01

1249 Words
“ไม่…เดี๋ยว” เธอตะโกนขณะที่ผวาลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว “ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย” ลูกหยี ลูกครึ่งสาวไทยจีนพึมพำพลางปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามขมับ จากที่เคยไปๆ มาๆ ระหว่างสองประเทศ ครั้นพอแม่เสียไป เธอจึงย้ายมาอยู่กับพ่อและพี่ชายที่แดนมังกรแห่งนี้เป็นการถาวร นี่ก็ไม่ใช่คืนแรกที่เธอฝันเช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เด่นชัดเท่าครั้งนี้มาก่อน ชัดจนเธอรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่แค่ความฝัน โดยเฉพาะเมื่อเธอก้มมองตัวเอง “เฮ้ย!” เธอร้องอุทานพลางเอามือปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นเดียว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย ฝันลามกไม่พอ ยังละเมอลุกขึ้นมาถอดเสื้อผ้าอีก แต่ทำไมมันถึง…” เธอครางพลางลูบไล้ไปที่เนื้อตัวเบาๆ ใช่! เธอยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อุ่นซ่านนั่น มันอุ่นแล้วมันก็… “ไม่ๆๆ เลิกคิดเดี๋ยวนี้ลูกหยี แกก็แค่ดูซีรีส์เยอะจนเก็บเอาไปฝัน ว่าแต่พระเอกจากเรื่องไหนวะ ทำไมมันถึงได้หล่อล่ำแล้วก็…ลามกขนาดนี้วะเนี่ย โอ๊ย! หล่อจนต้องเปลื้องผ้าพลีกาย บ้าชะมัด! เล่นเอาเกือบเสียตัวในฝัน” เธอบ่นพึมพำพลางหยิบชุดนอนที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาใส่ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูทำให้เธอหันขวับไปมองนาฬิกาข้างฝา เพื่อจะพบว่ามันยังเช้าอยู่ จึงอดแปลกใจไม่ได้ กระทั่งได้ยินเสียงคนเคาะดังตามมา “ลูกหยีตื่นรึยัง เปิดประตูให้พ่อหน่อย” เสียงเรียกชื่อเธอด้วยสำเนียงแปร่งๆ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อของเธอ “ค่ะพ่อ” เธอตอบรับก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูให้ “มีอะไรคะ แล้วนี่พ่อจะไปไหน นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ” เห็นผู้เป็นพ่อแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก เธอจึงอดสงสัยไม่ได้ “ที่โรงงานมีปัญหา พ่อต้องรีบบินไปดู แล้วก็ว่าจะอยู่เคลียร์งานที่นั่นต่อสักสองสามวันด้วยเลย แต่คืนนี้พ่อมีงานสำคัญที่นี่น่ะสิ” หลี่เฉิงว่าพลางเหลือบมองท่าทีลูกสาว “จะไปยากอะไร ก็ให้พี่ใหญ่ไปแทนสิคะ” เธอบอกพลางยักไหล่ “ก็ยากตรงที่พี่ใหญ่ของแก เขาก็ติดงานเหมือนกันน่ะสิ” “เอ้า! งั้นก็เหลือพี่รอง อย่าบอกนะว่าพี่รองก็ติดงานเหมือนกัน หนูไม่เชื่อหรอกนะว่าพ่อจะไว้ใจให้คนอย่างพี่รองไปออกงานที่ไหน” แน่นอนว่าด้วยนิสัยเจ้าชู้เพลย์บอยของพี่ชายคนรองที่แทบจะมีข่าวฉาวรายวัน เธอจึงมั่นใจว่าผู้เป็นพ่อไม่มีทางวางใจให้พี่ชายไปงานที่ไหน และรายนั้นก็ต้องว่างพอที่จะไปงานคืนนี้ได้ แต่เธอคงลืมคิดไปอย่าง “ก็เพราะไม่ไว้ใจไง ฉันถึงปล่อยให้มันไปงานคืนนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่มันคนเดียว” “เอ้า! ถ้าไม่ให้พี่รองไปคนเดียว แล้วจะให้ไปกับใคร…หืม! ไม่นะ ไม่มีทางอะ” เธอเอะใจ กอปรกับยิ่งได้เห็นสายตาของผู้เป็นพ่อก็ยิ่งมั่นใจ จนต้องรีบปฏิเสธ ครั้นพอเห็นผู้เป็นพ่อยังจ้องมาที่เธอนิ่ง หญิงสาวจึงโวยขึ้น “พ่อก็รู้ว่าหนูไม่ชอบอะไรแบบนี้ ไม่งั้นหนูไม่หนีไปอยู่กับแม่ตั้งหลายปีหรอก” เธอโอดครวญ แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลที่เธอต้องไปอยู่กับแม่ที่เมืองไทย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะงานและสังคมของผู้เป็นพ่อนี่แหละ “แต่แกอย่าลืมนะ…วันหนึ่งแกก็ต้องรับช่วงต่อจากพ่อ” ผู้เป็นพ่อบอกสีหน้าจริงจัง “งั้นพ่อเองก็อย่าลืมสิว่าหนูจบแฟชั่นดีไซน์มา จะให้หนูไปทำอะไรกับงานของพ่อ เอาตรงๆ นะ มันไม่ใช่ทางของหนู หนูไม่ถนัด อีกอย่างพ่อยังมีลูกชายอีกตั้งสองคน ก็ให้สองคนนั้นรับช่วงไปสิ” เธอรีบผลักภาระหน้าที่ให้พี่ชายทั้งสองทันที “แล้วแกไม่ใช่ลูกพ่อรึไง” คนถูกย้อนถามถึงกับสะอึก แน่นอนว่าถึงเธอกับพี่ชายจะไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน แต่ยังไงเธอก็เป็นลูกคนหนึ่ง “อ้อ! แล้วที่แกถามพ่อว่า แกจบแฟชั่นดีไซน์มา แกจะเอาไปใช้อะไรกับงานพ่อ แกไปหาคำตอบเอาจากงานคืนนี้สิ พ่อเชื่อว่าแกจะได้คำตอบ ยังไงก็…ฝากด้วยนะ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่พี่ชายแกแล้ว พ่อไปล่ะ” ผู้เป็นพ่อตัดบทด้วยการก้าวฉับๆ ออกไป โดยไม่สนใจเสียงโวยวายจากคนข้างหลังอีก “พี่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมพ่อต้องยอมเสียตังค์เป็นล้านเพื่อไอ้จี้ปลาเล็กๆ นี่ด้วย มันสวยตรงไหนวะ” ลู่เมิ่งพี่ชายคนรองบ่นอุบขณะมองจี้หยกรูปปลาที่อยู่ในมือน้องสาว แน่นอนว่ามันคือวัตถุประสงค์หลักที่พวกเขามางานในคืนนี้ก็เพื่อประมูลหยกชิ้นเล็กๆ นี่แค่ชิ้นเดียว และพวกเขากฌประมูลมาสำเร็จ “เอ้า! นี่ก็อีกราย เป็นอะไรของแกเนี่ย เจอจี้ปลาหลักล้านถึงกับช็อคไปเลยรึไง” หลี่ลู่เมิ่งเห็นน้องสาวที่เอาแต่ยืนมองจี้ในมือนิ่งจึงอดล้อเลียนไม่ได้ “ช็อคอะไรเล่า หนูก็แค่รู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าเคยเห็นมันมาก่อน” ลู่อวี๋ขมวดคิ้วอย่างพยายามใช้ความคิด “อา…น่าจะเหมือนปลาที่อยู่ในบ่อของพ่อตัวไหนสักตัวล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ” คนพี่พูดติดตลก แต่คนน้องกลับไม่ตลกด้วย มิหนำซ้ำยังหันมาแยกเขี้ยวใส่ “นี่ หนูไม่ตลกด้วยนะ” “แล้วแกจะซีเรียสอะไรนักหนา เขาก็บอกอยู่ว่ามันเป็นของโบราณที่เพิ่งขุดพบ แกจะไปเคยเห็นมันได้ยังไง นอกซะจากว่า…” ลู่เมิ่งหยุดเอาไว้แค่นั้น น้องสาวจึงยิ่งสงสัยจนต้องโพล่งออกมา “ว่าอะไรพี่” “นอกซะจากว่าแกจะเคยเห็นมันตั้งแต่ชาติที่แล้วไง ฮ่าๆๆ” ลู่เมิ่งหัวเราะชอบใจหวังจะให้น้องสาวได้ขบขันด้วย แต่รายนั้นกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม จนผู้เป็นพี่จำต้องหุบยิ้มตาม “นี่ อย่าบอกนะว่าแกคิดแบบที่พี่พูดจริงๆ” “เปล่า” เธอตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “เปล่าก็ดี พี่ไม่อยากเห็นแกเป็นโรคคลั่งปลาเหมือนพ่อด้วยอีกคนหรอกนะ มีอย่างที่ไหนขุดบ่อเลี้ยงปลาเอาไว้กลางบ้าน คนปกติที่ไหนเขาทำกัน ดีนะที่บ้านเราไม่มีเด็ก ไม่งั้นคงมีคนลงไปนอนเล่นกับปลาแน่ๆ ว่าแต่เดี๋ยวแกมีไปไหนต่อรึเปล่าเนี่ย” “ไม่แล้วล่ะ หนูรู้สึกเหนื่อยๆ อยากกลับไปพักมากกว่า” เธอบอกด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย “ไม่สบายรึเปล่า ไปหาหมอไหม เดี๋ยวพี่พาไป” พี่ชายถามพลางเอามือมาอังที่หน้าผากน้องสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD