บทที่ 7ตลาดมืด

2122 Words
สหกรณ์อำเภอเป็นแหล่งรวมสินค้าที่ผู้คนมากมายต่างมาเลือกซื้อของ ยิ่งช่วงต้นเดือนมีสินค้าเข้ามาใหม่ก็จะถูกยื้อแย่ง ใครมาเร็วก็ได้ใครมาช้าก็อด แต่ที่นี่ต้องใช้คูปอง ซึ่งหากมีเงินแต่ไม่มีคูปองก็ไม่สามารถซื้อได้อยู่ดี ยกเว้นจะมีเส้นสายหรือรู้จักพนักงานของที่นี่ เฉินเฟิ่นอี้เดินเข้าสหกรณ์พร้อมเฉินตงที่ถือตะกร้าให้ เฉินไห่หลิวต้องการหนังสือและเขามีเงินที่จะซื้อหนังสืออยู่บ้าง ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของเขาและเฉินตง ที่พวกเขาทำงานให้เพื่อนร่วมชั้น และเป็นเงินที่ได้รับจากย่าเฉินวันละสองเฟินต่อวัน ช่วงนี้เป็นช่วงกลางเดือน คนในสหกรณ์จึงมีไม่เยอะมาก และสินค้าต่างๆ ก็ใกล้จะหมดแล้ว เฉินเฟิ่นอี้เดินไปยังโซนเครื่องปรุงตามที่ตาเห็น เครื่องปรุงมีอะไรบ้างเธอก็จับใส่ตะกร้าให้หมด มีทั้งซอสหอย ซีอิ๊ว น้ำปลา ผงปรุงรส น้ำมัน และของอย่างอื่น ซึ่งเธอได้คำนวณไว้แล้วว่าให้พอดีกับคูปอง “พี่สาวสาม เงินเราจะพอเหรอครับ” เฉินตงกระซิบถามเมื่อเห็นของพูนเต็มตะกร้า “พอสิ” นอกจากเครื่องปรุงแล้วเฉินเฟิ่นอี้ยังซื้ออาหารแห้งที่สามารถใช้บำรุงร่างกายกลับไปด้วย เฉินเฟิ่นอี้นำเงินที่ได้รับจากระบบมาด้วย เข้าอำเภอทั้งทีเธอต้องซื้อให้คุ้ม หากมีคนถามก็บอกว่าเป็นเงินเก็บของเธอก็ได้ เฉินเฟิ่นอี้มีเงินเก็บจริงแค่สามหยวนทั้งที่ควรจะมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ “แอปเปิล?” เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เธอต้องการ ชี้นิ้วให้เฉินตงแบกกระสอบแอปเปิลที่ราคาหนึ่งหยวนมีหลายสิบลูก ก่อนจะหันไปอุ้มเอาแตงโมมาสองลูก “ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะครับ” เฉินตงกระซิบ ของที่หยิบใส่ตะกร้าตอนนี้ไม่น้อยเลย เขากลัวว่าเงินที่ย่าเฉินให้มาจะไม่พอ เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้า ระหว่างเดินไปจ่ายเงิน เฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นกระปุกนมผงพอดีจึงหอบมาด้วยสองกระปุก ราคากระปุกละสามหยวน ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้จะนำไปให้เฉินชิงชิงดื่ม “ทั้งหมดเก้าหยวน สี่คูปองค่ะ” พนักงานสหกรณ์คิดเงิน เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าไม่สนใจว่าเฉินตงจะอ้าปากค้าง เธอหยิบตั๋วเงินจำนวนสิบหยวนให้พนักงานสหกรณ์ ไหนๆ เธอก็จะให้เขาพาไปตลาดมืดแล้ว ให้เขารู้อีกสักเรื่องคงไม่เป็นไร “เงินทอนค่ะ” ร้านหนังสืออยู่ถัดจากสหกรณ์ไปไม่ไกล เฉินเฟิ่นอี้จึงเดินไปหาเฉินไห่หลิวที่เลือกหนังสือยังไม่เสร็จ ท่ามกลางความเงียบของเฉินตงที่มองมาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม เฉินไห่หลิวเลือกซื้อหนังสืออยู่บริเวณหน้าร้านหนังสือ เฉินตงจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเฉินเฟิ่นอี้ถึงก่อน จะปากโป้งหรือ ฝันไปเถอะ! “นายยังเลือกไม่เสร็จใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ฝากดูแลของพวกนี้ด้วยนะ ฉันจะไปดูของเพิ่มอีกหน่อย” เฉินเฟิ่นอี้วางของในมือลงบนที่วางของในร้านหนังสือ “ได้ครับ” เฉินไห่หลิวมองอย่างงๆ เมื่อเห็นของเยอะ ทั้งเฉินตงยังมีสีหน้าแปลกๆ อีก “เฉินตงเร็วๆ สิ!” “ครับ!” เฉินตงรีบวางตะกร้าที่เขาแบกมา สองขารีบวิ่งไปหาพี่สาวที่เดินออกไปก่อนแล้ว ไม่มีเวลาให้แม้แต่สอบถาม หลังจากกลับจากอำเภอคงต้องคุยกับเฉินไห่หลิวแล้ว เฉินเฟิ่นอี้หยุดเดินมองซ้ายมองขวาเมื่อเข้ามาอยู่ในซอยเปลี่ยวซอยหนึ่ง ซึ่งมันเป็นซอยตันที่มั่นใจว่าไม่มีคนแอบฟังหรือได้ยินสิ่งที่เธอต้องการพูดแน่ “ฉันต้องการไปตลาดมืด” เธอรีบบอกทันที จากการคาดเดา อีกไม่นานเฉินไห่หลิวก็คงเลือกหนังสือเสร็จ เฉินเฟิ่นอี้ต้องทำเวลาเพราะยังต้องซื้อเนื้อและไข่ด้วย “ไม่ได้!” เฉินตงรีบปฏิเสธพลางมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน ซึ่งสถานที่นี้หากถูกเยาวชนแดงได้ยินจะถูกจับตัวไป หากเขามาเพียงลำพังหรือมาพร้อมเฉินไห่หลิวเขาไปได้ แต่กับเฉินเฟิ่นอี้เขาพาไปไม่ได้จริงๆ “เฉินตงนายคงเห็นแล้วว่าฉันมีเงิน ฉันจำเป็นต้องไปที่ตลาดมืดจริงๆ” อย่างน้อยขายคูปองหนึ่งใบเธอคงได้ไม่ต่ำกว่าสองหยวน หรืออาจได้มากกว่านั้นพร้อมแต้มคะแนนที่สูง “พี่จะไปทำอะไร” เฉินตงถาม สินค้าในตลาดมืดแพงมาก ซึ่งพวกเขาไม่มีปัญญาซื้อแน่ๆ “ขายคูปอง” เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจและนึกข้ออ้างออกแล้วว่าทำไมถึงมีคูปองและเงินมากขนาดนี้ เธอจะบอกว่าหมิงหลานฮุ่ยเคยให้เธอเมื่อนานมาแล้วทุกคนจะได้ไม่สงสัย อย่าลืมสิบ้านของเขามีฐานะ ของแค่นี้จะให้ได้ก็ไม่แปลก “ขายคูปอง!” “เฉินตง!” เฉินเฟิ่นอี้รีบใช้มือปิดปากเฉินตงที่โพล่งออกมาอย่างลืมตัว โชคดีที่เธอพาเขาเดินออกมาตั้งไกล ไม่อย่างนั้นคงได้ยินกันหมดแล้ว “ฉันจำเป็นจริงๆ คูปองนี้เป็นของหมิงหลานฮุ่ยที่เคยให้มา ฉันจึงต้องการขาย” “ได้ ตามผมมา” อ้าว ง่ายๆ แบบนี้? เฉินเฟิ่นอี้มองตามเฉินตงที่เดินนำไปอย่างปวดหัว เธอมีข้ออ้างดีๆ ไม่ยอมพาไป แต่พอบอกว่าเป็นของใครกลับรีบเดินนำไปอย่างเร็ว โชคดีที่พวกเธอนำหมวกไม้ไผ่สานมาด้วย ทำให้ไม่เสียเวลาหาสิ่งปิดใบหน้า อย่างที่รู้ๆ กันว่าตลาดมืดคือสถานที่ผิดกฎหมาย ผู้คนที่เข้าไปต่างใช้ของปิดบังใบหน้าและทำตัวกลมกลืนให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันจะจริงหรือไม่จริงอันนี้เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่รู้ เธอเคยอ่านนิยายมันบอกแบบนั้น และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมา “สายลมหวนผ่านสองวสันต์” เฉินตงอยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นหน้าประตูไม้ในบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่มันจะถูกเปิดออก เฉินตงรีบกระชากมือเฉินเฟิ่นอี้เข้าไปด้านในและประตูก็ปิดลง เฉินเฟิ่นอี้มองสำรวจด้านในที่ทรุดโทรมเหมือนกับไม่มีคนอยู่ แต่ด้านหน้าของพวกเธอมีผู้ชายใส่หน้ากากนั่งอยู่กลางบ้าน ก่อนที่จะชี้ไปยังประตูอีกบานที่อยู่ด้านใน “ขอบใจ” ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่เฉินตงจะก้มลงดึงอะไรบางอย่างที่หน้าประตู เขาเปิดมันออกอย่างคุ้นเคยและปรากฏทางเดินบันไดที่ลงไปยังใต้ดิน เฉินเฟิ่นอี้ตาโตและรีบก้าวเดินตามเขาไปอย่างเร่งรีบ สองมือกำกระเป๋าผ้าไว้แน่น “ระวังตัวด้วย” ไม่นานเฉินตงก็หยุดลงที่ประตูบานหนึ่งและหันมาบอกเฉินเฟิ่นอี้ที่เดินตามหลัง เธอรีบพยักหน้าทันที เขาจึงเปิดประตูออกไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ามันเกินความคาดหมายของเธอไปมาก ที่เคยอ่านมานักเขียนจะบอกว่ามันมืดและเงียบมาก แต่ตรงหน้าของเธอนั้นมีแสงไฟสว่างตลอดเส้นทาง มีผู้คนเดินผ่านไปมาและเสียงพูดคุยก็ไม่เบาเลย เหมือนตลาดในชีวิตก่อนชัดๆ ‘มาจ้า ไข่งามๆ ทางนี้จ้า’ ‘ตรงนี้มีผักสวยๆ จ้ะ’ ‘ทางนี้มีเนื้อหมูนะ เร็วหน่อยๆ ใกล้หมดแล้ว’ ‘ข้ามีหนังสือใหม่มาขาย’ “เฉินตงนายพาฉันมาถูกที่แน่นะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามย้ำเฉินตงที่แวะดูหนังสือ “ถูกแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้มองเฉินตงที่สนใจหนังสือจึงกระซิบบอกว่าเดี๋ยวเธอกลับมาให้รอตรงนี้ เธอจะขายคูปองเนื้อไปด้วยหากเฉินตงไปด้วยคงไม่ดีแน่ๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงลอยพ่อค้าแม่ค้า ทุกคนปิดบังใบหน้าทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้น่ากลัว อีกอย่างยังมีแสงไฟส่องสว่างทั้งบริเวณ เฉินเฟิ่นอี้สาวเท้าไปตามทางเรื่อยๆ เธอต้องการคนที่อยากได้คูปองเพราะจะได้เงินเยอะกว่าหาคนแลก “พี่สาวๆ ต้องการคูปองไหมคะ” เฉินเฟิ่นอี้ร้องถามผู้หญิงในผ้าคลุมที่เมื่อครู่ได้ยินว่าต้องการคูปอง แต่ด้วยระยะทางที่ยืนอยู่เธอไม่ได้ยินว่าหล่อนต้องการคูปองอะไร “เธอมีหรือเปล่าล่ะ” พี่สาวที่เฉินเฟิ่นอี้เลือกหันมาถาม เฉินเฟิ่นอี้สำรวจดูครู่หนึ่งก็เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าอวบอิ่มมาก ต้องเป็นคนมีเงินแน่ๆ “ฉันมีค่ะ แต่ไม่รู้ว่าพี่สาวต้องการคูปองอะไร” เฉินเฟิ่นอี้มีคูปองเนื้อสองชั่งห้าใบ คูปองอุตสาหกรรมสิบใบ คูปองอาหารเหลือสามใบ และยังมีอีกหลายคูปองที่ลืมไปแล้ว ทั้งหมดเป็นคูปองไม่จำกัดระยะเวลาใช้ “ฉันต้องการคูปองอุตสากรรมสองใบ แต่หามาหลายวันแล้วก็ยังไม่มี” หล่อนว่าน้ำเสียงอ่อนล้า ไม่แปลกที่จะไม่มีคนขายหรือแลก เพราะคูปองอุตสาหกรรมหายากจริงๆ ในบ้านเฉินคงมีไม่ถึงห้าใบ เพราะบางครั้งก็นำไปซื้อของ อย่างหม้อที่ย่าเฉินตัดสินใจซื้อ ใช้คูปองไปถึงสามใบเลยทีเดียว “ฉันมีค่ะ ฉันมี” เฉินเฟิ่นอี้ลอบยิ้ม โชคเข้าข้างเธอแล้วจริงๆ ที่มาถามถูกคน กระเป๋าผ้าถูกเปิดออกก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปค้นหา เฉินเฟิ่นอี้หยิบคูปองออกมาสองใบ ที่เหลือเก็บไว้หากต้องการใช้หรือมาขายวันอื่น “เธอจะขายเท่าไหร่! ฉันให้ใบละสิบหยวน เอ๊ะ น้อยไปหรือไม่ ฉันให้ใบละยี่สิบหยวนก็แล้วกัน ขายให้ฉันเถอะนะ” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง คูปองอุตสาหกรรมเป็นคูปองที่บ้านของหล่อนต้องการใช้ เฉินเฟิ่นอี้ยืนนิ่งเมื่อได้ยินราคาของคูปอง เธอคิดไว้ว่าคงไม่เกินห้าหยวน แต่อีกฝ่ายกลับให้ราคาถึงใบละยี่สิบหยวน! ซึ่งหากเธอขายไปก็จะได้รับเงินจำนวนสี่สิบหยวน “ตกลง” ไม่รอช้าเฉินเฟิ่นอี้ตกลงที่จะขายทันที เมื่อตกลงราคาและแลกกันแล้วเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินออกจากตรงนั้น รีบสาวเท้ากลับไปหาเฉินตงที่ยืนรออยู่อย่างเร่งรีบ ขายแค่นี้ก็พอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเอาของออกมาขายอีก ทั้งกระเป๋าผ้าเสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงมาก “เสร็จแล้วเหรอครับ” เฉินตงที่ยืนรออยู่ถาม “อืม แล้วนายล่ะ ไม่เอาหนังสือเหรอ” เพราะก่อนที่เธอจะไป เฉินเฟิ่นอี้เห็นเขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยความอยากได้ จึงแปลกใจที่เขาไม่ซื้อ “ไม่เอาครับ เฉินไห่หลิวคงซื้อแล้ว” “อ้อ ไปกันเถอะ” เฉินเฟิ่นอี้เดินนำหน้าเฉินตง เหมือนว่าแถวๆ นี้จะมีแผงไข่อยู่ เธอจะลองเอาคูปองเนื้อมาแลกดู ไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือเปล่า แต่ถ้าไม่รับก็จะไปซื้อข้างนอกเอา เดินไม่ไกลทั้งสองก็เจอกับร้านไข่ไก่ที่ตั้งแผงขายอยู่ “คุณรับแลกคูปองหรือเปล่าคะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามพ่อค้าที่นั่งอยู่ “คูปองอะไรล่ะ ผมรับแค่คูปองเนื้อและคูปองอุตสาหกรรม” พ่อค้าไข่ถามกลับ “คูปองเนื้อสองชั่ง” “รับ! ผมรับครับ คูปองหนึ่งใบ ผมให้ไข่ไก่ห้าชั่ง” “ตกลง ฉันมีสองใบค่ะ” เฉินเฟิ่นอี้ใช้เวลาที่พ่อค้าเตรียมไข่ไก่ยื่นคูปองให้เฉินตงจัดการ ส่วนเธอลืมซื้อของบางอย่างจึงจะกลับไปดูหน่อย ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเฉินเฟิ่นอี้ก็กลับมาหาน้องชายที่ยืนถือไขไก่สิบชั่ง “ครบแล้ว ไปซื้อเนื้อกันเถอะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD