หลังจากที่เธอแต่งตัวจนเสร็จและได้สติกลับมา ก็ทำเอาเธอคิดไม่ตกจนต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่แบบนี้...
นี่เธอใจง่ายเกินไปหรือเปล่า? ถึงยอมให้คนที่พึ่งได้เจอหน้ากันเพียงแค่วันเดียวเข้ามาล่วงล้ำร่างกายของเธอ ขนาดแฟนหนุ่มของเธออย่างอาเธอร์ยังไม่เคยได้แตะต้องเนื้อตัวของเธอเลยด้วยซ้ำไป
“โอ้ย!” อาริสายกมือตบหัวตัวเองฟาดใหญ่อย่างใช้ความคิด
นี่มันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ทั้ง ๆ ที่พ่อกีดกันเรื่องอัลฟ่ามาตลอดแท้ ๆ แต่เธอกลับปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาได้ตีตราจองตัวเธอ ทั้งยังเป็นเจ้าของเรือนร่างที่เธอหวงแหนนักหนาเลยหรอกหรือ!
ก๊อก ๆ ๆ
“บอสคะ...คุณวัตสันมาพบเรื่องคนดูแลคนใหม่ค่ะ” เสียงเลขาสาวเอ่ยเรียกให้เธอนั้นมีสติขึ้นมาอีกครั้ง
อาริสาพยายามปรับสีหน้าของตัวเองให้เป็นปรกติที่สุด และพยายามจะไม่คิดเรื่องที่มันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
เธอพยายามปลอบใจตัวเองว่าเธอนั้นก็แค่อยู่ในช่วงที่เลวร้ายที่สุด และมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
แม้โอเมก้าที่อ่อนแออย่างเธอจะมีรอบฮีทนานที่สุดถึงครึ่งเดือนเลยเชียว แต่มันก็น้อยครั้งมากที่มันจะเกิดขึ้น โดยส่วนมากแล้วรอบฮีทของเธอจะอยู่ที่ประมาณสามวัน ส่วนวันที่สองซึ่งเป็นวันนี้มันก็จะมีอาการมากเหมือนเดือนที่ผ่าน ๆ มาก็เท่านั้น เธอทานยาระงับเอาไว้แล้วจึงค่อนข้างจะมั่นใจว่ามันจะปลอดภัยต่อจากนี้
เขาก็เพียงแค่เล่นทีเผลอตอนที่ยาของเธอกำลังจะหมดฤทธิ์แล้วต้องรอต่อรอบใหม่
เจ้าเล่ห์เป็นที่สุดพวกอัลฟ่า!
“เชิญเข้ามาเลยค่ะ...”
เพียงเธอเอ่ยปากคุณวัตสันที่เป็นมือขวาของพ่อเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับเลขาสาว แต่เมื่อเธอได้พบกับคนด้านหลังของเขาก็กลับต้องถอนหายใจออกมาพร้อมกับเบือนหน้าหนีอย่างไม่ต้องการจะพบหน้ากันอีก
“มองหน้าฉัน” เสียงที่ดังขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกนั้นทำให้เธอต้องรีบเบือนหน้ากลับไปสบตากับเขา
เจ้าตัวยกยิ้มใส่เธออย่างกวนประสาทในระหว่างที่คนทั้งสองกำลังเผลอ และปั้นหน้ากลับเป็นนิ่งเฉยราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
แต่เพียงแค่เธอเอ่ยปากว่าไม่ต้องการได้เขามาคุ้มกันแล้วแค่นั้นมันก็สิ้นเรื่อง แล้วเราก็ไม่ต้องพบเจอกันอีก...
“ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นฉันจะบอกเรื่องในห้องเมื่อครู่ให้ทุกคนรู้” เอาอีกแล้ว...
เขาเล่นงานเธอผ่านการพูดเข้ามาในจิตใตสำนึกอีกแล้ว และแน่นอนว่าอัลฟ่าที่เป็นเจ้าของเรือนร่างเธออย่างเขาย่อมรู้ในสิ่งที่เธอกำลังคิด และสามารถสะกดจิตเธอได้ ยิ่งเป็นอัลฟ่าชั้นสูงอย่างพวกตาสีฟ้าด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่!
“ถ้ารู้แบบนั้นแล้วก็อย่าได้คิดจะไล่ฉันออกอีก” การันบอกเธออีกครั้งผ่านจิตใต้สำนึกโดยที่ใบหน้าของเขายิ่งนิ่งเฉย
บ้าจริง!
“จิ๊!”
“คุณหนูเป็นอะไรไหมครับ?” คุณวัตสันถามขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าของหญิงสาวไม่สบอารมณ์นัก
ซึ่งเธอไม่สามารถให้ใครรู้เรื่องระหว่างเธอและเขาได้เป็นอันขาด อาริสาจึงจำใจต้องปรับสีหน้าของตนเองใหม่ และหันกลับไปยกยิ้มให้กับคุณวัตสันเพื่อให้เขาสบายใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ...เชิญคุณได้เลย”
“ครับผม” วัตสันหลีกทางให้คนตัวสูงที่อยู่ในชุดสูทหรูสีน้ำตาลด้านในทับด้วยสีคอเต่าสีดำขึ้นมาเคียงข้าง
ผมเผ้าเขาถึงยังจะดูรุงรังไปบ้างแต่ก็ดูดีไม่น้อยเมื่อมาอยู่ในชุดที่เป็นทางการเช่นนี้ ยิ่งสัดสูงที่เกินหญิงเช่นนั้นแล้วยิ่งทำให้เธอเผลอมองค้างอย่างแอบชื่นชม
“หึ!” แต่เพราะเสียงเยาะเย้ยของเขาที่ดังเข้ามาในโสตประสาทนั้นทำให้เธอต้องรีบเบือนหน้าหนีอย่างเร็วไว
ส่วนคุณวัตสันก็ดูจะภูมิอกภูมิใจในคนของตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะใบหน้าเขาดูจะภูมิใจนำเสนอเอาเสียมากจนเธอเองก็เกรงใจคนเก่าคนแก่ของคุณพ่อ แต่ก็ยังมิวายแซะจิกกัดด้วยความที่ตัวเองเกลียดอัลฟ่าเป็นทุนเดิม
“นี่การันนะครับ เป็นอัลฟ่าคนใหม่ที่จะมาดูแลคุณหนู” แต่เพียงประโยคที่เอ่ยชื่อของเขากลับทำให้เธอต้องเบิกตาโพล้งอย่างตกใจ
เป็นไปไม่ได้...เขาไม่มีวันใช่คน ๆ นั้น
“ก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรคุณหนูอาริสามากนักใช่ไหม? ก่อนจะมาสมัครงานก็คงศึกษามาก่อนแล้ว”
“อืม...” เขาครางรับเบา ๆ ในลำคอ
แต่อาริสายังคงคิดไม่ตกกับชื่อเสียงเรียงนามของเขาที่มันช่างแสนคุ้นเคย
“งั้นก็เริ่มงานได้เลย เวลาห้าโมงตรงเป๊ะเธอต้องขึ้นมารับคุณหนู ห้ามให้คุณหนูทำงานล่วงเวลาเป็นอันขาด รับทราบแล้วตอนนี้ก็เริ่มงานได้ คุณหนูอยากจะใช้อะไรเขาก็เชิญเลยนะครับ ผมขอตัวก่อน” เพียงเท่านั้นทั้งเลขาสาวและคุณวัตสันก็เดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้เราสองคนยืนประจันหน้ากันโดยที่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาแม้เพียงคำเดียว
“เธออยากจะไปทำอะไรก็ไป...”
“นี่ไล่ฉันหรือ?”
“ฉันขอเวลาตัวเองสักเดี๋ยว...ฉันพูดกับคุณผ่านจิตใต้สำนึกได้เหมือนกันใช่ไหม?”
“ถ้าตามหลักแล้วก็ได้...”
“งั้นถ้าฉันมีอะไรจะเรียกนะ...เชิญออกไปค่ะ” น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของเจ้าหล่อนทำให้การันได้แต่ยืนงง
แต่เขาก็ยอมเดินออกมาตามคำสั่งของเจ้าหล่อนอย่างว่าง่าย อาจจะเพราะท่าทีที่เหมือนมีอะไรทุกข์ใจนั่นแหละมั้งเขาถึงยอมเดินออกมาแต่โดยดี
แผนที่คิดจะเก็บเธอหลังจากนี้คงต้องพับเอาไว้ก่อน เพราะดูแล้วเหมือนเราจะมีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำด้วยกันอีกมาก!
รถคันหรูเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนในช่วงเย็นของวัน ซึ่งแน่นอนว่าการจราจรมันก็ค่อนข้างจะติดขัดอยู่พอสมควร
หลังจากที่เจ้าหล่อนไล่เขาตอนบ่ายนั้นเธอก็ไม่ได้เรียกเขาอีกเลย เขาเลยได้ทำการเดินตรวจสอบบริษัทของเธออยู่บ้างตามประสาคนที่ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ
วันนี้ทั้งวันเขาได้กลิ่นแต่พวกเบต้าและโอเมก้าจนน่าอาเจียน แต่กลับแปลกที่กลิ่นคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังของเขามันช่างอ่อนหวานและนุ่มนวล
อาริสาเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่าง ตอนนี้การันไม่สามารถจะรับรู้ได้ว่าหล่อนกำลังคิดเรื่องใดเพราะเธอนั้นว่างเปล่า
เจ้าหล่อนเงียบลงไปถนัดจนเขาเริ่มจะกลับกลายเป็นคนที่อึดอัดมันเสียเอง
แต่กลิ่นกายของเธอที่เริ่มรุนแรงขึ้นทำให้อัลฟ่าอย่างเขาได้แต่อดทนอดกลั้นมันเอาไว้
สัญชาตญาณของพวกเราเป็นอย่างไรเราย่อมรู้ดี ไม่มีอัลฟ่าที่ไหนมานั่งอดทนรอให้เหยื่อสมยอมหรอกนะ!
“เธอ...หยุดปล่อยกลิ่นก่อนได้ไหม!” แต่ตอนนี้เขารับรู้ว่าเธอกำลังมีเรื่องเศร้าใจ จิตใจของเขาเลยบอกว่ามันยังคงไม่เหมาะสม
รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยให้ตายสิ!
“อ่ะ เอ่อ...” โอเมก้าสาวที่ได้ยินเสียงเตือนของเขาก็ทำเอาเธอมีสติ
อาริสาหยิบกระเป๋าขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะกำลังหวาดกลัวว่าเขาจะทำกับเธอเหมือนกับเมื่อช่วงบ่าย
“บ้าจริง!” เธอสถบออกมาอย่างหัวเสีย
เพราะเธอหามันไม่พบ! แสดงว่าเธออาจจะวางยาลืมไว้ที่โต๊ะทำงานเป็นแน่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องของพี่การัน รู้ตัวอีกทีเขาก็มาตามเธอกลับบ้านเสียแล้ว
“ฉะ ฉันจะทนไม่ไหว...” และแน่นอนว่าอาการของเธอก็เริ่มมีมาเหมือนกัน
เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่มันจะฮีทหนักที่สุด อาการของเธอจึงอาจจะกำเริบบ่อย และทุกครั้งเธอจะกินยาต้านมันแต่ตอนนี้เธอไม่มี!
กลิ่นอัลฟ่าที่รุนแรงแผ่ซ่านกระจายออกมาปกคลุมทั่วคันรถ ไม่ต่างจากตัวของเธอที่ก็เริ่มแผ่กลิ่นออกมาเช่นกันเมื่อได้กลิ่นของเขา
อัลฟ่าที่นั่งทางฝั่งด้านคนขับหันหน้ามามองเธอด้วยแววตาสีฟ้าครามของเขา ซึ่งเธอเองก็พอจะเดาได้ว่าเขาก็คงจะระงับอารมณ์ตัวเองเช่นกัน
“อาริสา...เธอกำลังทำให้ฉันคลั่ง!”
“กลิ่นคุณก็...ฉะ ฉันจะทนไม่ไหว” ร่างกายของเธอเริ่มบิดเร้าไปมาเพราะกลิ่นของเขา
การันหมุนพวงมาลัยเข้าซอยในทันทีอย่างคนที่อดทนรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
มุมตึกที่เป็นจุดอับนั้นเขาเลือกจะจอดรถ การันขยับเบาะฝั่งของเขาให้ถอยหลังไปจนสุด เขาหันหน้ามามองเธอด้วยแววตาแห่งอัลฟ่าผู้ยิ่งใหญ่ให้เธอต้องยอมสิโรราบ
“ขึ้นมาบนตัวฉัน...” อาริสาแม้ว่าร่างกายของเธอเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน
แต่เธอก็ฝึกเรื่องความอดทนและการระงับอารมณ์มามากพอสมควร จึงทำให้เธอยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับตามคำสั่ง
“เธอเป็นของใคร?” คำถามนั้นดังขึ้นมาจากริมฝีปากของเขาราวกับสะกดจิต
แน่นอนว่าเธอมันเป็นพวกอ่อนแอ เธอไม่มีทางชนะเขาได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น...
“ฉันเป็นของคุณ...”
“ดีมากเด็กดี...” การันยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะลูบกรอบหน้าของเธอบางเบาและออกจากการสะกดจิตเธอ
สิ่งหนึ่งที่เขาไม่ชอบนั้นก็คือการบังคับฝืนใจใคร ถ้าหากเธอยังยืนยันจะขืนตัวเขาก็จะปล่อยเธอไปและจัดการตัวเอง
“ทีนี้เธอขึ้นมาบนตัวฉัน...” นี่ไม่ใช่การสะกดจิต แต่มันก็เหมือนคำสั่งกลาย ๆ ให้เธอนั้นต้องยอมทำตาม “แต่ถ้าเธอไม่อยากทำ ก็มาทำให้ฉัน ฉันจะไม่บังคับฝืนใจเธอ”
การันพูดพร้อมปลดกระดุมกางเกงของเขาออก สิ่งที่กำลังตั้งผงาดและรอการปลดปล่อยนั้นแข็งขันจนอาริสาเริ่มรู้สึกเกรงกลัวกับขนาดที่ใหญ่ของมัน
เขาจับที่ปลายหัวของมันเล็กน้อยและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ อย่างทนต่อไปไม่ไหว
ส่วนคนที่มองอยู่ได้แต่ใบหน้าเห่อร้อนทั้งยังส่งกลิ่นกายที่รุนแรงยิ่งขึ้นจนอัลฟ่านั้นแทบจะคลั่งตาย
“เธอจะเอายังไงกัน...”
“ฉันจะทำให้คุณ...”
“ว่าไงนะ?”
“ขยับมานั่งที่เบาะหลังสิ” ดวงตาของเธอปรากฎเป็นสีส้มสดใสทั้งยังทำสายตาเว้าวอนพร้อมทั้งเลียริมฝีปากบางเบาให้คนมองนั้นแทบหยุดหายใจ “ฉันจะเลียมันให้สมกับที่คุณคลั่งฉันเลย...”