หญิงสาวตัดสินใจเปิดห้องพักรีสอร์ทแห่งนี้ เธอเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง ก่อนจะเดินลงมาที่คาเฟ่อีกครั้งกับกระเป๋าเป้คู่ใจที่มีกล้องอยู่ข้างในด้วยอีกตัว
หญิงสาวเดินตรงไปที่ร้านกาแฟข้างๆ รีสอร์ท หลังจากที่วางกระเป๋าเป้บนเก้าอี้ชุดน่ารักแล้วเดินตรงไปเลือกหยิบชิ้นเค้กในตู้โชว์
ต้องรักส่งยิ้มให้คนขายที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างเป็นมิตร ร้านเค้กร้านน่ารักแห่งนี้ ชื่อก็อบอุ่นไม่แพ้กัน ‘คาเฟ่โอบรัก’ ใครเป็นคนตั้งชื่อกันนะ จะเป็นเจ้าของ รีสอร์ทหรือเปล่า
“มีเมนูแนะนำไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามผู้หญิงหน้าหวานที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์
ตะวันวาดส่งยิ้มบางๆ ตอบรับ แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักหญิงสาวตรงหน้าเป็นการส่วนตัว แต่เค้ารางในภาพข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าก็ทำให้เธอพอเดาออก ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนเดียวกันกับคนเมื่อคืนที่สร้างความวุ่นวายให้รีสอร์ทตลอดเช้านี้
แต่สิ่งที่เธอเห็นจากอาการของนายหัวหนุ่ม เขาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนจะแก้ข่าวเหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่มีข่าวซุบซิบของเขา นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอก็อยากรู้มากที่สุด พี่ชายของเธอไปแอบรู้จักและสนิทสนมกับสาวน้อยคนนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน
ตะวันวาดยังมาช่วยนายหัวหนุ่มดูแลรีสอร์ทและทำร้านเค้กเหมือนเดิม แม้ว่าสามีจะขอร้องแกมบังคับให้เธอเลิก และอยากให้ภรรยาดูแลลูกและสามีอย่างเดียว แต่ตะวันวาดก็ขอเอาไว้ เพราะร้านคาเฟ่โอบรัก เป็นร้านที่ทำให้เธอมีความสุข และเป็นร้านที่ทำให้เธอมีทุกอย่างจนถึงทุกวันนี้
“คุณชอบทานเค้กรสหวานไหมคะ หรือชอบพวกประเภทน้ำตาลน้อยๆ” เจ้าของร้านเอ่ยถามลูกค้าเสียงหวาน
“ขอไม่หวานสักเท่าไหร่ค่ะ” ต้องรักตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แตกต่างกันมาก
ตะวันวาดชี้มือไปที่เค้กสีน้ำตาลเข้มที่ถูกตกแต่งน่ารัก “ช็อกโกแลตเค้กหน้านิ่ม ชิ้นโปรดของใครหลายๆ คน และลูกค้าประจำมักซื้อกลับไปเป็นของฝากทีละหลายชิ้น แม้แต่นายหัวปัณณ์เจ้าของรีสอร์ทก็ชอบรสนี้ที่สุดค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป โดยที่เธอแอบแฝงความนัยเพื่อหาข้อมูลเอาไว้ด้วย
ต้องรักหน้าแดงระเรื่อขึ้น ในรูปประโยคบอกให้รู้ว่าเจ้าของร้านจงใจเย้า เธอคงพลาดที่ลืมหยิบหมวกปีกลงมาปกปิดอำพรางใบหน้าก่อนลงมาจากห้อง เพราะไม่ทันคิดว่าจะมีใครจำเธอได้
“อย่างนั้นรับชิ้นนี้ค่ะ ขอชาเขียวปั่นอีกแก้วนะคะ” หญิงสาวตอบแก้เก้อ พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด พร้อมกับเดินอ้อมกลับไปที่โต๊ะ
พราวเป็นคนนำอาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ต้องรักที่โต๊ะ แม้ว่าตอนนี้ตำแหน่งของเธอจะถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการรีสอร์ท แต่พราวยังมาช่วยที่ร้านเสมอ คาเฟ่โอบรักเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ สามารถเดินเข้าเดินออกได้อย่างสะดวก
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ เธอยังสนใจเปิดกระเป๋าเป้หยิบสมุดโน้ตของเธอขึ้นมา วันว่างเธอมักจะเขียนบทเอาไว้ เผื่อต้องเอาไปใช้งานในกรณีใดก็จะได้หยิบมาปรับใช้ได้อย่างสะดวก
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่คาเฟ่โอบรักนานถึง 3 ชั่วโมง หญิงสาวก็เกรงใจเจ้าของร้านจนไม่กล้านั่งต่อ แม้จะเป็นพื้นที่ของรีสอร์ท แต่ด้วยแขกที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ และร้านจะใหญ่โตพอสมควร แต่ก็แน่นจนเก้าอี้รองรับไม่เพียงพอ
หญิงสาวชำระเงินและพับเก็บสมุดโน๊ตลงในกระเป๋าเป้และเหวี่ยงมันขึ้นหลัง สะพายเดินออกไปที่ริมทะเลด้านหน้า พื้นที่การทำงานของเธอเกิดได้ทุกที่
ผู้ชายร่างสูงสวมเสื้อลายสก๊อตสีซีดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ บนศีรษะถูกสวมทับด้วยหมวกปีกกว้าง กำลังตัดแต่งต้นไม้หน้าสวนหย่อมกับคนงานอีกหลายคน หากแต่ความโดดเด่นของเขา ทำให้หญิงสาวชะงักสายตาและหันกลับไปมองอีกรอบ แค่หมวกปีกของเขาก็บังใบหน้าเจ้าตัวเอาไว้อย่างมิดชิด ถ้าบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นหัวหน้าคนงาน เขาคงเป็นผู้ชายที่หุ่นได้มาตรฐานสมบูรณ์แบบ ระดับนายแบบสากล
ต้องรักต้องเดินผ่านพื้นที่ตรงนั้นไป แต่เธอก็พยายามเลี่ยงๆ เพราะกลัวว่ากิ่งไม้จะหักมาโดน หากแต่บันไดสูงสี่ขั้นที่ชายหนุ่มเหยียบอยู่เกิดล้มพับลงตรงหน้าก่อนที่เธอจะเดินไปถึงไม่กี่ก้าว
“เฮ้ย!” เสียงของคนบนราวบันไดร้องออกมาอย่างตกใจ ในขณะที่ร่างใหญ่ของเขาหล่นตุ้บลงมาตามเสียงติดๆ สะโพกของเขากระแทกกับพื้นหินด้านล่างเข้าอย่างจัง
“นายหัว!” เสียงของคนงานร้องอย่างตกใจ พร้อมกับวิ่งกรูกันมาช่วยพยุงนายหัวปัณณ์ลุกขึ้น ชายหนุ่มหันมาเจอเธอเข้าพอดี
เขาลืมอาการเจ็บเดินลากขากะเผลกเข้ามาหาต้องรักทันที ยกนิ้วชี้ต้องขึ้นมองหน้าหญิงสาวอย่างคาดโทษ อาการเจ็บของเขาไม่น่าสนใจเท่ากับผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวายให้ทั้งรีสอร์ทตรงหน้า
“มาทำไมที่นี่” ชายหนุ่มถามเธอเสียงเข้ม
หญิงสาวยิ้มขำมองชายหนุ่ม “ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าของรีสอร์ทจะพูดกับแขกอย่างนี้” หญิงสาวตอบกลับยั่วๆ
“เธอไม่รู้หรือไงว่าทำป่วนอะไรไว้บ้าง ทำไมยังกล้ากลับมาที่นี่อีก” ชายหนุ่มกัดฟันถามเสียงรอดออกมาจากลำคอ
“ก็เพราะข่าวเมื่อคืนนั้นไง ทำให้ฉันต้องมาที่นี่” หญิงสาวเลือกที่จะใช้โอกาส หาประโยชน์ให้ตัวเอง
“เรื่องอะไรไม่ทราบ”
“หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกฉบับ ฉันเป็นผู้หญิงก็ต้องเสียหาย คุณต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนเริ่มเรื่องเองทั้งหมด”
“แต่คุณเป็นผู้ชาย คุณจะมาปัดความรับผิดชอบไม่ได้”
“แล้วฉันต้องรับผิดชอบเธอยังไง แต่งงานตามที่เธอประกาศออกไปนั่นนะหรือ มันจะไม่เป็นวิธีการหาสามีที่ง่ายไปหรือสาวน้อย ฉันคงไม่หลวมตัวไปกับเด็กใจแตกอย่างเธอหรอกนะ กลับไปตั้งใจเรียน อย่าทำให้พ่อแม่เสียใจ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก” หญิงสาวตอบกลับอย่างโมโห
ชายหนุ่มกวาดสายตามองขึ้นลง ผ่านหน้าอกหญิงสาวไป “ตรงไหนที่บอกว่าเธอไม่ใช่เด็ก” เขาถามย้ำ
หญิงสาวเต้นเร่า กำมือดีดดิ้น สายตาของเขาบอกได้อย่างชัดเจนว่าสรีระของเธอไม่ใช่ผู้ใหญ่ เธอเกลียดที่ต้องถูกเหยียดหยามทางสายตาแบบนี้ และสิ่งที่เขากำลังหมายถึงก็คงจะหนีไม่พ้นหน้าอก นั่นเป็นสิ่งที่เธอเถียงไม่ออก
“ยังไง บอกได้หรือยังว่าตรงไหนเป็นผู้ใหญ่”
“ฉันไม่ใช่เด็กก็แล้วกัน”
“หุ่นมัธยม หน้าอกประถมอย่างนี้น่ะหรือ” ชายหนุ่มมองกึ่งขำ หันกลับไปมองลูกน้องที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาไม่อยากให้ตกเป็นเป้าสายตา ไม่อยากให้ใครเอาไปพูดลับหลัง ชายหนุ่มจึงตัดบทไล่หญิงสาวออกไป
“กลับไปเถอะ ฉันไม่มีเวลาเล่นกับเด็กอย่างเธอ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับหันหลังกลับ
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่เด็ก”
ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาอีกครั้ง หัวเราะขำ “กลับไปกินนมเพื่อเพิ่มอะไรต่อมิอะไรให้โตกว่านี้หน่อย แล้วค่อยมาบอกว่าโตแล้วนะ ฉันไม่ชอบเด็กพูดไม่รู้เรื่อง ต้องไปทำงานจริงๆ แล้วละ” พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังเดินออกไป โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
หญิงสาวเดินลงส้นไปอย่างหงุดหงิดที่โดนต่อว่า ทั้งที่มีคนชอบพูดว่าเธอหน้าตาเหมือนเด็กมัธยม แต่เธอกลับไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยากตัวโตและไม่อยากมีใบหน้าที่อ่อนกว่าวัย
หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเบื่อหน่าย จากที่ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปทำงานที่ชายหาดต่อ เธอก็หมดอารมณ์ เดินวกกลับขึ้นมาที่ห้อง กลับมาคิดแผนการที่จะดำเนินต่อไป
เมื่อลงทุนทำมาถึงขั้นนี้ เธอจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด หญิงสาวหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา ค้นหาชุดสวยที่สุดที่มีอยู่ในกระเป๋า แต่ใบหน้าของเธอก็ย่นลงพร้อมกับคิ้วขมวดอย่างหนักใจ สไตล์การแต่งตัวของเธอไม่ใช่สาวสวยทั่วไปพึงกระทำสักนิด ชุดกระโปรงที่ดีที่สุดในกระเป๋าตอนนี้ก็คือชุดที่ใส่ในงานคืนก่อน และมันก็เป็นชุดที่เธอไปเลือกซื้อก่อนเข้างานเพียงไม่กี่ชั่วโมง