#เดย์เจ้าเอย 1
ตอนนี้ฉันยืนงงในดงคณะบริหารตั้งแต่เช้าจนค่ำ สัปดาห์นี้มีกิจกรรมรับน้องทั้งสัปดาห์และฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้หนึ่งวันถ้วน เพราะเอกสารมีปัญหาเลยกลับมาช้า และตอนนี้ก็ยังปรับตัวอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
วันนี้ก็นั่งแท็กซี่มาที่มหาลัยเอง พอจะกลับก็ไม่รู้ว่าควรจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่จากจุดไหน เพื่อนใหม่ฉันก็ลากสังขารกลับไปแล้ว
ต้องขอบคุณคุณลุงที่ให้ฉันเรียนภาษาไทย ทั้งอ่านเขียนและพูด ไม่อย่างนั้นฉันเองก็ไม่อยากจะนึกสภาพตัวเองในวันนี้เลย เป็นคนไทยแต่พูดไทยไม่ได้ เขียนไม่ออก อ่านไม่ได้ ฟังดูมันคงจะตลกมากนะ
เมื่อวานตอนเย็นคุณป้าวิวบอกว่าให้โทรไปหาพี่เดย์วันนี้เดี๋ยวพี่เดย์จะพาไปส่งที่คอนโด แต่ว่าเบอร์ที่ได้มาฉันก็ทำหายไปแล้ว มัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่เดย์ในรอบสิบกว่าปีแต่เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองเลยทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
พูดถึงพี่เดย์ เขาน่ะเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็พี่ชายคนแรกของฉันเลยนะ แม้จะต้องย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศในตอนนั้นแต่ฉันก็ยังจดจำพี่เดย์ไว้ในใจตลอด พอโตขึ้นรู้จักโซเชียลก็สืบเสาะหาโซเชียลพี่เดย์แล้วติดตามไว้ทุกช่องทางยกเว้นไลน์ที่ฉันไม่ได้เพราะไม่มีเบอร์เขา
“อ้าวปีหนึ่ง ทำไมยังไม่กลับครับ” เสียงรุ่นพี่ที่วันนี้ยืนตะโกนอะไรไม่รู้อยู่ข้างหน้าเดินเข้ามาทักฉัน แต่เพราะน้ำเสียงของเขาเลยทำให้ฉันสะดุ้งตกใจจนเพื่อนเขาหัวเราะกันเบา ๆ
“เอ่อ...” จะบอกได้ยังไงล่ะว่าทำเบอร์คนที่จะมารับหาย เอ๊ะ หรือว่าฉันควรจะถามพี่ ๆ เขาว่าถ้าจะเรียกแท็กซี่ฉันควรจะไปเรียกจากตรงไหน
“หนูจะเรียกแท็กซี่ได้จากตรงไหนเหรอคะ?” ถามไปก็ต้องบีบมือตัวเองแน่น รู้สึกกดดันกับสายตาพี่ ๆ ที่มองมาเหลือเกิน
“ฮะ? แท็กซี่เหรอ ล้อเล่นปะเนี่ย” พี่คนหนึ่งถามขึ้นหลังจากที่พวกเขามองหน้ากันเลิกลักไปหมดทุกคน
แต่ยังไม่ทันจะได้ถามหรือตอบอะไรพี่เขา ฉันก็ละความสนใจจากรุ่นพี่มามองที่โทรศัพท์เพราะมันมีสายเรียกเข้าจากเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้
“ขออนุญาตนะคะ สวัสดีค่ะ” ต้นประโยคฉันบอกพี่ ๆ ส่วนท้ายประโยคฉันเอ่ยทักปลายสายที่โทรเข้ามา
(เจ้าเอย?)
“คะ?” อะไรของปลายสายกัน แล้วรู้จักชื่อฉันได้ยังไง
(เจ้าเอยใช่ไหม)
“ใช่ค่ะ คุณคือใคร...”
(อยู่ตรงไหน) เขาไม่รอฟังคำถามฉันเลย ไหนจะรีบถามกลับมานั่นอีก
(ถามว่าอยู่ตรงไหน เร็ว ๆ คนมองแล้วเนี่ย) ปลายสายที่เริ่มจะหงุดหงิดทำให้ฉันบอกจุดที่ตัวเองอยู่ไปทันทีจู่ ๆ สายก็ตัดไป
“อะไรของเขากัน” ฉันก้มหน้าบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“อ้าวพี่สวัสดีครับ มาทำอะไรแถวนี้น่ะ”
“มารับเด็ก แล้วนี่รับน้องเสร็จแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ ๆ พร้อมกับเงาที่คร่อมหัวฉัน แต่พวกเขาช่วยไปคุยกันที่อื่นได้ไหมล่ะ ฉันนั่งอยู่ไม่เห็นหรือไง
“ว้าว เด็กพี่เหรอผมชักจะอยากเจอแล้วสิ”
“เจ้าเอย”
“คะ?” ฉันขานรับเงยหน้ามองหาต้นเสียงทันที
ร่างสูงที่จ้องฉันอยู่ทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ สิบกว่าปีที่ไม่ได้เจอเขา สิบกว่าปีที่ทำได้แค่แอบมองจากรูปในโซเชียลตอนนี้ ตอนนี้ฉันได้เจอเขาแล้วสินะ พี่เดย์
“เฮ้ย! จริงเหรอพี่”
“อือ แล้วนี่ทำอะไรกันทำไมยืนล้อมน้องแบบนี้” ฉันไม่สนใจแล้วว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ในสายตาฉันมีเพียงพี่เดย์เท่านั้น คนที่ฉันคิดถึงและอยากเจอมาตลอดสิบกว่าปี
“ก็น้องถามว่า ว่าอะไรนะมึง”
“จะเรียกแท็กซี่ต้องไปเรียกที่ไหน”
“นั่นแหละพี่ ตกใจเลยอะน้องไปอยู่ไหนมาวะทำไมแบบเรียกแท็กซี่ไม่เป็น ยิ่งตอนนี้มันมีแอพพลิเคชันด้วยนะ พวกผมนี่งงเลยล่ะ”
“เพิ่งมาจากต่างประเทศถึงเมื่อวาน เลยยังสับสนไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง ถ้ายังไงอยู่ที่นี่พี่ก็ฝากดูด้วยนะมีอะไรเกี่ยวกับน้องก็โทรมาไม่ก็ไลน์มาก็ได้”
“ได้ครับพี่ แหมมีแฟนแล้วแบบนี้นี่เองถึงไม่ยอมสานสัมพันธ์กับพี่องุ่นดาวคณะผมอะ”
“พูดเยอะเกินไปแล้ว ถ้าไม่มีอะไรกลับแล้วนะ”
“ครับพี่ สวัสดีครับ”
“อือ ไป ๆ รีบกลับ”
“กลับได้แล้ว” สิ่งที่เขาบอกกับฉันมีแค่นั้น ฉันลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าเป้หยิบสมุดมาถือไว้ ก่อนจะตกใจอีกครั้งเมื่อพี่เดย์ยื่นมือมาดึงกระเป๋าและสมุดไปถือไว้ให้และเดินนำออกจากคณะ ซึ่งฉันได้แต่เดินเร็ว ๆ ตามเขาไปไม่อยากโอ้เอ้กลัวจะต้องหาทางกลับที่พักเองน่ะสิ
“ทำไมไม่โทรหา” พี่เดย์ที่ยืนอยู่ข้างรถเปิดประตูรถรอฉันและเอ่ยถามเสียงเข้มผสมกับความหงุดหงิด
“หนูทำเบอร์หาย” พอตอบไปตรง ๆ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาเฮือกใหญ่