไม" “ไม่ให้จ้องหน้า ให้จ้องอะไร" ฉันยิ้มให้เติร์ดที่ทำหน้าดุ “เย็นนี้อย่าลืมเอาผ้ามาให้ฉันด้วยล่ะ ไปทำงานละ” แหม อยากเจอฉันเหมือนกันก็บอกสิ ไม่เห็นต้องอ้างเลย เพิ่งจะรู้ว่านอกจากฉันจะบ้าผู้ชายแล้ว ฉันยังเพ้อเจ้อด้วย ตกตอนเย็น........ณ สนามบาส “เธอมาช้า" เติร์ดวิ่งออกมาจากสนาม “ไม่มาช้าจะรู้ได้ยังไง ว่าคุณรอฉันอยู่" “เห็นเหงื่อไหม" พูดแบบนี้คืออะไร จะให้เช็ดให้หรอ บ้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันยื่นผ้าจะเช็ดหน้าให้เขา เขากลับดึงผ้าออกจากมือฉันไปเช็ดเอง “ง่อววว ยังไงวะ ไหนบอกไม่สนใจเขาไง" ปอร์เช่แซวคนที่เดินออกมาเอาผ้ากับฉัน “เพราะยัยนี่มันตื๊อเกินคน" “แต่พี่ชอบนะ น่ารักว่ะ" ชายหนุ่มหน้าตี๋บอกด้วยความสนใจในฉัน “ไหวเหรอพี่แบงค์ ยัยนี่มันโรคจิตใช้ได้เลยนะ" “แนะนำให้หน่อยดิ" Bank น่าแปลกวันนี้ทำไมพวกเขาถึงเลิกเร็วกว่าปกติ ทุกคนในสนามเก็บของแล้วเดินไปที่สโมสรของหมู่บ้านที่ไม่ห่างกันเพื่อเปลี่ยนชุด “ไงสาวสตอล์กเกอร์" ปอร์เช่เดินเข้ามาทักฉันที่นั่งรออยู่ “เลิกกันไวจัง" “ไม่ไหวอะ กว่าจะเลิกงานมาก็ร่างแทบแยกแล้ว" ปอร์เช่นั่งลงข้าง ๆ ฉัน “เติร์ดล่ะ" "อาบน้ำมั้ง จะไปแอบดูหรอ" คนข้าง ๆ แซวฉันขำ ๆ “อยากนะ แต่ถ้าทำจริงมีหวังโดนว่า ว่าโรคจิตไปยันลูกโตเลย" ปอร์เช่เป็นคนที่เข้าถึงง่ายดีแฮะ ฟึบ!!!! ผ้าขนหนูถูกส่งจากทางไกล ชู๊ตตรงเข้าหน้าฉันพอดีเป๊ะ!!! “ซักให้ด้วย" เติร์ดโยนผ้าขนหนูใส่หน้าของฉัน ฉันชะเง้อมองคนข้างหลังที่เดินตามเติร์ดมาด้วย คนนั้นใช่คนที่เห็นในโฆษณาบ่อย ๆ หรือเปล่า พี่แบงค์!! หรือไม่ใช่ ใช่ดิ ใช่แน่ ๆ “ไงสาวน้อย พี่ชื่อแบงค์นะ พี่ควรจะเรียกเธอว่าอะไร" หนุ่มหน้าตี๋ เข้ามาทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม “ยัยโรคจิต" เติร์ดสวนขึ้นมาทันควัน “มินิทคะ เอ้ยค่ะ มินิทค่ะ" ใช่จริง ๆ ด้วย นี่ฉันกำลังยืนคุยกับดาราหรอเนี่ย “ชื่อน่ารักดี" เติร์ดมองฉันแล้วส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากสนามบาสไป “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว" ฉันวิ่งตามหลังไว ๆ ของเขาไปยังที่จอดรสของสโมสร “มีอะไร ตามมาทำไม" “คุณขี้โกง ไหนบอกจะให้เวลาฉัน 1 เดือน ตอนนี้เวลาฉันเดินแล้วนะคะ แต่คุณจะทำให้วันนี้ของฉันเสียเปล่า" ฉันยังพยายามจะยื้อเขาไว้ แต่เขากลับปิดประตูใส่ฉันดังปัง !!! แล้วขับรถออกไปเลย อะไรของเขาวะ เอาแต่ใจชิบ วันนี้เป็นวันที่กลับบ้านด้วยความห่อเหี่ยวสุด ๆ คนอะไรเข้าถึงก็ยาก เอาแต่ใจ ไม่ค่อยยิ้ม ไม่อ่อนโยนเอาซะเลย จะต้องทำยังไงให้มันคืบหน้ากว่านี้นะ แต่ผ้าที่มีกลิ่นเหงื่อมันดีแบบนี้เองสินะ ฉันกอดผ้าขนหนูของเขาเอาไว้แน่น กรี๊ดดดดดด !!! ฉันมองผ้าในมือที่เขาเป็นคนโยนให้ ไม่ใช่ฉันไปขโมยเขามาอีกแล้ว แบบนี้ถือว่าคืบหน้าไหมนะ หน้าจืดงั้นหรอ พรุ่งนี้ลองแต่งหน้าบาง ๆ ดีไหมนะ เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันมารอคนที่วันนี้ออกมาร้านกาแฟสายกว่าปกติ ทำไมมาช้าจัง มาช้ากว่าเวลาปกติ ตั้ง 1 ชั่วโมงแล้วนะ หรือจะไม่มาแล้ว ไม่หรอก เขาอาจจะแค่ตื่นสาย ไม่นานรถคันสีขาวที่รออยู่ก็ขับเข้ามาจอดที่ข้างร้าน เติร์ดเดินเข้ามาในร้านโดยไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ ทำไมอะ วันนี้เป็นอะไรอะ เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย เอาวะต้องถามให้รู้เรื่อง “คุณ ทำไมเมินฉันอะ" ฉันหยิบแก้วกาแฟมานั่งโต๊ะเดียวกับเขาเหมือนทุกที “เราสนิทกัน จนต้องมานั่งโต๊ะเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉึก ไม่ปกติจริง ๆ ด้วย “ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า" ฉันพูดเสียงอ่อนลง “สำคัญตัวเองไปหรืือเปล่า" เขายังพูดไปแบบไม่สนใจฉันเลย “อะไร ไม่พอใจอะไรก็บอกสิ" “ตอนแรกฉันสนใจในความพยายามของเธอนะ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว" เขาพูดพร้อมหยิบกาแฟของเขาแล้วเดินออกไปนอกร้าน สายตาเย็บเฉียบมันทำให้ฉันรู้ว่ากำลังเดินถอยหลัง ไบโพล่าหรือไง แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันถอยหลังหรอก ฉันเดินตามเติร์ดออกไปนอกร้าน “ฉันไม่ได้ปฏิเสธผู้ชายทั้งโลก เพื่อให้คุณมาปฏิเสธฉันนะ" “แล้วยังไง ฉันต้องเชื่อด้วยหรือไง" เขาพูดกับฉัน ทั้ง ๆ ที่ไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ ภาพของเขาที่กำลังขับรถออกไปช้า ๆ มันทำเอาฉันสงสัย โอ๊ยยยยย นี่มันอะไรเนี่ย ทำไมมันถอยหลังเข้าไปในป่าแบบนี้ ตอนเย็นนี้เอาใหม่ ฉันเดินกลับมาที่บ้านเห็นแม่กำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ “แม่คะ ถ้าแม่รู้สึกว่าความสัมพันธ์มันถอยหลัง แม่จะทำยังไงคะ" ฉันถามแม่ด้วยหน้าที่ห่อเหี่ยว “ทำไมอะ ไหนบอกเขาคุยกับแกแล้วไง” แม่ฉันหั่นไส้กรอกเข้าปาก “ไม่รู้สิแม่ วันนี้เขาเย็นชาจนหนูกลัวเลย" ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ให้คนเป็นแม่ “ถ้าเป็นแม่ คงดูว่ามีอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ แล้วแก้ที่ต้นเหตุละมั้ง" ต้นเหตุคืออะไรก็ไม่รู้ จะแก้มันยังไง แฟนก็ไม่เคยมี จะไปรู้ได้ยังไงว่าควรทำยังไง ตกเย็น ฉันมาที่สนามบาสเหมือนทุกที แต่วันนี้ฉันกลับไม่เจอเขาเลย นี่ถึงกับไม่มาเล่นบาสเพราะหนีฉันเลยหรอ ฉันนั่งลงที่สแตนด์ ก่อนจะถอนหายใจแล้วมองผ้าในมือ เอาไงมินิท เดินหน้า หรือถอยหลัง...... ก็ต้องเดินหน้าสิ เลือกแล้วหนิ ไปหาที่บ้านแล้วก็กัน หมู่บ้านนี้ก็จะใหญ่ไปไหนไม่รู้ ไม่เห็นใจคนเดินเลยยยยยยยย ฉันเดินมาถึงซอย 9 รถสีขาวจอดอยู่ แสดงว่าหนีฉันจริง ๆ สินะ เอาไงอะ ทักหรือไม่ทัก ลุยหรือกลับ เอาไงดี ใจฝ่อเหมือนกัน ถ้าโดนเขาเย็นชาใส่เหมือนเมื่อเช้าอีก จะทนได้ไหมนะ เอาวะ !!!! มาถึงนี่แล้ว ฉันเดินมาชะเง้อมองมองอยู่หน้าบ้านของเขา กดออดก็แล้วกัน ถ้าพ่อแม่เขาออกมาเปิดหละ ฉันยืนชั่งใจ เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านของเขา เอาไงดี ตื่นเต้นว่ะ มินิทเอาสิ แกมาถึงหน้าบ้านเขาแล้วนะเว้ยยยย “สงสัยต้องแจ้งตำรวจแล้ว มีพวกโรคจิตมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน" เสียงทุ้มทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งเฮือก จนต้องหันไปมองต้นเสียงที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน “คือ ๆ เอ่อออ คือออ” พูดไม่ออกเลย ทำไงดี “กลับบ้านไปได้แล้ว ไป” “อย่าไล่ได้ไหม ไหนบอกจะให้เวลาฉันเดือนนึงไง” ฉันยังคงตื๊อไม่เลิก จะไม่ยอมให้มันถอยหลังไปมากกว่านี้แล้ว “ตื๊อจริง ๆ เอาเวลาไปชอบคนที่ชอบเธอดีกว่า” “แต่ฉันชอบนาย ต่อให้นายจะร้ายกาจ หรือไล่ฉันแค่ไหน ฉันก็ยังชอบนายอยู่ดี” ฉันเริ่มขึ้นเสียงดังขึ้น “เสียงดังทำไมเนี่ย ไป เข้าไปคุยในบ้าน” เข้าบ้าน!!!!!! โอ๊ยยยยยยยย แม่เจ้า การคืบหน้าแบบก้าวกระโดดของฉันสินะ “ห้ามขโมยของในบ้านฉันล่ะ” สายตาเย็นเฉียบจนขนลุก แสดงว่าเอาจริงสินะ แค่ได้เข้าบ้านก็ดีใจแล้ว อิอิ ฉันเดินตามเจ้าของบ้านไปติด ๆ ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลย โอ้ยยย เก็บอาการหน่อยมินิท เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเธอบ้าผู้ชาย บ้านสวยจัง แต่ทำไมมันทะมึนทึบแบบนี้ จำเป็นต้องปิดม่านทั้งหมดเลยหรอ แถมไฟก็เปิดแค่ไฟหรี่ “เชื่อคนง่าย กล้าตามเข้าบ้านผู้ชายได้ยังไง” นั่นโดนไป 1 ดอก “บ้านคนอื่น ฉันก็จะไม่เข้าค่ะ แต่เพราะเป็นบ้านคุณ” “จะคุณหรือจะนายเอาให้แน่” เมื่อกี้ของขึ้นเลยเผลอพูดแบบนั้นออกไป “นายละกัน ดูใกล้ชิดกันดี” เติร์ดไม่ได้ว่าอะไร เพี่ยงทิ้งตัวเองลงบนโซฟาสีดำเท่านั้น “มีอะไรจะพูดว่ามา เสร็จแล้วก็รีบกลับได้ละ” “ดุจังเลย แค่จะมาถามว่านายเป็นอะไร ตั้งแต่เช้าแล้ว ตึงใส่ฉันจังเลย แถมเย็นก็ยังหนีหน้าฉันอีก” ฉันหย่อนตัวเองลงบนโซฟาข้าง ๆ เขา “เราสนิทกันขนาดนั้นแล้วหรอ” “ก็อยากสนิทกว่านี้” ร่างของคนข้าง ๆ โน้มลงมาหาฉัน มันทำให้ฉันตกใจฉันต้องเอนไปข้างหลังอัตโนมัติ “ก็บอกแล้วไง ว่าถ้าอยากได้แค่ตัว จัดให้เลยก็ได้นะ” ใกล้ ใกล้เกินไปแล้ว ฉันหลับตาปี๋ทันที ทนเห็นภาพเขาไม่ได้แล้ว ใกล้ไปหัวใจจะระเบิด “ตัวฉันก็อยากได้ แต่อยากได้ใจนายมากกว่า” ฉันโพล่งออกไปพร้อมกับดันเขาออก “อะไรแค่จูบเอง ทำเป็นไม่เคย” “ก็ไม่เคยนะสิ ถึงจะอยากถูกนายจูบ แต่ตอนนี้มันอาจจะเร็วไป แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้เตรียมตัว ไหนจะ.......” หน้าของเข้าใกล้เขามาจนรู้สึกถึงลมหายใจที่รดที่ริมฝีปาก ปลายริมฝีปากถูกสัมผัสแม้แต่จะเฉี่ยว ๆ แต่มันก็ทำให้ฉัน หัวใจเต้นจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ไม่ไหว ทนไม่ไหว ตาย ตาย ฉัน ตายสงบ ศพสีชมพู “มินิท มินิท จูบแรกจริงดิ” แรงเขย่าแขนทำให้ฉันรู้สึกตัว แต่มันไม่ได้ทำให้ออกจากภวังค์นี้ได้เลย หูอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงเรียก กลิ่นตัวเขาหอมจัง ทำไมฉันถึงได้ล่องลอยแบบนี้นะ ป๊อก!!!! “โอ๊ยยยย ดีดหน้าผากฉันทำไม” ฉันเอามือถูที่หน้าผากของตัวเองเบา ๆ “นึกว่าสติหลุดไปแล้ว” “จูบฉันแล้วรับผิดชอบฉันด้วยนะคะ” ฉันเอามือปิดหน้าด้วยความอาย “เรียกจูบที่ไหน แค่พิสูจน์เฉย ๆ ว่าเธอโกหกหรือเปล่า" หน้านิ่ง ๆ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไร แต่แค่พิสูจน์เองหรอ “ทำไมฉันต้องโกหกนายด้วยอะ" “จะรู้หรอ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ชอบโกหกให้ตัวเองดูใส" “แล้วทำแบบนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม" ฉันยิ้มอาย ๆ ให้คนตรงหน้า “กลับไปได้ละ อยู่บ้านผู้ชายนาน ๆ จะดูไม่ดี” เติร์ด โยนฉันออกมาจากบ้าน แล้วปิดประตูใส่ดัง ปัง!!! หน้านิ่ง ๆ ของเขาทำเอาฉันเดาไม่ออกอยู่ดี ว่ามันหมายถึงอะไร สรุปหายโกรธหรือยัง เดาใจยากชะมัด อิอิ แต่ปากเขาเฉี่ยวเราตั้งนิดนึงแหนะ อายจังเลย เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาการหนักขึ้นแล้วสิ นายกำลังจะทำฉันเป็นบ้าแล้ว รู้ไหม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD