“แล้วน้องชายของพี่แก้ม ใช่โปรด ปาณัฐที่กำลังดังอยู่หรือเปล่าคะ” เสียงหวานใสทักท้วง ทำให้ปัณณิการีบหันไปพยักหน้าหงึกหงัก
“ตาดีเหมือนกันนะนารา นายโปรดเขาอุตส่าห์ใส่แว่นปลอมตัวขนาดนั้น”
“แหม หล่อแรงเบอร์นั้น ใครจะจำไม่ได้ล่ะคะ แต่ว่าพี่โปรดกับพี่แก้มหน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะคะ นาราเลยเข้าใจผิดไปตั้งนาน คิดว่าพี่แก้มกับพี่โปรดเป็นแฟนกัน”
“โปรดเขาหน้าเหมือนพ่อน่ะ”
“แสดงว่าพี่แก้มต้องหน้าเหมือนแม่แน่ ๆ เลย”
“พี่ก็หน้าเหมือนพ่อ คือนายโปรดกับพี่ไม่ได้มีพ่อคนเดียวกันน่ะนารา” ปัณณิการู้สึกหน้าชา เธอไม่เคยเห็นหน้าบิดาผู้ให้กำเนิดเลยไม่รู้ว่าตัวเองเหมือนจริง ๆ หรือแค่คำด่าประชดประชันของแม่
“งั้นไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า พ่อเลี้ยงพี่แก้มต้องใจร้ายมากแน่ ๆ เลย พี่แก้มถึงได้ทำหน้าเศร้าแบบนี้” นารายู่หน้า ไม่อยากเห็นคุณครูคนสวยของเธอเศร้า
“ไปกันใหญ่แล้วนารา พ่อคุณใจดีมาก แถมไม่เคยดุพี่เลยสักคำ ยิ่งเวลาพี่ถูกแม่ตีนะ พ่อคุณจะรีบมาทำให้แม่ใจเย็นและอารมณ์ดี แล้วพอแม่มีความสุข คนในบ้านก็พลอยมีความสุขไปด้วย นายโปรดเองก็ได้นิสัยพ่อคุณมาเยอะมาก เอะอะก็กางแขนปกป้อง ทำอย่างกับพี่เป็นน้องสาว แล้วตัวเองเป็นพี่ชาย” ปัณณิกาหัวเราะอารมณ์ดี เธอเคยแซวปาณัฐว่าควรจะเปลี่ยนชื่อเป็นปกป้อง เพราะน้องชายคนนี้คอยดูแลกันไม่ห่าง แถมยังทำงานส่งเงินให้ใช้จนเธอเกรงใจ
“พ่อของพี่โปรดใจดีกับพี่แก้มจริง ๆ เหรอคะ”
“มากเลยแหละ ดีกว่าพ่อแท้ ๆ ของพี่ด้วยซ้ำ พี่จะบอกความลับให้นะนารา พี่น่ะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตัวเอง เลยไปขอแบ่งพ่อคุณมาจากนายโปรดยังไงล่ะ”
“แปลว่าพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงไม่ได้ใจร้ายทุกคนสินะคะ”
“ทำไมนาราถึงถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็คุณพ่อของนาราน่ะสิคะพี่แก้ม ตอนแรกนาราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอพี่แก้มบอกว่าพ่อคุณของพี่โปรดทำให้แม่พี่แก้มมีความสุข นาราก็เลยคิดว่าถ้าคุณพ่อมีแฟนใหม่ก็น่าจะมีความสุขมากเหมือนกัน”
“มันก็ต้องแล้วแต่คุณพ่อของนาราด้วยว่าอยากจะมีแฟนใหม่ไหม แต่พี่มั่นใจนะว่าต่อคุณพ่อของนารามีแฟนหรือไม่มี คุณพ่อก็ต้องเลือกนารามาเป็นอันดับแรก ทีนี้ก็เหลือแค่นารานี่แหละที่ต้องเปิดใจ ปล่อยให้คุณพ่อได้มีคนคอยดูแลบ้าง”
“นาราก็ว่าอย่างนั้นล่ะพี่แก้ม คราวนี้ถ้าคุณพ่ออยากมีแฟน นาราจะลองเปิดใจดู แต่จริง ๆ แล้วนาราอยากให้พี่แก้มเป็นแฟนคุณพ่อนะคะ พี่แก้มใจดีแถมสวยด้วยอีกต่างหาก คุณพ่อจะต้องชอบพี่แก้มแน่ ๆ”
“ไม่ไหวมั้งนารา” ปัณณิกาหัวเราะเบา ๆ เธอไม่ใช่สาวหวานแสนดีอีกแล้ว คงไม่เหมาะที่จะคบหากับคนมีระดับอย่างคุณพ่อของนารา
“แหมพี่แก้ม คุณพ่อนาราอายุแค่สามสิบปลาย ๆ แต่หล่อกระชากใจสาว กร้าวใจคนมองสุด ๆ นี่ถ้านาราไม่รักพี่แก้ม นาราไม่มีทางแบ่งคุณพ่อให้พี่แก้มหรอกนะคะ”
“แก่แดดใหญ่แล้วเรา” ปัณณิกาผุดลุกจากเก้าอี้ในสวนหลังบ้านเพราะแท็กซี่ที่เรียกไว้ใกล้จะมาถึงแล้ว
“พี่แก้มก็… ว่าแต่ถ้านาราสอบได้คะแนนดี พี่แก้มขอลายเซ็นพี่โปรดมาให้หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ แต่นาราต้องตั้งใจเรียนนะ ไม่งั้นพี่ไม่ให้จริง ๆ ด้วย” พอปัณณิกาขึ้นรถได้ก็ถึงกับหมดแรง มือเรียวรีบเปิดกระเป๋าใบเล็กก่อนจะกินยาลดไข้ ตามด้วยน้ำเปล่าอึกใหญ่
คนขับรถแท็กซี่ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ส่งปัณณิกาถึงคอนโดมิเนียมหรู เธอแวะที่ตู้อัตโนมัติเพื่อกดซื้ออาหารรองท้องอย่างง่าย ๆ เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีแรงทำอะไรกินด้วยตัวเองแล้ว
“ไม่น่าฝืนตัวเองเลย” ปัณณิกาบ่นพึมพำ เธอตระหนักได้แล้วว่าไม่ควรออกไปสอนหนังสือนอกบ้าน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ฟื้นตัวดี แต่แม้ร่างกายจะร้องขอการพักผ่อน ทว่าจิตใต้สำนึกกลับบอกให้เธออาบน้ำให้เรียบร้อยและกินอะไรรองท้อง เพื่อจะได้มีกำลังวังชามากขึ้นสักหน่อย
เจ้าของดวงหน้าหวานขยับตัวเอื่อย ๆ และถอดเสื้อผ้าอย่างเชื่องช้า พอร่างกายเปลือยเปล่าปรากฏตรงหน้ากระจกในห้องน้ำ ปัณณิกาก็พลันรู้สึกใจหายวาบ
ร่องรอยที่ ‘คุณ’ ฝากไว้มีอยู่เต็มไปหมด ทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ถูกแต้มทับกันจนดูไม่ได้ รอยฟันบริเวณหัวไหล่ดูลึกพอสมควร ทว่าในขณะที่เขาประทับตราเธอกลับไม่รู้เจ็บ
ปัณณิกาชื่นชอบจนร้องครางเสียงดัง...
“มาเจ็บอะไรตอนนี้ล่ะแก้มหวาน!”
เธอดุเงาสะท้อนในกระจกเบา ๆ ขณะกลั้นสะอื้น พลางบอกตัวเองว่าเวลามารดาผู้ให้กำเนิดตบตีมันเจ็บกว่านี้มาก ความปวดเมื่อยทั่วร่างและร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เทียบไม่ได้เลยสักนิด ปัณณิกาหลอกตัวเองว่ามันเป็นเรื่องความเจ็บปวดทางร่างกาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วหัวใจต่างหากที่กำลังเจ็บหนัก มันหนักเกินกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะทนไหว
ทว่าปัณณิกาไม่ใช่คนอ่อนแอและจะไม่มีวันยอมรับมันโดยเด็ดขาด