ตอนที่6 โฉมงามผู้แสนงอน
เรือนพักของเจ้าหลิงเอ๋อถูกปลูกสร้างอยู่ด้านหลังสำนักโคมเขียว ใหญ่โตโอ่อ่าไม่ผิดกับจวนเจ้าเมือง ลานด้านหน้าห้องพักตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้นาชนิด ถัดไปเป็นศาลากลางน้ำ มีน้ำตกจำลองตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนัก ต้นไม้น้อยใหญ่ล้วนได้รับการดูแลอย่างดี ผิวน้ำสงบนิ่งใสกระจ่างจนเห็นเงาดวงจันทร์สีเหลืองนวลตกกระทบประหนึ่งคันฉ่อง ฉับพลันเงาดวงจันทร์ก็ถูกบดบังจากเงาดำบางอย่างซึ่งเคลื่อนไหวผ่านรวดเร็ว บุรุษผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นยืนเด่นอยู่กลางศาลา
ประตูหน้าต่างถูกเปิดออกในเวลาต่อมาเสมือนเจ้าของเรือนรับรู้การมาของเขา
“ไม่คิดว่าแม่ทัพใหญ่เล่งฮู้ชงบัดนี้จะเป็นแมวขโมยเที่ยวย่องเข้าเรือนผู้อื่นในยามวิกาล”
“เข้าเพียงมาเยี่ยมเยือนถามข่าว”
แม่ทัพใหญ่ไม่ต่อปากต่อคำเขาถามนางกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หึ ข้าจะสบายดีหรือไม่เกรงว่าคงไม่ใช่ธุระสำคัญของท่านแม่ทัพใหญ่เสียกระมังเจ้าคะ”
ชายหนุ่มถอนใจ หากเจ้าหลิงเอ๋ออยู่ใกล้สักนิดนางจะเห็นมุมปากของเขายกเป็นเส้นโค้ง
“ไม่ได้พบกันหลายปีไม่คิดว่าเจ้าก็ยังมีนิสัยทารกเช่นเดิม”
สิ้นคำพูดของชายหนุ่มประตูห้องคล้ายถูกกระชากออก ปิ่นปักผมสีเงินวาบวับพุ่งตรงมายังร่างของเขาเป้าหมายคือจุดตายบริเวฯศีรษะ เล่งฮู้ชงหาได้ตื่นตะหนกไม่เขาขยับปลายเท้าเพียงเล็กน้อยก็สามารถเบี่ยงกายหลบพ้นภัยอย่างง่ายดาย
“เจ้าเด็กร้ายกาจ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงเอ็นดู เจ้าหลิงเอ๋อรูปโฉมงดงามทว่านางอารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจพอๆ กับความงามของนาง ข้อนี้แม่ทัพใหญ่ย่อมรู้ดี
“น้องสาวประเภทใดกันต้อนรับพี่ชายที่เดินทางข้ามน้ำฝ่าทะเลทรายมาเยี่ยมหาเยี่ยงนี้”
“ท่านแม่ทัพ ท่านคงกรำศึกหนักจนสติเลอะเลือนแล้วกระมัง ข้าแซ่เจ้าส่วนท่านแซ่เล่งไหนเลยจะเป็นพี่น้องกันได้”
เล่งฮู้ชงเอ๋ย… นับวันเจ้ายิ่งหาทางกำหราบนางได้ยากเย็นนัก
“คราวหน้าอย่ามาเรียกข้าว่านิสัยทารกอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
ร่างอรชรเดินพ้นธรณีประตูตรงมายังเขา อาภรณ์สีแดงสดเนื้อดีตัดเย็บประณีตพอดีตัวแนบลู่อวดทรวดทรงแห่งวัยสาวสะคราญเป็นที่ประจักษ์ชัดว่านางไม่ได้เป็นทารกเช่นเขาใส่ความอีกต่อไปแล้ว มิเพียงเท่านั้นยังนับว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง
“เจ้าโตเพียงแต่ร่างกาย”
เล่งฮู้ชงเอ่ยในสิ่งที่ตรงกับข้ามกับความคิดตนเองไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนางก็ดูเป็นเด็กน้อยสำหรับเขา
‘แต่ท่านดูซูบผอมไปมาก’
ในใจของเจ้าหลิงเอ๋อรำพึงรำพัน ความจริงนางกับเขาไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลานานควรจะหันหน้าพูดคุยสอบถามทุกข์สุขกันประสาพี่น้อง แต่นี้กลับเป็นไปในทางตรงข้าม
พี่น้องซะที่ไหน!
ห้าปีก่อนหน้า…
เดิมทีตระกูลเจ้าของนางเป็นขุนนางฝ่ายปรกครองอยู่หัวเมืองตะวันออก เนื่องด้วยเป็นขุนนางเก่าแก่ของราชวงศ์เดิมพอมีการผลัดเปลี่ยนอำนาจครอบครัวของนางก็ตกที่นั่งลำบาก บิดาตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางหลบหนีออกจากเมืองหวังรักษาชีวิตคนในตระกูล จากการกวาดล้างของฮ่องเต้
แต่ฟ้าดินกลับไร้ปราณีระหว่างทางขบวนรถม้าตระกูลเจ้าถูกโจรผ้าแดงเข้าปล้น พวกมันฆ่าฟันผู้คนอย่างโหดเหี้ยม กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเสียงร้องระดมอย่างน่าเวทนาดังก้องป่า ระหว่างเส้นกั้นแห่งความเป็นตายนั่นเองชายผู้หนึ่งในชุดเกราะนักรบควบอาชาสีขาวพ่วงพีเข้ามาขัดขวาง ท่วงท่าของเขางามสง่าไม่ต่างจากเทพเจ้าแห่งสงคราม ปราณสังหารแผ่รุนแรงทุกครั้งที่ทวนด้ามยาวในมือสะบัดออกล้วนต้องมีโจรร้ายสังเวยชีวิต
แม่ทัพเล่งฮู้ชงคว้าตัวนางโยนขึ้นหลังม้าระหว่างที่จัดการต่อตีกับพวกโจรผ้าแดงจนพวกมันล้มตายมากมาย ที่เหลือรอดก็หนีหัวซุกหัวซุนเข้าป่า น่าเสียดายนักที่สวรรค์ส่งเขามาช้าเกินไปบิดามารดาของนางล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ขณะนั้นนางอายุเพียงสิบสองปีเท่านั้น
โศกนาฏกรรมเมื่อห้าปีก่อน ใช่เพียงเปลี่ยนชะตะของเจ้าหลิงเอ๋อไปตลอดกาลเล่งฮู้ชงเองก็ไม่ต่างกัน
เจ้าหลิงเอ๋อเห็นเขาดั่งเทพเจ้านางทั้งเคารพบูชาและหลงรัก… แต่แรกนั้นนางคิดเพียงว่าคงเป็นความรักประสาเด็ก หากวันเวลาผ่านไปความรู้สึกในใจนางยังคงหนักแน่นดุจหินผา