Chapter 6 อย่างนี้เขาถึงเรียกว่า...จูบ!

1623 Words
ชายหนุ่มผายมือออกดันตัวหญิงสาวเข้าไปในมุมมืด กดตัวเธอให้แผ่นหลังพิงกับกำแพง พร้อมกับใช้สองแขนดันกำแพงคร่อมตัวเธอเอาไว้ ความเย็นวาบทำให้หญิงสาวรู้ว่าแผ่นหลังของเธอไร้อาภรณ์ปกปิด หญิงสาวรีบสำรวจตรวจตราตัวเองว่ามีสิ่งผิดปกติอะไร เมื่อเห็นเชือกเส้นเล็กที่ห้อยรุ่งริ่งอยู่ข้างสะโพกก็เรียกความอายจากใบหน้าของหญิงสาวทันที เชือกเส้นเล็กมันร่วงหลุดลงมาตอนไหนกัน แล้วเส้นที่ผูกอีกข้างมันหายไปไหน นั่นเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของเธอตอนนี้ หญิงสาวรีบยกสองมือตะปบหน้าอกของตัวเองและกอดเอาไว้อย่างอัตโนมัติด้วยเวลารวดเร็ว เงยหน้าขึ้นจะถามอีกคน แต่ปลายจมูกของเขาก็อยู่ชิดข้างแก้มของเธอ ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หญิงสาวมีอาการสั่นประหม่า สายตาคมที่จ้องมองเรากับกำลังปล้นคำตอบผ่านทางดวงตา “ปิดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ” ชายหนุ่มบอกขึ้นมาลอยๆ ยิ่งทำให้ความอายของอีกคนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่า สายตาแบบนี้เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงเห็นสรีระภายในของเธอไม่มากก็น้อย หญิงสาวต้องเบือนหน้าหลบสายตาคมคู่นั้น ทว่าก็ไม่สามารถรอดพ้น นิ้วมือใหญ่ของเขารั้งใต้คางของเธอให้เงยขึ้นมาสบตาของเขา “ทำแบบนี้ทำไม” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม “บ้า! ฉันจะแกล้งดึงชุดตัวเองให้ขาดเลื่อนหลุดจนโป๊เพื่อตัวเองได้อับอายทำไมกัน พูดไม่คิด” หญิงสาวตอบกลับทันควันด้วยความโกรธ ชายหนุ่มซ่อนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยโดยที่หญิงสาวไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะปากของเขาสูงมากกว่าศีรษะของต้องรักด้วยซ้ำ แน่นอนว่ายังไงเขาก็ต้องเชื่อคำพูดของเธอ เพราะเป็นเขาเองที่ทำหลุด “ฉันไม่ได้หมายถึงชุดของเธอ ฉันหมายถึงเรื่องที่เธอทำต่อหน้านักข่าวเมื่อครู่” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มกว่าเดิมในประโยคหลัง หญิงสาวลืมเรื่องชุดไปชั่วขณะเงยหน้าเผชิญกับเขา ในขณะที่มือยังกอดอยู่ที่อกเพื่อป้องกันชุดของเธอหลุดร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น ความไม่เจียมของตัวเองโดยแท้ ไม่มีอกยังเลือกชุดเกาะอกมาสวม แถมเลือกชุดที่มีเพียงเชือกเส้นเล็กผูกไขว้ยึดเอาไว้เท่านั้น ก็สมควรอยู่หรอกที่จะได้อับอาย “ฉันช่วยคุณต่างหาก ทำไมไม่รู้จักขอบคุณ” ต้องรักเหน็บชายหนุ่ม “ช่วยตรงไหนไม่ทราบ” “ก็ช่วยตอบคำถาม ช่วยให้คุณมีแฟน ช่วยให้คุณรอดพ้นจากข่าวที่ว่าเป็นเกย์ ผู้ชายวัยขนาดคุณไม่เคยคบใครไม่เคยควงใครไม่เคยแต่งงาน มีช่องทางเดียวที่สามารถคิดได้ คือคุณชอบไม้ป่าเดียวกัน” “เธอจะมารู้ดีกว่าฉันได้ยังไง เธอเป็นใคร” เสียงของชายหนุ่มดังเหมือนเขากำลังคำรามในลำคอ เพราะไม่อยากเป็นเสียงออกมาให้คนอื่นได้ยินไปด้วย “เมื่อกี้ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแฟนคุณ และกำลังจะแต่งงานกัน” “ประสาท! ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาทำแบบนี้กันบ้าง” “ฉันเป็นผู้หญิงดีๆ มาเยอะแล้ว ก็อยากลองเป็นผู้หญิงแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง” หญิงสาวต่อปากต่อคำอย่างท้าทาย “เด็กเมื่อวานซืนปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่าทำมาเป็นปากดี” หญิงสาวยืดตัวประกบจูบชายหนุ่มทันทีที่เขาพูดจบด้วยความท้าทาย ความตื่นตัวในร่างกายพร้อมเลือดสูบฉีดวิ่งพล่าน หัวใจกระตุกถี่ไม่เป็นจังหวะ จูบเงอะงะที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่านี่เป็นการจูบ หรือแค่แตะริมฝีปากเฉยๆ ชายหนุ่มยิ้มออกมาทางสายตากับจูบอนุบาลที่เธอพยายามมอบให้เขา จูบนั้นทำให้เขานึกอยากแกล้งเธอต่อ นายหัวหนุ่มแกล้งแทรกลิ้นหนาตอบรับรสจูบของเธอ ยกมือหนาข้างหนึ่งประคองท้ายทอยของหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับกดริมฝีปากแนบแน่นลงไปอีก สั่งสอนผู้หญิงหน้าไม่อายที่แม้แต่จูบยังจูบไม่เป็น แต่ก็ยังทำเป็นใจกล้าหน้าด้านเริ่มก่อน ในขณะที่มืออีกข้างนายหัวหนุ่มยังรัดร่างบอบบางแน่นแนบอก เขาออกแรงยกตัวหญิงสาวขึ้นพร้อมเน้นริมฝีปากหนักกว่าเดิม จากแรกแค่ต้องการแค่สั่งสอนคนอวดดี หากตอนหลังเขาชักไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง ขาของหญิงสาวอ่อนระทวยแทบทรุดลงกับพื้นพรมสีแดงด้านล่าง ในขณะที่ชุดสวยของเธอก็กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน มือไม้ของหญิงสาวอ่อนแรงไม่สามารถประคองชุดเอาไว้ได้ ดวงไฟสีเหลืองนวลสาดสลัวให้มองเห็นความงามนุ่มนวล ชายหนุ่มใช้แขนดันไว้กับกำแพง ร่างหนาของเขาบดเบียดเข้าหาปิดทับร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวเอาไว้แทบมองไม่เห็นอีกคน ชายหนุ่มประทับริมฝีปากแน่นอีกครั้ง หากคนใต้ร่างตัวสั่นราวลูกนกเพิ่งกระเทาะเปลือก นายหัวหนุ่มหรี่ตามองอย่างพึงพอใจ จากรอยจูบหนักแน่นกลับกลายเป็นขบเม้มอย่างหยอกเย้าที่ริมฝีปากอิ่ม จากนั้นเขาก็แทรกลิ้นอุ่นเข้าไปดูดชิมความหวานข้างในอีกครั้ง ปลายขาของหญิงสาวสั่นระริกเพราะความไม่คุ้นชินกับรองเท้าส้นสูง กอรปกับจูบสูบวิญญาณเนิ่นนานของเขา ทำให้เธอเซจะล้มลง มือเรียวของต้องรักเกี่ยวไว้กับรอบเอวของชายหนุ่มเอาไว้ มือหนาโอบรั้งนวลเนื้อนุ่ม เลื่อนไปสัมผัสกับแผ่นหลังเนียนของเธอ พื้นที่ของผิวเนื้อที่โดนแตะต้องกำลังจะเริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับชุดสวยที่กำลังเลื่อนหลุดลงด้านล่างทุกขณะ ก่อนที่เหตุการณ์และอารมณ์ของตัวเองจะจมดิ่งลงเหว หญิงสาวรีบดึงสติกลับคืนและยกมือดันตัวชายหนุ่มออก พร้อมกับขยับขาเบี่ยงตัวหลีกจากเขาไปหนึ่งก้าว นายหัวหนุ่มหรี่ตามองปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปภายในชั่วข้ามวินาทีของเธออย่างไม่เข้าใจ “อย่างนี้เขาถึงเรียกว่า...จูบ! เมื่อกี๊ที่เธอทำเค้าเรียกว่า...ถูก! ยัยเด็กบ๊อง” “บ้ากาม! ชีกอ ลวนลามผู้หญิง ” หญิงสาวต่อว่าเขา “ก็เธอเป็นแฟนฉัน แค่จูบแค่นี้เป็นเรื่องธรรมดามาก” ชายหนุ่มสวมรอยใช้มุขที่หญิงสาวอ้างเอาไว้ หญิงสาวหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เพราะความอยากเอาชนะในสายตาของเพื่อนร่วมงาน เธอจะยอมลงทุนมากมายขนาดนี้ “ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เรียนที่ไหน แล้วพ่อแม่เป็นใครถึงปล่อยให้ลูกมาเดินเพ่นพ่านปล้นจูบผู้ชายกลางโรงแรมอย่างนี้” หญิงสาวกำหมัดแน่นริมฝีปากสั่นระริกด้วยความโกรธกลับข้อหาหนักที่เขา ยัดเยียดให้ เธอนะหรือปล้นจูบผู้ชายกลางโรงแรม “เอ้า...ถามทำไมไม่ตอบ” “ต้องรัก!” หญิงสาวตอบกลับออกมาสั้นๆ “ทำไมต้องรักล่ะ ในเมื่อเราพึ่งรู้จักกัน เธออย่ามายัดเยียดคำว่ารัก คำว่าแฟน และคำว่าแต่งงานให้ฉัน มาไม้นี้ต้องการจะจับฉันใช่ไหม ถามว่าชื่ออะไร” “ต้องรัก” หญิงสาวตอบกลับไปอีกครั้ง ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างหงุดหงิด ส่งสายตามองอย่างคาดโทษ “ฉันจะถามเธออีกครั้ง เธอชื่ออะไร” “ต้องรัก” หญิงสาวยังย้ำคำเดิม “แล้วถ้าฉันไม่รัก เธอจะทำอะไรฉันได้ยัยเด็กบ๊องเหลือขอ บอกชื่อมาเธอชื่ออะไร” “ต้องรัก” “เอ๊ะ!...” ชายหนุ่มชักสีหน้าหงุดหงิด ยกมือดันกำแพงขังหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ เหมือนจะลงโทษเหมือนเมื่อครู่ “ถ้าฉันรัก...เธอจะยอมให้จูบอีกไหมล่ะ” ชายหนุ่มถามด้วยยั่วๆ “ฉัน บอก ว่า ฉัน ชื่อ ต้อง รัก” หญิงสาวเน้นพยางค์ทีละคำชัดเจน จ้องกลับไม่วางตา คราวนี้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มออกมา ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำให้เขายิ้มออกมาได้ เดาด้วยสายตาสาวน้อยนางนี้คงยังไม่พ้นตัวมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ “รู้หรือเปล่าว่าทำอย่างเมื่อครู่เธอจะเป็นคนเสียหาย ทำไมถึงมาทำอย่างนี้กับผู้ชายที่ยังไม่รู้จัก เด็กมีปัญหาหรือไงเรา” ชายหนุ่มถามเหมือนผู้ปกครองที่กำลังสอนเด็ก “ฉันบรรลุนิติภาวะแล้วและที่สำคัญครอบครัวฉันอบอุ่นดี” “แล้วทำแบบนี้ทำไม” “ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบคุณ คุณจะเชื่อมั้ยล่ะ” “ฉันไม่ชอบเธอ และฉันก็จะไม่มีวันชอบผู้หญิงคนไหนอีกเด็ดขาด” ชายหนุ่มย้ำเสียงหนักแน่น ดันตัวยืนตรงและขยับเสื้อสูทให้เข้าที่หันกลับไปบอกหญิงสาวอย่างใจเย็นอีกครั้ง “เอาล่ะ หมดเวลาเล่นของเธอแล้วสาวน้อย กลับไปได้แล้ว ฉันเองก็ต้องไปทำงานแล้วเหมือนกัน” “แล้วคุณจะให้ฉันใส่ชุดแบบนี้เดินออกไปหรือไง คุณต้องเป็นคนทำเชือกผูกชุดของฉันหลุดแน่ เพราะตอนที่ฉันเดินไปถึงคุณ ชุดฉันยังอยู่ดี” หญิงสาวเชิดหน้าหาเรื่องชายหนุ่ม ชายหนุ่มถอนลมหายใจ มองหน้าหญิงสาวอย่างระอา เสื้อสูทของเขาคลุมให้เธอ ก่อนจะย้ำอีกครั้ง “ทีนี้ก็กลับไปได้แล้ว” หญิงสาวถอดชุดคืนให้เขา “คุณจะบ้าหรือไง เป็นนักธุรกิจ เป็นเจ้าของงานจะแต่งตัวไม่เรียบร้อยอย่างนี้เข้าไปในงาน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD