กลางดึกที่เงียบสงัด เงียบจนทำให้เสียงบางอย่างดังเข้ามาในโสตประสาท ใช่! มันเป็นเสียงลมหายใจที่ดังสลับกับเสียงริมฝีปากที่กำลังดูดเม้มโรมรันเนินเนื้ออิสตรีเป็นเสียงจ๊วบๆ
“……” ริมฝีปากที่กำลังดูดเม้ม อีกทั้งเรียวลิ้นที่กำลังตวัดเลียใจกลางความงามแห่งอิสตรี ทำเจ้าของร่างงามถึงกับแทบดีดดิ้น ส่งเสียงครางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยิ่งเสียงดังมากเท่าไหร่ กลับยิ่งกระตุ้นให้เรียวลิ้นสัมผัสหนักหน่วงมากเท่านั้น ราวกับจะปลุกปั่นให้เจ้าของเนินทรมานจนต้องบิดกายเร่าๆ จะว่าไปมันก็คงเป็นความทรมานที่แสนหวาน เพราะยิ่งทรมานมากเท่าไหร่ สองขาเรียวก็ยิ่งถ่างอ้าโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกระหน่ำโรมรันลึกซึ้งมากขึ้น
“อ๊ะ…อื้อ…” เสียงหวานครางสะท้าน เมื่อไม่ใช่แค่ลิ้นที่กำลังคลุกเคล้าละเลียดชิมเนินเนื้อนั้น แต่ยังมีนิ้วเรียวที่ถูกส่งพรวดเข้าไปยังความนุ่มลึกภายใน
กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นหน้าคนที่กำลังรุกล้ำความสาวของตัวเอง ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงคนผู้นั้นด้วยซ้ำ มีเพียงเสียงจ๊วบๆ จากเรียวลิ้นและริมฝีปากที่กำลังกระหวัดเลียเนินสาวที่หยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหวานมากมายเท่านั้น ไม่สิ! ไม่ใช่แค่เสียงนี้ แต่ยังมีเสียงนิ้วกระทบเนื้อที่ขยับเข้าออกแข่งกับเสียงครางหวีดหวิวของเธอ
หญิงสาวค่อยๆ ผงกหัวขึ้น พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะมองหน้าคนที่กำลังรุกล้ำละเลงเลียเนินสวาทหยาดเยิ้มของตัวเอง แต่ด้วยแสงไฟสลัวๆ กอปรกับที่ฝ่ายนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาฟอนฟัดหว่างขาของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้เลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังหลงระเริงไปกับมัน กระทั่ง…
“อ๊า…!” คนที่พยายามจะดันตัวขึ้นมามองจำต้องทิ้งตัวนอนราบลงไป ทันทีที่ติ่งสยิวถูกดูดดึง แรงดูดทำกายสาวบิดเร่าทุรนทุราย สองมือจิกขยุ้มไปบนที่นอนหวังช่วยคลายความเสียดเสียวให้บรรเทาเบาบาง ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนมาขยุ้มศีรษะที่อยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของตัวเอง และกดใบหน้านั้นให้แนบชิดลงมามากกว่าเดิม
“อืม…” เสียงทุ้มครางพอใจกับการตอบสนองที่เต็มไปด้วยความกำหนัดของเธอ นิ้วเรียวที่เคยสอดลึกถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว ทำเอากายสาวถึงกับผวาตาม
ทันใดนั้นความสะเทิ้นสะท้านก็กลายเป็นความซ่านกระสัน เมื่อจู่ๆ ใบหน้านั้นก็ผละออกแล้วใช้สองมือแหวกกลีบสาวทั้งสองข้าง ก่อนก้มหน้ายื่นลิ้นลงไปตวัดเลียติ่งเกสรตรงกลางเป็นจังหวะรัวเร็ว กระทั่งลิ้นร้อนค่อยๆ ชำแรกแทรกผ่านลงไปในความนุ่มลึกภายใน
“อ๊า…” เสียงหวานครางลั่น เพราะในขณะที่เรียวลิ้นจุ่มจ่อมในความนุ่มลึก ปลายจมูกก็กำลังเสียดสีกับปุ่มกระสันให้เธอแทบคลั่ง ดูเหมือนความกระสันจะยังไม่จบแค่นั้น เมื่อมือข้างหนึ่งดันละจากความอวบอูมแล้วเลื่อนขึ้นไปบีบขยำฟอนเฟ้นก้อนเนื้อกลมกลึงด้านบนสลับกันไปมา
“ไม่…ได้โปรด” หญิงสาวแทบไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ถ้ามันเป็นจิตใต้สำนึก เธอก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของเธอกำลังต้องการสัมผัสจากชายนิรนามผู้นี้อย่างหน้าไม่อาย โดยเฉพาะเมื่อเรียวลิ้นถูกเลื่อนไล้ขึ้นมาจากเนินสาว ผ่านหน้าท้องแบนราบ เรื่อยมากระทั่งมาหยุดอยู่ที่ความกลมกลึงทั้งสองข้าง
“อ๊ะ!” เธอครางพลางแอ่นอกยกตัว เมื่อสิ่งที่กำลังสัมผัสความตูมเต่งไม่ใช่มือ แต่เป็นปากและลิ้นที่กำลังโลมเลียอกอวบ ราวกับมันคือขนมหวานแสนอร่อยที่กินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม
กระทั่งเมื่อฟอนฟัดความตูมเต่งจนหนำใจ ใบหน้าคมคร้ามก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา ตอนนี้เองที่เธอเพิ่งมีโอกาสได้มองหน้าชายนิรนามให้ชัดๆ
อา…นี่มันเทพบุตรชัดๆ ต้องยอมรับว่าชายตรงหน้าดูดีจนแทบละสายตาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาดุๆ จมูกเชิดๆ แล้วก็ริมฝีปากที่…มีคราบบางอย่างติดอยู่
‘เฮ้ย! คิดอะไรอยู่เนี่ย’ เธอสะบัดหน้าแรงๆ หลังเผลอคิดเตลิดไปไกล เพียงเพราะคราบเปียกๆ ที่ยังติดอยู่รอบๆ ปากเขา แน่นอนว่าไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นคราบอะไร
หญิงสาวรีบดึงสติกลับมาจ้องมองใบหน้าคมคร้ามที่ถึงแม้จะดูดุจนน่าเกรงขาม แต่มันกลับไม่ได้น่ากลัวสำหรับเธอ ตรงกันข้ามมันกลับดูมีเสน่ห์ดึงดูดจนไม่อาจละสายตา และเธอก็กำลังหลงเสน่ห์จนเผลอมองเขานิ่งนานจนกระทั่ง…
“อ๊ะ” เธอสะดุ้งเฮือกทันทีที่เนินอิสตรีเบื้องล่างถูกรุกล้ำ โดยนิ้วเรียวที่จู่ๆ ก็ส่งพรวดเข้ามา
“ร่างกายนี้เป็นของข้า และเจ้าเองก็เป็นของข้า” คนที่กำลังกัดเม้มริมฝีปากด้วยความเสียดเสียวจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงทุ้มที่ราวกับจะประกาศสิทธิ์ในตัวเธออีกครั้ง
“คะคุณ…เป็นใคร” เธอพยายามถามแต่ก็เป็นไปด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะขณะที่เธออ้าปากถาม นิ้วที่กำลังจุ่มจ่อมอยู่ในความนุ่มลึกก็เริ่มขยับเร็วขึ้น
“อ๊ะ…ไม่…ดะเดี๋ยว…อื้อ” เธอครางประท้วง แต่เสียงนั้นก็ถูกกลืนหาย เมื่อชายตรงหน้าก้มลงมาประกบริมฝีปากแบบไม่ทันตั้งตัว ไหนจะเรียวนิ้วเบื้องล่างที่ยังคงขยับสอดลึกสลับถอดถอน เปลี่ยนเสียงครางประท้วงให้กลายเป็นเสียงครางหวีดหวิว แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ผละออกไป
“หากถึงเวลาเจ้าจะรู้เองว่าข้าเป็นใคร ถึงตอนนั้นข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน…ชั่วนิรันดร์” เขาบอกพลางลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง
“ทะทำไม…” เธออยากถามใจจะขาดว่าเวลานั้นมันคือเวลาไหน แต่สายตาเจ้ากรรมก็เผลอเลื่อนลงมองลอนหน้าท้อง ไม่หรอก เธอไม่ได้มองแค่หน้าท้อง แต่เธอมองต่ำกว่านั้น
เอื๊อก…! หญิงสาวผงะตาโตด้วยความตกใจ แต่แทนที่จะรีบหันไปอีกทาง เธอกลับยังจ้องมันอยู่อย่างนั้น ราวกับมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เธอต้องเก็บรายละเอียด กระทั่งเสียงทุ้มๆ ก็ดึงสติที่กำลังเตลิดให้กลับมา
“มันเป็นของเจ้า ไม่ว่าตัวข้าหรือแม้กระทั่ง…หัวใจของข้าล้วนเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว รีบกลับมา กลับมาหาข้า…ลู่อวี๋กลับมาหาข้า” เขาบอกพลางยื่นมือมาให้เธอจับ แต่ตัวเขากลับขยับห่างออกไปเรื่อยๆ ราวกับถูกใครฉุดเอาไว้เบื้องหลัง ทำให้เธอต้องรีบยื่นมือออกไปหวังจะคว้ามือนั้น แต่มันก็ช้าไป เมื่อทุกอย่างพลันหายวับ เหลือเพียงเสียงทุ้มที่ยังดังก้องอยู่
“ข้าจะรอเจ้า”