“อ๊า...” หิรัญครางเสียงสั่นพร่ายามที่โดนกายสาวโอบรัดจนแทบแตกในร่างเธอ เขาชอบกลิ่นกายหอมๆ ที่เสียดสีอยู่กับจมูกยามที่เธอโยกกายไปมา ชอบกลิ่นผมจากแชมพูกลิ่นหอมกรุ่นที่สะบัดไปมายามที่เธอเคลื่อนไหว มือหนาเลื่อนขึ้นไปลูบไล้แผ่นหลังของเธอบางเบา โอบอุ้มเธอไปที่เตียงนอนกว้างแล้วเสียงครางของจันทร์เจ้าก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
“หอมจัง ทำอะไรให้อากินเหรอครับ” อ้อมแขนของหิรัญเข้าสวมกอดมาจากทางด้านหลัง หอมแก้มสาวแรงๆ เมื่อเธอลุกขึ้นมาทำอาหารให้เขารับประทาน
“ทำของโปรดของคุณอาค่ะ”
“ของโปรดของอาเหรอ”
“อาหินชอบกินข้าวซอยไม่ใช่เหรอคะ”
“รู้ได้ยังไงว่าอาชอบกิน”
“จันทร์เจ้ารู้ก็แล้วกันค่ะ” เธอก็แอบชอบเขามานานแล้ว เลยรู้ว่าเขาชอบรับประทานอะไร แต่เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของหัสดิน เลยได้แต่เก็บความในใจเอาไว้อย่างมิดชิด ไม่คิดเหมือนกันว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ เธอเลยไม่ปฏิเสธหากการแต่งงานจะเกิดขึ้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ารัศมีแขก็แอบรักหิรัญมานานแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ปรารถนารัศมีแข เธอจึงได้แต่เอ่ยขอโทษพี่สาวลูกพี่ลูกน้องในใจเพราะความรักของคนเรามันบังคับกันไม่ได้
“งั้นจะรอกินนะครับ”
“ผมก็รอกินด้วยคน” เสียงของหัสดินดังขึ้น ทำให้หิรัญต้องปล่อยร่างของจันทร์เจ้าออกจากอ้อมแขนอย่างแสนเสียดาย อุตส่าห์ไล่สาวใช้ให้ไปหาอะไรทำที่อื่น ยังมีมารอีกตัวที่เขาอยากจะไล่เตะแล้วโยนไปหน้าบ้านนัก
“นึกว่าไปแล้ว”
“ไปไหนครับ” คนถามกลับทำหน้างง
“ไปที่ชอบที่ชอบไง”
“โหย... อาหินน่ะ ผมจะไปตามหาฝันด้วยการท่องโลกกว้างครับไม่ใช่ไปที่ชอบที่ชอบ” หัสดินยิ้มกว้างให้ผู้เป็นอา ก่อนจะเหลือบไปมองคนที่ทำอาหารอย่างตั้งใจแล้วเอ่ยถาม
“จันทร์เจ้าทำอะไรให้พี่กินครับ”
“ไอ้นี่!”
“คนแก่แถวนี้ขี้หึงชะมัดเลยครับจันทร์เจ้า พี่ถามนิดถามหน่อย โดนมองแรงมาก” หัสดินยังแหย่ผู้เป็นอา
“ยังอีก”
“ทำข้าวซอยค่ะ” จันทร์เจ้าเอ่ยตอบหัสดิน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำข้าวซอยให้เสร็จโดยไว
“ของโปรดเลย”
“แกชอบกินข้าวซอยตั้งแต่ตอนไหน” หิรัญเอ่ยถามหลานชาย
“หมายถึงของโปรดอาหินไงครับ ชอบไม่ใช่เหรอครับข้าวซอย ว่าที่อาสะใภ้ของผมนี่รู้ใจอาหินจริงๆ เลยนะ” ประโยคถัดมาทำให้หิรัญรู้ว่าโดนหลานชายยียวนเข้าอีกแล้ว
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ไม่อยากเป็น กอ ขอ คอ งอ ฉอ”
“จะไปไหนก็ไปเลย” หิรัญไล่ส่ง
“รีบไล่ผมเลยนะครับ อยากอยู่กับเมียสองต่อสองเหรอ”
“ไอ้นี่”
“แล้วคนใช้ล่ะครับ หายไปไหนกันหมด อย่าบอกนะว่าโดนอาหินไล่ไปหมดแล้ว”
“รู้ดี” ได้ยินสองอาหลานหยอกล้อกันทำให้จันทร์เจ้าเผลอยิ้ม
“กินอะไรเสร็จเดี๋ยวอาพาไปเที่ยวในไร่” หิรัญหันไปคุยกับสาวน้อยที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
“ค่ะ” เธอรับคำ มองสบตาของหิรัญอย่างขัดเขิน ก่อนจะรับประทานข้าวซอยกับเขาอย่างมีความสุข การได้ออกไปเที่ยวในไร่แสงตะวันด้วยการขี่ม้าทำให้เธอตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
หิรัญควบม้าไปเรื่อยๆ พาเธอเที่ยวชมไปทั่วไร่องุ่นกว้างขวาง ก่อนที่เขาจะพาเธอไปเล่นน้ำตกแล้วพากลับบ้าน
“พ่อเลี้ยงคะ มีแขกมารอพบค่ะ” วิไลเข้ามารายงาน ก่อนที่เสียงแสบแก้วหูของรัศมีแขจะดังขึ้น
“พ่อเลี้ยงคะ” หล่อนปรี่เข้ามากอดแขนของหิรัญแล้วซบหน้าที่ไหล่กว้างทันที
“ปล่อยผมก่อนครับคุณแข” หิรัญปลดมือรัศมีแขออกอย่างสุภาพ ทำเอาหญิงสาวมีอาการกระเง้ากระงอดไม่น้อย
“คุณแขมีอะไรครับ”
“แขทะเลาะกับคุณแม่น่ะค่ะ แขไม่อยากอยู่บ้านเลยจะมาขออยู่ที่นี่” เหตุผลของหล่อนฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด
“ได้ไหมคะ มาอยู่เป็นเพื่อนยายจันทร์เจ้า ช่วยเตรียมงาน ช่วยแต่งตัวก็ได้” เพราะอีกไม่กี่วันจะแต่งงานกัน รัศมีแขเลยหาข้ออ้างมาป่วนงาน
“ได้ไหมจันทร์เจ้าหรือเธอรังเกียจพี่”
“ไม่ใช่นะคะ แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของจันทร์เจ้า คงต้องถามอาหินน่ะค่ะ” รัศมีแขรู้สึกอิจฉาจันทร์เจ้าจับใจที่มีสิทธิ์เรียกหิรัญว่าอาอย่างสนิทสนมในขณะที่เธอ เขาไม่อนุญาตให้เรียกอะไรนอกจากคำว่าพ่อเลี้ยงเหมือนคนอื่นๆ ที่เรียกขานกัน
“พี่ไม่มีที่ไป พี่ขออยู่ด้วยคนนะ” รัศมีแขตรงเข้าจับไม้จับมือเอ่ยกับน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง ท่าทีของหล่อนทำให้จันทร์เจ้าพูดไม่ออกเพราะเธอไม่ใช่เจ้าของบ้าน
“นะคะพ่อเลี้ยง”
“ครับ” หิรัญยอมตกลงเพราะจะไล่ไปก็มืดค่ำแล้ว อีกทั้งยังเห็นว่าจันทร์เจ้าเองก็ลำบากใจ เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีหรือโดนต่อว่าจึงเอ่ยอนุญาต
หิรัญวางสายแล้วถอนใจ วารีบอกว่าทะเลาะกับ รัศมีแขยกใหญ่ อีกฝ่ายเลยหนีออกจากบ้านมา พอรู้ว่ามาอยู่กับเขาก็โล่งใจ น้ำเสียงของปลายสายไม่ได้รับรู้ว่า รัศมีแขหนีมาอยู่กับเขาหรือได้วางแผนอะไรกันเอาไว้ก่อน เขาจึงไม่ได้ตำหนิอีกฝ่าย
เขาเพิ่งตระหนักว่าการใช้เงินแก้ปัญหาไม่ใช่ทางออกของปัญหาในทุกๆ เรื่อง เพราะถึงวารีไม่มายุ่งกับเขาและจันทร์เจ้า รัศมีแขก็ไม่ได้เชื่อฟังมารดาอย่างที่เขาเข้าใจ
“ห้องพออยู่ได้ไหมคะคุณพี่แข” จันทร์เจ้าเอ่ยถามพี่สาวลูกพี่ลูกน้องเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินสำรวจห้องไปมาก่อนจะหันมามองเธอตาขวาง ทำให้จันทร์เจ้าต้องถอยหนีแทบจะทันที
“แกถามฉันเหมือนแกเป็นเจ้าของบ้านเลยนะ เป็นไงล่ะ แกได้เขาไปแล้วคงสุขสบายดีสินะ จับผู้ชายอายุเยอะกว่าหลอกล่อเขาด้วยความสาวความสวย”
“จันทร์เจ้าเปล่านะคะ”
“แกอย่ามาตอแหลนังหน้าด้าน ถ้าแกไม่ยั่วเขามีหรือที่พ่อเลี้ยงจะจับแกทำเมีย ที่เขารับผิดชอบแกก็เพราะว่าต้องตกกระไดพลอยโจน แกจำใส่กะโหลกกลวงๆ ของแกเอาไว้เสียด้วย” คนพูดปรี่เข้ามาจิ้มหน้าผากของจันทร์เจ้าจนหน้าหงาย
“ที่เขาคอยช่วยเหลือครอบครัวเราก็เพราะว่าเขารักฉัน แต่ดันไปพลาดท่าเสียทีแกเสียก่อนเขาเลยต้องรับผิดชอบ แกสำนึกเอาไว้ด้วยว่าแกเป็นแค่ยายเด็กขี้เหร่ที่เป็นคู่หมั้นของหลานชายเขาเท่านั้น อย่าสะเออะคิดจะมาเป็นเมียที่เขายกย่องเชิดหน้าชูตา”
“คุณพี่แข” จันทร์เจ้าครางออกมา ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดแรงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก็เคยรับอารมณ์ของรัศมีแขมาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกำลังโกรธเธอมากจริงๆ
“แกเป็นแค่เด็กกำพร้าที่พ่อแม่ตาย แล้วพ่อแม่ของฉันเลี้ยงดูเอาไว้เท่านั้น ถ้าไม่มีครอบครัวของฉัน แกก็กลายเป็นโสเภณีไปแล้ว อย่าเผยอขึ้นมาเทียบกับฉัน จำเอาไว้” รัศมีแขบีบแขนของจันทร์เจ้าจนเจ็บ
“จันทร์เจ้าไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ”
“แกไม่คิดแล้วแกทำทำไม”
“คือจันทร์เจ้า” เธอจะตอบได้อย่างไรกันว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบที่เธอเองก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน
“แกก็รู้ว่าฉันรักพ่อเลี้ยง รักมานานแล้ว แกก็ยังหน้าด้านจะแย่ง ถ้าแกไม่ได้คิดจะแย่งเขาไปจากฉัน แกก็ต้องช่วยฉัน”
“จันทร์เจ้า” จันทร์เจ้าอึกๆ อักๆ
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าแกก็ดีแต่ปาก แกอยากได้เขาจนตัวสั่นแม้แต่เนรคุณฉันเนรคุณแม่เนรคุณพ่อฉันได้ลงคอ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณพี่แข”
“แล้วยังไง แกไปยั่วเขาจนได้เสียกับเขา ถ้าฉันกับเขาได้อยู่ด้วยกัน ยังไงเขาก็ต้องเอาฉันเหมือนกัน เขาไม่ได้รักแกหรอก เอามีอะไรกับแกเพราะความใคร่เท่านั้น” รัศมีแขท้าทาย
“แล้วคุณพี่แขจะให้จันทร์เจ้าทำยังไงล่ะคะ” นั่นสิรัศมีแขพูดก็มีส่วนถูก เธอไปนอนอยู่ในห้องของหิรัญ เขาเลยได้เสียกับเธอ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน
“แกก็เปิดโอกาสให้ฉันได้อยู่กับเขาสิ” มันเป็นประโยคคล้ายกับว่ารัศมีแขต้องการให้เธอยกสามีให้หล่อน จันทร์เจ้าถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก
“หรือแกไม่กล้า เพราะแกก็รู้ว่าเขาน่ะไม่ได้รักแก แกไปนอนอ้าแขนอ้าขาเขาก็เลยเอา ถ้าเป็นฉันหรือผู้หญิงคนอื่นเขาก็เอา” รัศมีแขเหยียดปาก