-สองวันต่อมา-
“หิวรึเปล่า”
“ไม่” ฉันตอบเสร็จก็ไม่มีเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงรถ กำลังจะกลับแล้วค่ะ กลับแบบที่ไม่งงแต่ที่งงคือมาเที่ยวกันสองคนแต่เที่ยวคนเดียวทุกวันต่างหาก ใช่ค่ะฉันพูดไม่ผิดหรอก ฉันเที่ยวคนเดียวทุกวันจริง ๆ จะมีบ้างที่ทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวคือเขากลับมามีเซ็กส์กับฉันทุกคืน มีแค่นั้นจริง ๆ ที่ทำให้ฉันยังรู้ว่าเขามากับฉัน
ไม่มีการพูดคุยอะไรอีกแต่ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าร้านอาหารร้านหนึ่ง
“นายจะกินข้าวเหรอ”
“อืม” ลูคัสตอบแค่นั้นรถก็จอดนิ่งที่ลานจอดฉันเลยต้องจำใจเตรียมลงรถทั้งที่ความจริงไม่อยากลงไปเลยสักนิด
“สั่งเลย” พอเข้ามาในร้านพนักงานเอาเมนูมาให้เขาก็บอกให้ฉันสั่ง แต่ฉันไม่ได้เป็นคนอยากกินไงคะแล้วจะให้สั่งอะไร
“นายอยากกินก็สั่งเองสิเดี๋ยวฉันสั่งไม่ถูกใจ”
“ไม่ เธอสั่งนั่นแหละ สั่งให้ทีอะไรก็ได้” เขาปฏิเสธฉันก็ขี้เกียจต่อปากต่อคำให้อายพนักงานเลยจัดการเปิดเมนูสั่งอาหารให้
...น่ากินแฮะ อาหารปักษ์ใต้เป็นอะไรที่น่ากินมาก~ ชักจะหิวแล้วสิคะ -_-!
ฉันจัดการสั่งอาหารให้เขาสี่เมนูเลือกแต่เมนูที่ฉันอยากกินเท่านั้นสั่งเสร็จก็หยิบโทรศัพท์มาเล่นรอ
“ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง”
“ฮะ?” ได้ยินเขาตามแต่เหมือนเคยค่ะฉันไม่ได้ตั้งใจฟังเลยไม่รู้ว่าถามอะไร
“ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง”
“เที่ยวทะเลไง” ฉันตอบส่งเดทลูคัสเลยมีสีหน้าหงุดหงิด
“อย่ากวนประสาท”
“เอ้า! กวนประสาทตรงไหน ฉันมาทะเลก็ต้องเที่ยวทะเลสิ ว่าแต่นายเถอะไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างล่ะ” ขอถามกลับบ้างเถอะ บอกตรง ๆ นะคะว่าต่อให้ไม่อยากเที่ยวกับเขาแต่ทำแบบนี้ฉันก็เคืองนะ ลากมาด้วยทำไมวะแค่ลากมาเพื่อให้บำเรอเขาบนเตียงแค่นั้นเองเหรอ? โคตรทุเรศ
“...” พอถามก็ไม่ตอบ เอาแต่มองซึ่งก็ไม่รู้ว่ามองทำบ้าอะไร หงุดหงิด
“ว่าไง นายไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง แชร์ให้ฟังบ้างสิเผื่อบังเอิญไปที่เดียวกัน”
“...คุยงาน”
“อะไรนะ?”
“คุยงาน” เขาเอ่ยคำเดิม สั้น ๆ ห้วน ๆ เหมือนเดิม
“คุยงาน?”
“อืม”
“นายไม่ได้ไปเที่ยวเหรอ” สิ่งที่ได้ยินทำฉันงงมากนะ คิดว่าเขาออกไปเที่ยวกับเพื่อนเขาอะไรประมาณนี้มาตลอด
“ถามอะไรเยอะแยะไร้สาระ” แค่ถามนิดหน่อยก็ถูกเขาว่าแถมยังทำหน้ารำคาญใส่อีก
“เหอะ! เรื่องของนายแล้วกัน” ฉันกรอกตามองบน ช่างเถอะ ถึงจะไม่เข้าใจแต่ถามไปก็เปล่าประโยชน์ เก็บความสงสัยไว้ในใจดีกว่าเอ่ยปากถามให้ถูกด่าแน่นอน
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” ไม่นานพนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ หน้าตาของอาหารคือน่ากินมาก น่ากินระดับสิบเลยล่ะจากที่แอบหิวอยู่แล้วตอนนี้ระดับความหิวก็เลยพุ่งสูง
“กินสิ” พอพนักงานเดินออกไปเขาก็เอ่ยขึ้น สั้น ๆ ห้วน ๆ เช่นเคย
“รู้”
“รู้ก็กิน...กินเยอะ ๆ เธอผอมไป”
“...” ท้ายประโยคเขาพูดเบา ๆ ทำอย่างกับเขินที่จะพูดฉันเลยเผลอมองหน้าเขา
...ทำไมทำเหมือนเขินที่จะพูดแล้วดูตอนนี้สิเขากำลังก้มหน้าก้มตาตักอาหารกินซะงั้น
“...อะไร?” ลูคัสน่าจะรู้ว่าถูกมองเลยหยุดกินแล้วมองฉัน
“เปล่า”
“เปล่าก็กิน กินเยอะ ๆ เธอผอมไป”
“นายห่วงฉันรึไง” ฉันแกล้งถามออกไปเล่น ๆ แต่ก็แอบอยากรู้จริง ๆ นั่นแหละ
“เปล่า...แค่ผอมไปแล้วมันเอาไม่ค่อยมันส์” OoO!
“นาย!”
“กิน”
“...”
“หรือจะให้เคี้ยวป้อน?”
“น่าเกลียด!”
“หึ ๆๆ หุบปากแล้วก็กิน เร็ว ๆ”
“...” ฉันมองเขาด้วยความแค้นแต่สุดท้ายก็ต่างคนต่างกินข้าว พอข้าวเข้าปากความอร่อยของอาหารก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาทีละนิด ๆ ร้านนี้อร่อยจังนี่เขาเลี้ยวเข้ามามั่ว ๆ หรือรู้จักกันนะ
อ้อ! นี่เป็นการกินข้าวด้วยกันมื้อแรกของเราสองคนเลยนะคะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลังจากมีความสัมพันธ์ที่ไม่เต็มใจมาเป็นปีแต่ไม่เคยกินข้าวด้วยกันเลยสักครั้งถึงแม้จะมีหลายครั้งที่ต้องไปค้างคอนโดเขาหรือเขามาค้างที่คอนโดฉันก็ตามสุดท้ายจะมีวันนี้เกิดขึ้นแล้ว เหอะ ๆๆ น่าตลกสิ้นดี
-เวลาต่อมา-
“นายเลี้ยวผิดทางรึเปล่า” เพราะป้ายบอกว่าทางไปสนามบินต้องเลี้ยวขวาแต่เขาดันเบี่ยงซ้ายแถมยังเป็นเบี่ยงซ้ายที่ข้างหน้าเป็นทางยูเทิร์นใต้สะพาน
“ไม่ผิด”
“เอ้า! แต่ป้ายมันบอกให้เลี้ยวขวานะ” ฉันพูดพร้อมกับรีบกดโทรศัพท์เพื่อให้ GPS นำทางเขาจะได้ไม่เถียงฉันไง
มุ่งหน้าทางทิศตะวันออกแล้ว...
“ปิด” เสียง GPS นำทางดังได้แค่นิดเดียวลูคัสก็พูดขึ้น
“ฮะ?”
“ปิด ไม่ต้องเปิด”
“ไม่เปิดได้ไงก็นายมาผิดทาง”
“ไม่ผิดหรอก ปิดอย่าให้พูดซ้ำ”
“อะไรของนายเนี่ย?” ฉันเริ่มหงุดหงิดแต่ก็ยอมปิด GPS ตามคำสั่งของเจ้าชีวิต ไม่ทำได้เหรอคะ ไม่ทำก็กินหัวฉันน่ะสิ ปล่อยให้เขาขับต่อไปเถอะรู้ทางลัดมั้ง
เขารถขับได้พักหนึ่งฉันก็พบว่านี่มันคือทางเดิมที่เราเพิ่งจากมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วก่อนจะแวะเข้าร้านอาหาร เฮ้อ! อีกแค่ชั่วโมงเดียวเครื่องก็จะออกแล้วนะนี่ก็แทบจะเช็คอินไม่ทันอยู่แล้วนะ ให้ตายเถอะจะให้ฉันตกเครื่องทั้งขาไปขากลับเลยรึไงลูคัส!
“นายจะไปไหน จะตกเครื่องแล้วนะลูคัส” ฉันทนไม่ไหวเลยพูดขึ้น การนั่งโง่ ๆ รอเวลาที่สนามบินไม่ใช่เรื่องสนุกนะหรือเขาคิดว่ามันสนุก!
“อืม”
“อืม? นายพูดแค่อืมแล้วก็เงียบปล่อยให้ฉันเครียดเพราะต้องตกเครื่องอีกรอบงั้นเหรอ? เฮ๊ย!ฉันไม่ได้อยากนั่งรอเหมือนขามานะ เห็นใจกันบ้างสิ”
“จะโวยวายทำไม” แทนที่เขาจะหันมาตอบอะไรบ้างแต่เขาหันมาดุฉันด้วยท่าทางรำคาญนี่นะ?
“โห~ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องเกิดมาเจอคนแบบนี้” ฉันพูดด้วยความเหลืออดแล้วหันหน้าหนีไปมองด้านข้าง เอาเลยตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำเลยไอ้เส็งเคร็ง!
“คนแบบไหน? ก็แค่ยังไม่ได้พาเที่ยวสักวันเลยจะพาอยู่ต่ออีกสองวันก็แค่นั้นจะโวยวายทำไมวะ”
“อะไรนะ?” เขาจะพาอยู่ต่ออีกสองวันเพราะยังไม่ได้พาฉันเที่ยวเลยถูกต้องไหมคะ ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม?
“นั่งเงียบ ๆ รำคาญ”
“เอ้า! แล้วฉันมีสิทธิ์พูดอะไรบ้างเนี่ย”
“อะไรก็ได้ที่มันไม่น่ารำคาญ”
“เหอะ! ฉันพูดอะไรมันก็น่ารำคาญสำหรับนายหมดนั่นแหละถ้างั้นก็ขอพูดอีกสักอย่างเลยนะ จะพาเที่ยวทำไมในเมื่อไม่ได้อยากเที่ยวด้วยกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่อยากเปลี่ยนที่เอาก็ทำไปแล้วตั้งหลายวันไงจะเอาอะ... / ใครบอกว่าฉันไม่อยากเที่ยวด้วยกัน?”
“...” ยังพล่ามไม่จบเขาก็พูดแทรกแถมคำพูดกับน้ำเสียงดุดันยังทำฉันเงียบไป
“เธอเป็นฉันเหรอถึงรู้ใจฉัน?”
“...ก็ไม่ใช่ แต่เดาออก”
“หึ! ถ้างั้นก็รู้ซะว่าเดาผิด ฉันอยากพาเธอเที่ยว รู้แล้วก็หุบปากสักทีทริปที่เหลือมันจะได้สนุก”
“...” เขาพูดมาซะขนาดนี้ฉันก็ต้องหุบปากสิคะ หุบปากพร้อมกับความรู้สึกที่โคตรจะสับสนกับการกระทำของเขา
ลูคัสเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับเขาช่วงนี้ถึงได้ทำตัวแปลก ๆ อย่าบอกนะว่า...เขาจะเริ่มรู้สึกอะไรกับผู้หญิงขัดดอกอย่างฉันตามที่อีโก้บอกจริง ๆ
...บ้า ไม่จริงหรอก อะไรมันจะรวดเร็วตามใจสั่งขนาดนั้น แค่คิดแผนได้ทุกอย่างก็จะลงล็อกตามที่ต้องการเลยเหรออะไรทุกอย่างมันจะเป็นใจกับฉันขนาดนั้น
แต่จะว่าไปถ้าเป็นแบบนั้นได้จริง ๆ ก็ดีสิคะ เพราะถ้าได้ตามที่ต้องการเมื่อไหร่ฉันจะได้แก้แค้นไอ้ผู้ชายสารเลวคนนี้บ้าง!
-เวลาต่อมา-
เราสองคนมาถึงที่พักลูคัสก็ทิ้งตัวนอนที่โซฟาแล้วก็กดโทรศัพท์ยิก ๆๆ ฉันเลยถือโอกาสเดินสำรวจที่พักเราไม่ได้นอนโรงแรมเดิมค่ะ โรงแรมใหม่เป็นวิลล่าที่อยู่ติดชายหาดเลยที่สำคัญเป็นอ่าวส่วนตัว ขับรถเข้าไม่ได้ต้องจอดรถแล้วนั่งเรือของโรงแรมเข้ามา สวยมาก สวยกว่าที่เดิมแบบเทียบไม่ติดเลยจริง ๆ แถมเมื่อกี้แอบเสิร์ชดูราคาที่พักแล้วนะ...คืนละหกหลักเชียว
ลงทุนน่าดู ลองอีหรอบนี้ถ้ารายงานให้อีโก้ฟังอีโก้ต้องบอกว่าเขารักฉันหัวปักหัวปำเข้าแล้วแน่นอน ซึ่งไม่ใช่แค่มันที่คิดหรอกเพราะฉันก็แอบคิด ^_^!
ก็แหมมาแปลกขนาดนี้ใครจะไม่คิดคะ เป็นใครก็ต้องคิดใช่ไหมล่ะ เราก็สวยไม่ใช่ไม่สวยแถมจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนที่สวยมากยังไม่รู้สึกกระดากปากเลย
“มานี่หน่อย” เสียงเรียกลอย ๆ ดังเข้ามาในหู อยากให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแต่ทำไม่ได้หรอก ไม่เป็นไรค่ะเรียกให้ไปหาก็จะไปถึงจะฝืนใจแต่ก็เต็มใจอยู่ดี งงไหมคะ ไม่ต้องงงหรอก ฉันฝืนใจที่จะไปใกล้เขาแต่ก็เต็มใจที่จะไปเพราะถ้าไปแล้วมันคุ้มกับผลที่ได้ฉันก็จะฝืนใจทำด้วยความเต็มใจ
“มีอะไร”
“นั่ง” หยุดตรงหน้าถามดี ๆ นะแต่เขาก็แค่เอ่ยสั้น ๆ สายตาจ้องหน้าจอแล้วใช้มือตบลงที่นั่งข้างตัวเอง
เฮ้อ! จะเรียกมาทำอะไรล่ะท่าทางแบบนี้ไม่พ้นเรียกมามีเซ็กส์ไง ความจริงไม่ต้องให้อยู่ต่อหรอกอยู่ไปก็เปลืองเวลาเปล่า ๆ ถึงยังไงก็เจอกันแค่ตอนอยู่บนเตียงอยู่ดีก็แค่กลับกรุงเทพแล้วลากฉันขึ้นเตียงไม่ก็ระเบียงอย่างที่เขาชอบก็จบ
“ฉันอยากพาเธอเที่ยว”
เหอะ! การกระทำไม่ใกล้เคียงคำพูดเลยสักนิด ตบปากสักสิบทีจะได้ไหมเผื่อปากกับใจจะตรงกัน
ฉันนั่งลงแต่ลูคัสก็ยังไม่ทำอะไร เขาจ้องหน้าจอท่าทางซีเรียสจนเวลาผ่านไปพักใหญ่ประมาณเกือบสิบนาทีได้มั้งเขาถึงวางโทรศัพท์ลง
“อ่าส์~” เหอะ! ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกับเมื่อยล้าเต็มที เหนื่อยอะไรขนาดนั้น
หมับ~
“ทำบ้าอะไรของนาย” การกระทำของเขาทำฉันแทบตัวแข็งเลยรู้ไหมคะเพราะอยู่ดี ๆ ก็ขยับตัวลงมานอนหนุนตัก
“นอนไง”
“แล้วจะมานอนหนุน... / ชู่ว์~” เสียงที่เปล่งออกมาเบา ๆ จากเขาทำฉันเงียบลูคัสเองก็เงียบเหมือนกัน เขาเงียบหลับตาพริ้มบนตักฉันไปซะดื้อ ๆ
...บ้าไปแล้ว ฉันว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ชอบฉันหรอก ถึงขั้นนี้ฉันไม่คิดว่าอีตานี่ชอบฉันแล้วล่ะแต่เขากำลังเสียสติต่างหาก -_-!