บัลลังก์เลือดมะกะโท

1092 Words
บัลลังก์เลือดมะกะโท มะกะโทเป็นสามัญชนคนพื้นบ้านธรรมดา ตั้งบ้านเรือนอยู่ในตำบลตะเกา แขวงเมืองเมาะตะมะ ในรามัญประเทศในอดีต ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของประเทศพม่าหรือเมียนมาร์ หนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้เป็นผู้มีบุญวาสนา เพราะประกอบด้วยคุณสมบัติ ๓ ประการคือ ๑.มีรูปร่างดี เป็นที่ชอบพอของคนทั้งปวง ๒.มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด ๓.มีความกตัญญู หลังจากบิดาถึงแก่กรรม มะกะโทได้ประกอบอาชีพค้าขาย เขาเป็นพ่อค้าหนุ่มที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล โดยมีการติดต่อเรื่องการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งหนึ่งเขาคุมลูกค้า ๓๐ คน หาบสินค้าขึ้นไปขายที่เมืองสุโขทัย ครั้นมาถึงใกล้ภูเขา ลูกค้าคนหนึ่งป่วย มะกะโทจึงเข้ารับเอาหาบลูกค้านั้นแทน เมื่อขึ้นไปถึงเชิงเขา เวลานั้นมิใช่ฤดูฝน แต่บังเกิดมีพายุใหญ่พัดอึงคะนึงมา ฟ้าร้องคำรามและสายฝนก็พร่างพรูลงมา สายฟ้าแลบแปลบปลาบ เปรี้ยง ! ผ่าลงมาถูกไม้คานซึ่งมะกะโทหาบหักลงจากบ่า เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! อสนีก็บันดาลผ่าลงมาถูกคานหักถึง ๓ หน จนครั้งสุดท้ายตะกร้าสินค้านั้นตกกระเด็นลงไปในเหว มะกะโทยืนตัวสั่นและตกตะลึง เมื่อตั้งสติได้แล้ว มะกะโทเงยหน้ามองไปทางทิศตะวันออก เห็นแสงอรุโณทัยสาดส่องขึ้นเรื่อเรืองประหนึ่งเป็นเวลาเช้าที่สดใส แล้วหันกลับไปมองทางทิศตะวันตก ฟ้าแลบแล่นแตกกระจายกลายเป็นดอกไม้ไฟ ภาพวิมานสีรุ้งและปราสาทราชมณเทียรปรากฎขึ้นชัดเจน มะกะโทบังเกิดความเชื่อเป็นนิมิตในใจ “เหตุใหญ่ ! มหัศจรรย์ ! แต่น่าแปลกพิลึก ไม่มีใครได้รับอันตราย” พ่อค้าหนุ่มชาวรามัญยกมือประนมไปรอบทิศ พลางรำพึง “ ตัวข้านี้เห็นจะมีวาสนาในภายหน้าเป็นแน่แท้ !” ประกอบกับคำทำนายของโหรคนหนึ่งในเมืองสุโขทัยว่า ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินั้นคือนิมิตหมายที่ดีที่มะกะโทจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในภายภาคหน้า ดังนั้น มะกะโทจึงเลิกทำการค้า เข้าอาสารับราชการอยู่กับพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ด้วยความขยัน อดทน พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง พระร่วงเจ้าชอบพระอัธยาศัย จึงทรงพระกรุณาโปรดตั้งให้เป็น ‘ขุนวัง’ ซึ่งข้าราชการน้อยใหญ่ต่างยำเกรงเป็นอันมาก เมื่อได้รับตำแหน่งและอำนาจ มะกะโทก็เปลี่ยนไป ! ครั้งนั้น พระร่วงเจ้ายกทัพไปปราบข้าศึกที่ชายแดน มะกะโทในนามขุนวังผู้มีอำนาจก็ลอบกระทำสังวาส ‘นางเทพสร้อยสุดาดาว’ พระธิดาพระร่วงเจ้า แต่ด้วยกลัวพระราชอาญาจึงพานางสร้อยสุดาดาวขึ้นช้างพังตัวหนึ่งพร้อมด้วยไพร่พล ๑๗๐ คนออกจากเมืองสุโขทัย หนีกลับไปยังเมืองเมาะตะมะบ้านเกิดเมืองนอน มะกะโทมีกองกำลังทหาร มีทองคำมากมายและมีความเชื่อเป็นของตน เมื่อกระทำการสิ่งใดมักประสบผลสำเร็จ จึงมีผู้คนท้องถิ่นมาสมัครเป็นพรรคพวก จนกลายเป็น ‘ผู้มีบุญ’ คนใหม่ของชาวเมืองเมาะตะมะ ในที่สุดมะกะโทก็วางแผนสำคัญเพื่อทำความเชื่อให้เป็นจริง วางแผนจับเจ้าเมืองฆ่าเสีย แล้วก้าวขึ้นครองเมืองเมาะตะมะ สถาปนาตนเป็นกษัตริย์นามว่า ‘สมิงจาโร’ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว! วิมานในอากาศคราวนั้นยังชัดเจนในความจำ พระเจ้าฟ้ารั่วจึงดำเนินการขั้นต่อไป ทรงสร้างปราสาทประหลาด ผิดวิสัยมนุษย์ทั่วไป เวลาจะเอาเสาเอกลงหลุมปราสาทนั้น ได้ตั้งเสาเอกไว้เหนือหลุม จับผู้หญิงมีครรภ์ใส่ลงในหลุม แล้วก็ตัดเชือกให้เสาเอกนั้นหล่นกระแทกลงไปในหลุม โดยพิธีกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสนองความเชื่อว่าจะช่วยค้ำราชบัลลังก์ให้มั่นคง และเพื่อแสดงว่าผู้มีอำนาจเหนือสามัญชนเท่านั้นจึงสามารถกระทำได้ ผลปรากฏว่าเลือดของหญิงมีครรภ์ผู้น่าสงสารนั้นกระเด็นขึ้นมากลายเป็นงู ๘ ตัว โดยงู ๗ ตัวตายทันทีที่ปากหลุม ส่วนอีกตัวเลื้อยทุรนทุรายไปตายอยู่ห่างปากหลุมออกไปทางทิศตะวันตก หยดเลือดเหล่านั้นนำไปสู่เหตุการณ์วิบากกรรมในเวลาต่อมา หยดที่หนึ่ง พระเจ้าฟ้ารั่วเสวยราชสมบัติในเมืองเมาะตะมะได้ ๒๖ ปี มีโรคเบียดเบียนอย่างทุกข์ทรมานขณะทรงพระชนม์ เมื่อสวรรคต มุขมนตรีทั้งปวงจึงเชิญพระศพเข้าถวายพระเพลิงในปราสาท กวาดเอาพระอัฐิและพระอังคารประมวลเข้าแล้วก่อพระเจดีย์สวมไว้ หยดที่สอง เจ้ามะกะตา น้องชายพระเจ้าฟ้ารั่ว อยู่ในราชสมบัติไม่นานก็ถูกพี่เขยจับฆ่า แล้วตั้งลูกชายของตนคือ พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง ครองเมืองเมาะตะมะ หยดที่สาม พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง ครองเมืองท่ามกลางความยุ่งยาก การแย่งชิงอำนาจจากขุนนางจนสิ้นพระชนม์ หยดที่สี่ เจ้าชี อนุชาเจ้าแสนเมืองมิ่งขึ้นครองเมืองเมาะตะมะได้ ๘ ปี ถูกขุนนาง นามว่า ‘ชีปอน’ ปลงพระชนม์ หยดที่ห้า ชีปอนตั้งตนเป็นกษัตริย์อยู่ได้ ๗ วันก็ถูกอุ้มฆ่าโดยขุนนาง ‘เจตสงคราม’ แล้วยก ‘เจ้าอายกำกอง’โอรสพระเจ้าแสนเมืองมิ่งขึ้นครองราชสมบัติ หยดที่หก เจ้าอายกำกองครองราชสมบัติไม่กี่วันก็ถูกนางจันทรมังคละวางยาพิษสิ้นพระชนม์ หยดที่เจ็ด นางจันทรมังคละยกเจ้าอ้ายลาวสืบราชสมบัติ แต่อยู่ในตำแหน่งนั้นอย่างง่อนแง่น คลอนแคลนเต็มที เพราะขุนนางแตกแยกเป็นหลายก๊กหลายก๊วน หยดที่แปด พระยาอู่ โอรสเจ้าชีครองราชสมบัติ แล้วก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองเมาะตะมะ เมื่อพระยาอู่เสด็จไปคล้องช้าง ให้สมิงพะตะบะอยู่รักษาเมือง ปรากฎว่าสมิงพะตะบะกลับเป็นกบฎ เตรียมศาสตราวุธรักษาหน้าที่บนเชิงเทินไม่ยอมให้พระยาอู่เข้าเมือง จึงเกิดศึกชิงความเป็นใหญ่ขึ้น แต่พระยาอู่เสียเปรียบทุกอย่าง จึงปราชัย เลยต้องกระเด็นจากเมืองเมาะตะมะไปอย่างน่าเวทนาและสิ้นพระชนม์ที่เมืองอื่นด้านทิศตะวันตก สายฟ้าผ่าเปรี้ยง ! บันดาลให้มะกะโทเกิดพลังความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาก้าวไปด้วยความมุ่งมั่นและทำทุกอย่างเหมือนมีอำนาจวิเศษเหนือคนธรรมดาจนกระทั่งประทับนั่งเหนือบัลลังก์ได้สำเร็จ แต่หยดเลือดที่กระเด็นขึ้นจากปากหลุมแห่งอำนาจเถื่อนไม่ใช่นิมิตแห่งความสถาพร แต่มันคือลางร้ายชี้ชะตากรรมบัลลังก์ทองที่มะกะโทได้สถาปนาขึ้น มันได้จบสิ้นลงอย่างน่าเศร้า! ******
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD