ตอนที่ 3 งานมงคลสมรส
เจ้าบ่าวผู้สูงศักดิ์รูปงามน่าเกรงขามขี่อาชาสีขาวนวลราวไข่มุกนำอยู่หน้าขบวน ทว่าใบหน้านั้นกลับเย็นชาเหมือนกำลังนำศึกมากกว่าที่จะนำขบวนเจ้าสาว ผู้คนหลากหลายต่างก็ออกมามุงดู ไร้เสียงโห่ร้องของความยินดีมีเพียงเสียงประทัดที่จุดเฉลิมฉลองตามธรรมเนียมไปตลอดทางเท่านั้น
กัวซุนฮวานั่งใบหน้าซีดเซียวอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวมือเรียวบีบเข้าหากันแน่น ยามที่มงกุฎเจ้าสาวสวมลงมา ซุนฮวาก็สัมผัสได้ถึงความหนักอึ้งจนต้องเกร็งลำคอเพื่อทรงศีรษะเอาไว้ แต่ทว่าหากเทียบกับความกดดันในใจของนางแล้ว มงกุฎเจ้าสาวนี้กลับคล้ายไร้น้ำหนักขึ้นมาในทันที ผ้าแดงถูกคลุมลงบดบังสายตาจนพร่ามัว หากแต่กลับชัดเจนกว่าอนาคตของนางที่ยามนี้คล้ายมืดมนเสียยิ่งกว่ายามรัตติกาลที่ไร้ดวงจันทรา งานมงคลพระราชทานนี้เหมือนโซ่ตรวนที่คล้องคอนางเอาไว้ไม่ให้ไปไหน จวนอ๋องข้างหน้าต่างจากที่คุมขังตรงไหน เสียงถอนหายใจดังขึ้นเพียงแผ่วเบาพร้อมกับเกี้ยวเจ้าสาวที่หยุดลงตรงหน้าประตูจวน
"ลงมา!!!" ผ้าม่านถูกกระชากออกมาจากด้านนอกปะทะร่างบางจนหนาวสั่น พร้อมฝ่ามือหนาที่ยื่นมาตรงหน้า หากเสียงนั้นจะไม่ตวาดห้วนซุนฮวาก็คงจะยินดีกว่านี้ ทว่าความจริงก็คือความจริง
"ขอบพระทัยเพคะ" มือเรียวบางชื้นไปด้วยเหงื่อวางลงบนมือหนา ฉงซานบีบมือนางแน่นเหมือนจะบีบให้กระดูกละเอียดเป็นผุยผง
"อะ..."เสียงร้องหลุดออกมาเพียงครึ่งคำ ก็ต้องเงียบไปเพราะหากนางร้องออกมา มือนางคงได้หักจริงแน่ เพราะดูจากแรงบีบแล้วเขาทำจริง!
งานพิธีมงคลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซุนฮวาถูกส่งตัวเข้าไปนั่งรอที่ห้องหอ เหล่าแม่สื่อต่างก็แนะนำการเข้าหอครั้งแรกให้นาง รวมถึงเรื่องระหว่างชายหญิงแต่เมื่อพูดไปได้สักครู่ เหล่าแม่สื่อก็พึ่งระลึกได้ว่าคงมิต้องแนะนำอันใดให้มากความ เพราะความจริงแล้วซุนฮวาและชินอ๋องจ้าวฉงซานได้ผ่านพิธีสำคัญตั้งแต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าพิธีเสียอีก เมื่อไม่เห็นว่าการรั้งอยู่ต่อจะมีประโยชน์อันใด เหล่าแม่สื่อก็พากันออกไป เหลือเพียงเจ้าสาวผู้เดียวที่อยู่ในห้อง
ปัง!!!
ซุนฮวาสะดุ้งตกใจ นางหันหน้าไปมองทางประตูที่ถูกกระชากปิดอย่างแรงจนสั่นไหว ร่างอรชรพยายามนั่งตัวเกร็ง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ นางเห็นแค่เพียงเลือนราง
โครม!!!
เสียงเก้าอี้ที่ล้มลงเพราะอารมณ์ของเจ้าบ่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นเช่นนั้นซุนฮวาก็ยิ่งกระเถิบตัวไปติดกับเสาเตียง ร่างบางนั่งก้มด้วยความหวาดหวั่น
"หึ!สมใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่ สตรีไร้ยางอาย"
เป็นประโยคแรกที่ผู้เป็นสวามีเอ่ยกับซุนฮวา นับจากที่ผ้าคลุมหน้าปักลายหยวนหยางเปิดออก
"ข้า..."
"เจ้าเคยคิดละอายใจบ้างหรือไม่ ที่ทำร้ายผู้เป็นน้องสาวเช่นนี้"ซุนฮวาเม้มริมฝีปากแน่น แม้อยากเอ่ยอธิบายว่าเรื่องราวในวันนั้นเป็นเขาที่เข้าใจนางผิด ทว่าเพียงขยับริมฝีปาก ร่างสูงกำยำก็หันตวาดขึ้นมาเสียงดัง ดวงตาหวานแดงก่ำมองคันชั่งหนักอึ้งที่ถูกทิ้งลงบนเตียงนอน แล้วกลืนก้อนสะอื้นลงอกถ้อยคำจากสตรีไร้ตัวตนเช่นนาง จะมีน้ำหนักเช่นสตรีในใจเขาได้อย่างไร
"คิดหรือว่าการเข้ามาเป็นชายาจวนอ๋องจะทำให้เจ้ามีชัยเหนือไปกว่าหนิงเอ๋อร์ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้จะไม่มีผู้ใดมาแทนที่นางได้ หญิงแพศยาเช่นเจ้า หาได้คู่ควรกับจวนอ๋องของข้าไม่ส่งพระชายาไปอยู่ท้ายจวนและอย่าเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นอีก"
เสียงทรงพลังดังขึ้นอย่างวางอำนาจ ซุนฮวาเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ในเมื่อผ้าปิดหน้าที่สามีควรจะเปิดออกให้ กลับไม่ถูกเปิดออก นางจึงส่งมืออันสั่นเทาของตนเองไปปลดลง ดวงตาโศกคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ทว่าไม่ยอมไหลลงมา ริมฝีปากบางอ้าออกและหุบลง เหมือนกับว่านางอยากเอ่ยอะไรบางสิ่ง ทว่าก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมามีเพียงลมเท่านั้น
"ใครอยู่ข้างนอกตายไปหมดแล้วหรือข้าบอกให้เข้ามาพาตัวสตรีนางนี้ไปอยู่ท้ายจวน" จ้าวฉงซานตวาดขึ้นมาอีกครั้ง รอเพียงไม่นานประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"ทะ...ท่านอ๋อง...หม่อมฉันผิดอันใดหรือเพคะ...เรื่องวันนั้นหม่อมฉันเองก็หาได้รู้เรื่องอันใดไม่ หม่อมฉันเองก็เป็นเหยื่อไม่ต่างไปจากท่าน เหตุใดต้องไร้ไมตรีกันถึงเพียงนี้เพคะ"
น้ำเสียงตัดพ้อส่งไปไม่ถึงจ้าวฉงซาน เพียงแค่ได้ฟังคำพูดจาของซุนฮวา จ้าวฉงซานก็หน้าแดงเพราะโทสะมากขึ้นไปอีก ร่างหนาเดินเข้าไปกระชากแขนนางจนร่างบางเซถลาเพราะแรงดึง
"หุบปาก!!! เจ้าพูดเช่นนั้นแล้วข้าจำเป็นจะต้องเชื่อด้วยหรือ ผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ซุนฮวา ริษยาคุณหนูรองเพียงใด เพียงเพราะเสนาบดีกัวโปรดปรานบุตรสาวคนรองมากกว่า เจ้าถึงกับกล้าใช้วิธีต่ำทรามแย่งคนรักของน้องสาวตัวเอง เจ้ามันหน้าด้านกว่าสตรีใดในใต้หล้ากัวซุนฮวา พานางออกไป!!!"
"โอ๊ย!!!"
ร่างบางล้มลงบนเตียงเพราะแรงผลักที่ไม่ทันตั้งตัว
"พระชายาเพคะไปกันเถอะเพคะ" เสี่ยวอี้รีบเข้ามาประคองเจ้านายตนเอง
กัวซุนฮวาปรายตาไปมองหน้าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสวามีด้วยความเจ็บปวด ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่มีโอกาสได้บอกความจริงแก่ผู้ใดเลย ไม่มีผู้ใดคิดที่จะถามไถ่กับนางว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเป็นเช่นไร อยู่ ๆ นางก็ต้องถูกจับแต่งเข้ามาในจวนอ๋อง หากจะมีผู้ใดถามนางบ้าง หรือหากนางเลือกได้นางเองก็ไม่อยากจะเป็นเช่นนี้ ร่างอรชรเดินตามสาวใช้ไปยังเรือนท้ายจวนอย่างเงียบ ๆ หยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
"พระชายาเพคะ รอบ่าวสักครู่นะเพคะ บ่าวจะไปขอไม้กวาดมาทำความสะอาดห้องนอนให้พระชายาก่อนเพคะ"
"อืม...เจ้าไปเถอะข้าจะนั่งรออยู่ตรงนี้"
เสี่ยวอี้มองหน้าผู้เป็นนายด้วยความสงสาร แต่บ่าวเช่นนางจะทำอันใดได้ เสียงฝีเท้าของเสี่ยวอี้ไกลออกไป ใบหน้าของซุนฮวาก็ซบลงที่ฝ่ามือตนเอง นางปล่อยเสียงสะอื้นออกไปตามสายลม น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาเหมือนสายฝนที่ไม่มีวันแห้งเหือด สวรรค์เท่านั้นที่เป็นพยานนางหาได้ทำเช่นที่เขากล่าวหาไม่