วันที่เด็กหญิงพิยดา ลูกที่เกิดจากคนรับใช้ในบ้านอัศวเมฆินทร์ลืมตาดูโลก ไม่มีใครเลยสักคนจะโอบกอดเด็กน้อยด้วยความรัก ต่างพร้อมใจกันผลักไสไม่อยากรับเด็กหญิงที่จะกลายเป็นภาระมาไว้ในอ้อมแขน เนื่องจากแม่ของหล่อนเป็นผู้พิการทางสมอง ลำพังช่วยเหลือตัวเองยังลำบาก มีลูกสาวมาเกิดจะดูแลลูกได้อย่างไร
หากไม่มีหญิงชราที่ชื่อยายทองเมตตาดูแลเด็กน้อยคงจะไม่มีโอกาสได้เติบโต
“คุณมลขา แย่แล้ว ที่สตูดิโอตอนนี้มีปัญหา...”
หญิงวัยกลางคนไม่แม้แต่จะเหลือบหางตากลับไปมองเลขาฯ คู่ใจที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามารายงานข่าวด่วน “นางแบบที่สตูดิโอมาไม่ครบตามที่ดีลไว้ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ติดต่อไม่ได้เลย อีเวนต์เปิดตัวสินค้าล็อกวันไว้แล้ว ยังไงก็เลื่อนไม่ได้ ครีมมี่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ให้รอนางแบบคนนั้นถึงเก้าโมง ถ้าไม่มา จะเรียกตัวนางแบบคนเก่าที่เคยดีลกันไว้กลับมาถ่ายให้เรา คนเก่าที่ปฏิเสธงานไปเพราะผัวซ้อม ครีมมี่ลองดูรูปแล้ว รองพื้นน่าจะเอาอยู่ ไม่เสียชื่อแบรนด์แน่นอนค่ะ”
“ไม่ต้องรอให้เสียเวลา เรียกนางแบบเก่าเข้ามาตอนนี้เลย บอกเขาว่าฉันจะช่วยเก็บเป็นความลับ ถ้าไม่สะดวกถ่ายในห้องรวมก็จะจัดแยกฉากให้ไปถ่ายอีกที่”
ตัดบททิ้ง เพราะรอไปก็เสียเวลา ถ้าพิยดาจะมาทำงาน ก็คงจะไปที่สตูดิโอ ไม่ใช่โผล่ไปขอพบท่านที่คฤหาสน์ตามการรายงานจากสกาวใจที่เพิ่งจะโทรมาบอกเมื่อครู่นี้
ครีมมี่เป็นสาวสมัยใหม่ที่หัวไว สวย เก่ง ครบเครื่อง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็เก่ง สมแล้วที่ทำงานเป็นเลขาฯ คู่ใจท่านมายาวนานถึงเจ็ดปี เจ้าหล่อนออกไปต่อสายหาทีมงานในสตูดิโอไม่นานนักก็ย้อนกลับเข้ามาห้องรับรอง
“ครีมมี่จัดการเรียบร้อยทั้งหมดแล้วค่ะ นางแบบกำลังเดินทางมาที่สตูดิโอ ทีมงานก็เตรียมห้องถ่ายแบบกับช่างแต่งหน้าไว้พร้อม ถ้ารองพื้นตัวใหม่ของเรากลบมิดจนไม่มีใครสังเกตเห็นรอยตี คงจะขายดีเทน้ำเทท่าเลยนะคะ”
แค่พยักหน้า ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
“เธอออกไปข้างนอกเห็นสามีฉันหรือเปล่า ท่านเข้าห้องประชุมหรือยัง”
“ท่านเข้าไปแล้วค่ะ ครีมมี่เห็นแค่คุณรันกับกลุ่มเลขาฯ”
คุณนฤมลนั่งพักในห้องรับรองต่อไปอีกนาทีกว่า ลงลิฟต์ไปให้ประจวบเหมาะกับการมาถึงของพิยดา ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเด็กสาวมาหาท่านต้องการอะไร แต่ถ้าหากเข้าหาคุณเขมราชโดยตรง เด็กสาวอาจจะกลับไปด้วยผลลัพธ์ที่พึงพอใจ สามีท่านเป็นคนใจอ่อน แตกต่างจากการเข้าทางท่านที่ใจร้ายมากกว่า
เจ้าหล่อนเป็นใครมาจากไหน หัวนอนปลายเท้ามีหรือเปล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเหรอจะรู้ พวกเขาวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังเข้ามาจับแขนเด็กสาวคนละข้างลากตัวออกไป เสี้ยววินาทีใบหน้าอมทุกข์เหลียวมองมาทางนี้ และได้ประสานสายตากัน ดวงตาคู่นั้นกระชากจิตวิญญาณท่านกลับสู่อดีตในวันที่นั่งร้องไห้หน้าโลงศพลูกสาว
หากน้องรินยังมีชีวิต ลูกสาวท่านจะอายุมากกว่าพิยดาสองปี ทำไมกัน ทำไมน้องรินต้องตาย!
“คุณมล! ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาท่าน!”
“ใครกันคะคุณมล ให้ครีมมี่สั่ง รปภ. พาตัวออกไปเลยไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้จักเด็กคนนั้น”
“คุณมล! พิมมีเรื่องอยากขอร้อง! ขอโอกาสให้พิมได้คุยกับคุณมลสักนิดเถอะนะคะ ปล่อย... ปล่อยฉัน! คุณมล... พิมมาหาคุณมล เพราะพิมมีเรื่องอยากขอร้องค่ะ”
เรื่องที่หญิงสาวอยากขอร้องน่าจะเรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงไม่รีบวิ่งจนเกี่ยวขาตัวเองล้ม
คุณนฤมลยกรองเท้าส้นแหลมถอยไปด้านหลัง ไม่ให้เด็กสาวเอื้อมมือเข้ามาแตะต้องตัว ใบหน้ามอมแมมเลอะคราบน้ำตานั้นไม่เหลือเค้าโครงของการเป็นคนสวย
“เธอทำอะไร มาไหว้ฉันทำไม เธอคิดจะทำให้ฉันอับอายต่อหน้าสาธารณชนเหรอ! นี่มันบริษัทสามีฉันนะ ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว ที่เธออยากจะมารยาทเสแสร้งบีบน้ำตา หรือทำตัวตามใจชอบ”
“พิม ฮึก... มีเรื่องอยากขอร้องค่ะ...”
“จะมาของานเหรอ หรือขอโทษ! ฉันก็ให้ไปแล้ว แต่เธอกลับทิ้งโอกาสมาทำตัวไร้สาระที่นี่! ฉันรึอุตส่าห์ให้โอกาสเธอได้มีงานทำ ยัดงานถ่ายแบบให้ เพราะเห็นว่ากำลังลำบาก ที่ๆ เธอควรอยู่คือสตูดิโอ ไม่ใช่ที่นี่!”
“พิมทราบค่ะ... พิมไม่มีความรับผิดชอบต่องานที่คุณมลหยิบยื่นมาให้ พิมจะชดใช้ให้ จะทำงานฟรี ไม่คิดเงินค่าแรง คุณมลจะให้พิมถ่ายงานอะไรก็ได้พิมทำให้หมด แต่ที่พิมต้องบากหน้ามาหาคุณมลในวันนี้ เพราะพิมมีเรื่องอยากขอให้คุณมลช่วย พิมกำลังเดือดร้อนจริงๆ ค่ะ”
มือคู่บางจากที่แค่ประนมไว้ ตอนนี้พิยดายอมก้มกราบต่อหน้าคนจำนวนมากที่จับกลุ่มมุงดูเหตุการณ์
ลำคอคุณนฤมลแข็งเป็นหิน เหลียวมองไปรอบๆ ก่อนท่านจะก้าวถอยหลังออกห่างจากเด็กสาวรุ่นลูก
“นี่เธอหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำอะไรเกรงใจภาพลักษณ์ฉันบ้าง!”
“พิมอยากยืมเงินคุณมลห้าล้านค่ะ คุณมลให้พิมยืมได้ไหมคะ ฮึก! พิมรู้... ว่ามันมากเกินไป แต่พิมจำเป็นต้องได้เงินตอนนี้ คุณมลช่วยพิมได้ไหมคะ พิมสัญญา... พิมจะไม่หนีหนี้ พิมจะตั้งใจทำงาน หาเงินมาใช้หนี้คุณมลให้ครบทุกบาท คุณมลจะคิดดอกเบี้ยพิมเท่าไหร่ก็ได้ หรือจะให้พิมทำอะไรก็ได้ พิมยอมทำทุกอย่างค่ะ”
“เงินมากมายขนาดนั้น เธอจะเอาไปทำอะไร เธอเห็นฉันเป็นเศรษฐีใจบุญโปรยเงินแจกคนอื่นไปทั่วเหรอถึงมาขอร้อง! ทั้งที่ก็รู้ว่าฉันเกลียดครอบครัวเธอมากแค่ไหน เธอเป็นคนแรกและคนสุดท้ายในโลกนี้ ที่ฉันไม่อยากจะช่วยเหลือหรือหยิบยื่นอะไรให้! ที่เธอได้งานทำ! คิดว่าใครขอร้องล่ะ! สามีฉัน! เขาขอให้ฉันรับเธอเข้าทำงานเพราะสงสารที่เธอต้องหาเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่คนเดียว! แต่ถามใจจริงของฉันแล้ว... ฉันไม่เคยสงสารพวกเธอเลย!”
“...”
“คนเคยทำชั่ว สมควรต้องได้รับผลกรรม! คิดบ้างสิ! พ่อเธอเคยรวยระดับประเทศ วันมีมาก ถ้าเขารู้จักเห็นหัวคนอื่น รู้จักช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ไม่ใช่คอยเหยียบแต่หัวคนอื่น ในวันที่เขาอับจน ก็คงจะมีใครหลายคนอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ! แต่เพราะเขามันชาติชั่ว ทั้งยังสอนลูกๆ ให้ชาติชั่วตามพ่อ วันที่สิ้นเนื้อประดาตัว อับจนถึงขั้นไม่มีอันจะกินถึงได้ไม่มีใครเขาเห็นหัวพวกเธอยังไงล่ะ แล้วเอาอะไรมาคิด ว่าฉันจะใจดีให้เธอยืมเงินมากมายขนาดนั้น! เงินห้าล้าน! ฉันเอาไปบริจาคให้หมาแมวจรจัดยังได้บุญมากกว่าบริจาคให้คนตกอับจนตรอกอย่างพวกเธอ!”
‘อีหมาขี้เรื้อน อีแม่เป็นใบ้ ปัญญาอ่อน ไม่มีสมอง!’
กรรไกรแหลมคมในมือเด็กหญิงอายุมากกว่าพิยดาสองปีง้างออกกว้าง ขยุ้มปอยผมยาวเลียนแบบเจ้าหญิงราพันเซลติดมือมาได้เด็กน้อยผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมลงมือตัดจนขาด พิยดาในวัยเด็กตัวเล็กนิดเดียวไม่มีทางสู้ ยกมือไหว้อ้อนวอนขอร้องให้ปล่อยศิรินทร์กับดุจเดือนก็ไม่ยอม กดดันเด็กรับใช้ฐานะต้อยต่ำให้ล้มก้นติดพื้นเมื่อไปจนมุมในสวนหลังบ้าน
‘คุณรินอย่า! พิมกลัว กลัวแล้ว อย่าทำพิมเลยนะคะ...’
ผมยาวที่พิยดาเคยภาคภูมิใจและได้ถักเปียน่ารักๆ ไปโรงเรียนทุกวัน ถูกศิรินทร์ตัดสั้นเหลือแค่ติ่งหูน่าเกลียดเหมือนเอากะลามะพร้าวมาครอบ วันเวลาเปลี่ยนมาถึงปัจจุบัน พิยดาก็ยังคงเป็นพิยดาคนเดิมที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าหมาแมวขี้เรื้อนข้างถนนในสายตาคุณนฤมล มันเจ็บร้าวลึกเข้ามาถึงกระดูกกับการตอกย้ำถึงความไร้ค่าในตัวหล่อน
อาการวิงเวียนศีรษะเข้าเล่นงานจากการถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างหนัก พิยดาก้มหน้าลงมองแผ่นกระเบื้องที่มีหยดน้ำตาใสรินไหลลงไปกองรวมกับหยาดเลือดสดที่ไหลผ่านเหงื่อลงไปเบื้องล่าง
พิยดาคิดว่าหล่อนอาจจะเสียสติไปแล้ว ที่บนริมฝีปากมีรอยยิ้ม ทั้งที่ควรจะร้องไห้ฟูมฟาย ต้องยิ้มสิ... เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่านิสัยทั้งหมดของศิรินทร์ถอดแบบมาจากแม่ของหล่อน
ถึงได้ใจร้ายใจดำเหยียบย่ำคนล้มและคนที่อยู่ต่ำกว่า แม้รองเท้าจะเลอะคราบเลือดแต่ก็ยังเหยียบขยี้ลงมา สาแก่ใจเมื่อไหร่รองเท้าข้างนั้นก็ถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่า ไม่ต่างไปจากคนที่ถูกทำร้าย หัวหน้ากลุ่มนักเรียนชั้นมอหกที่รุมทำร้ายพิยดาไม่เว้นในแต่ละวัน ถึงขั้นที่หล่อนร้องไห้จะเป็นจะตายไม่อยากตื่นไปโรงเรียน คิดว่าเป็นใครกัน...
‘กินสิ! กินลงไป! มึงจะคายทิ้งทำไมอีเรื้อน มึงเป็นแค่คนรับใช้ในบ้านพี่เมศ! กูสั่งให้ทำอะไรมึงต้องทำ อ้าปากสิอีพิม! หรือมึงจะให้กูเอาแท่งเหล็กมางัดปาก! พวกมึง มาช่วยกูง้างปากมัน’
‘คุณรินอย่า ฮือ... พิมแพ้กุ้ง’
ปากเล็กถูกบีบจนเจ้าตัวเจ็บ ขยับเขยื้อนตัวไปทางไหนไม่ได้ราวกับถูกตรึงแน่นไว้บนไม้กางเขน
กลุ่มเพื่อนของศิรินทร์หัวเราะลั่น สนุกสนานกับการรุมแกล้งแกะดำในโรงเรียน นักเรียนคนอื่นมาจากครอบครัวมีชาติตระกูล ร่ำรวย แต่พิยดาเป็นแค่ลูกคนรับใช้ มีสิทธิ์อะไรมาเรียนในโรงเรียนเดียวกับสาวๆ ลูกหลานมหาเศรษฐี
สาวนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มใหญ่รวมหัวกันจับล็อกแขนสองข้างและต้นคอของพิยดาไว้ อีกคนเอามือบีบปากและเอาไม้บรรทัดเหล็กยัดไว้ให้ปากเล็กอ้ากว้าง พอที่ศิรินทร์จะยัดกุ้งที่มีมันเยิ้มเข้าใส่ปาก บังคับให้กลืนลงท้องด้วยการทำร้ายร่างกายเฝ้ามองหล่อนทุรนทุรายจากอาการแพ้กุ้งเจียนตายกว่าจะพอใจ และไปบอกครูให้เรียกรถพยาบาลมารับ
ผื่นแดงขึ้นเต็มตัวพิยดา หายใจติดขัด ทรมานเจียนตายอุตส่าห์รอดมาได้หวังว่านักเรียนกลุ่มนั้นจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน หรือถูกทำโทษ แต่พิยดากลับได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลมาแค่ห้าพันบาทแลกกับให้เรื่องจบ
แล้วมันก็จบจริงๆ
การกลั่นแกล้งในโรงเรียนทำให้เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ปกป้องต้องทนทุกข์ทรมาน กลายเป็นปมฝังใจ ปล่อยวางไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะตายไปแล้วก็ไม่คิดจะให้อภัย ยังคงเกลียดซ้ำๆ ในทุกครั้งที่นึกถึงภาพในอดีตที่ถูกทำร้าย
“คุณริน.. เป็นลูกสาวที่เหมือนแม่มากๆ เลยนะคะ ไม่ว่าจะหน้าตา หรือนิสัยใจคอ เพราะเธอเป็นคนประเภทที่ทำได้ทุกอย่าง... ขอแค่ตัวเองมีความสุข แต่ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกเจ็บปวด และทุกข์ทรมานกับการกระทำนั้นมากแค่ไหน... ฮึก...”
“...”
“ลองเปลี่ยนให้พิมเป็นคนที่ตายในวันนั้น ตาย... ไปพร้อมกับลูกในท้อง ความเกลียดชังระหว่างสองตระกูลจะยังมีหรือเปล่าคะ หรือไม่มี... เพราะคนที่ ‘ตาย’ มันไร้ค่ายิ่งกว่าหมาจรจัดข้างถนน เป็นแค่คนรับใช้ มีแม่เป็นคนพิการ ไม่ใช่ลูกเศรษฐีอย่างลูกสาวคุณมล! ทั้งที่มันตายน่ะถูกแล้ว คนชั่วอย่างมัน! ให้มันตายห่าตายโหงไปเลย!”
วิญญาณผีร้ายสวมร่างพิยดาให้พูดในสิ่งที่คิดโดยไม่ตรึกตรองให้รอบคอบ แต่พิยดาไม่เสียใจ ทุกคำที่พูดหล่อนพูดออกมาจากหัวใจ จะกี่เดือนหรือกี่ปี คนตระกูลนี้ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด พานโกรธ พานเกลียดคนรอบข้าง แต่ไม่เคยเหลียวมองตัวเองว่าที่ผ่านมาเคยทำอะไรกับคนอื่นไว้บ้าง
แววตาพิยดาแข็งกร้าวใส่คุณนฤมลได้ไม่นานนัก ก่อนใบหน้าขาวมอมแมมจะเอียงไปด้านข้าง จากการสะบัดตบเพียงครั้งเดียวจากหญิงวัยกลางคน
มีแรงเท่าไหร่คุณนฤมลทุ่มตบในครั้งเดียวจนเรือนร่างเล็กบางของพิยดาล้มลงไปนอนราบบนพื้นบริษัท
พิยดาทั้งเจ็บ ทั้งอาย วางมือสั่นระริกทาบบนซีกแก้มซ้ายแหงนแววตาอ่อนไหวขึ้นมองคนใจร้าย
จากที่ร้องไห้อยู่แล้วพิยดาร้องไห้หนักมากขึ้น ถูกพวกบ่อนทุบตีว่าเจ็บมาก มาถูกมารดาศรันย์ตบซ้ำทับบนรอยเก่า หล่อนเจ็บได้อีก แก้มขาวแดงปื้นเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้า เลือดสีแดงบนมุมปาก แดงเข้มพอๆ กับรอยแตกข้างขมับที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ลักษณะการนอนราบลงพื้นไม่ต่างจากไม้ถูพื้น ที่ถูเอาคราบเลือดกองเล็กๆ ไปด้วย
พวกเขาส่งต่อความร้ายกาจมาทาง DNA เหรอ ทำไมถึงได้ใจร้ายนัก อยากตบ อยากตี ก็ทำตามใจตัวเอง เสี้ยววินาทีที่ทอดสายตามองคุณนฤมล พิยดาเห็นภาพซ้อนใบหน้ายิ้มร้ายกาจเมื่อครั้งที่ศิรินทร์ยังมีชีวิต หล่อนเกลียดศิรินทร์ เกลียดมันพอๆ กับที่เกลียดราเมศวร์ และดุจเดือน ถึงแม้ศิรินทร์จะตายไปแล้วหล่อนก็ยังฝังใจเกลียด
ไม่คิดจะอโหสิกรรมให้ในทุกสิ่งที่มันเคยกระทำไว้กับหล่อน!
“ถ้าเจ็บ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าฉันตั้งใจ! ฉันตบเธอ! เพื่อเตือนสติให้เธอรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ลูกสาวฉันตายไปแล้ว ตายอย่างทรมาน ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกไปคนตายก็ไม่สามารถโต้แย้งได้!”
“เสียแรงที่ฉันเกือบจะใจอ่อนเอ็นดูเธอตามคุณเขม แต่สุดท้าย! นิสัย สันดานของเธอ มันก็ต่ำช้าไม่ต่างไปจากคนอื่นในบ้านของเธอ! ไปให้พ้นหน้าฉัน อย่ามาเหยียบบ้านฉัน บริษัทฉัน ไสหัวออกไป!” ท่านขับไล่หญิงสาวออกไปจากบริษัท ชิงชังน้ำหน้าจนไม่อยากจะให้คนหน้านี้ ชื่อนี้ บ้านนี้เอาหน้ามาให้เห็นอีก
พิยดาหลับตาแน่นร่ำไห้ปล่อยน้ำตาให้ไหล “ฮือ...”
“อย่ามาบีบน้ำตา ไสหัวออกไป!”
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะยุ่งวุ่นวายมากไปกว่านั้น หัวไหล่คุณนายถูกโอบให้ถอยกลับไปด้านหลัง
ส่วนเรือนร่างเล็กบางของพิยดาถูกต้อนเข้าไปอยู่ในวงแขนกว้างของศรันย์ สองพ่อลูกได้รับรายงานการทะเลาะวิวาทระหว่างคุณนฤมลกับผู้หญิงแปลกหน้าจึงรีบเข้ามาระงับเหตุการณ์
ค่อนข้างตกใจไปตามๆ กันเมื่อเห็นหน้าค่าตาหญิงสาวคนที่เข้ามาอาละวาดถึงในบริษัท
“คุณมล มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น! ไม่อายคนอื่นเหรอ คนมองตั้งเยอะ”
“ถามหลานรักของคุณดูสิ! ว่ามันพูดอะไรให้ฉันโกรธ! มันด่าว่าลูกสาวเราสมควรตาย ให้น้องรินตายห่าตายโหง ทั้งที่น้องรินเป็นลูกสาวฉัน มาด่าลูกสาวต่อหน้าแม่ คิดได้ไง!”
“มันเรื่องจริง ฮึก! คุณรินตาย! เพราะตกเลือดตายจากการทำแท้งเถื่อน! ไม่ได้มีใครจากบ้านพิมไปทำให้คุณรินตาย คุณรินเขาตายเอง! แล้วทำไมเกือบสิบปีที่ผ่านมา คุณมลต้องมากล่าวโทษว่าเป็นความผิดของพวกเรา! แล้วใช้อำนาจกลั่นแกล้งให้พวกเราตกอยู่ในสภาพนี้! ฮึก! ที่บริษัทล้มละลาย ที่พวกเราขาดสภาพคล่องทางการเงิน คุณมลพูดสิคะ! ว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกคุณ! พิมรู้! ก่อนไปเรียนต่อ ป. โท พิมเคยทำงานในบริษัทขนส่งของพ่อ พิมรู้หมดนั่นแหละ ว่าใครหักหลัง กลั่นแกล้งพวกเราบ้าง ฮือ...”
พิยดาเถียงกลับไม่ลดละ สาดคำพูดแย่ๆ ใส่คุณนฤมลโดยไม่สนใจจะรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าคุณเขมราชหรือศรันย์
เขากอดรัดรอบเอวไว้แน่น กระซิบข้างหูขอร้องให้หยุดพูด แต่ความอยากเอาชนะทำให้พิยดาไม่แคร์เขา
หล่อนแค่โกรธ ที่ไม่เคยมีสิทธิ์มีเสียงจะพูดในคำที่อยากพูด ต้องอดทนฟังเสียงคนอื่นพูดฝ่ายเดียวไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ
พิยดาไม่ใช่เด็กคนเดิมอีกแล้ว
หล่อนมีความคิด มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ ไม่ต่างไปจากคนอื่นแล้วทำไมทุกคนต้องกดหล่อนให้ฟังอย่างเดียว เพียงเพราะหล่อนเกิดมาเป็นลูกคนรับใช้!
“ฉันแค่ยืมมือคนอื่นยังพังเละเทะขนาดนี้ เธอควรขอบคุณนะที่ฉันไม่ลงไปเล่นงานพวกเธอด้วยตัวเอง! เรื่องมันไม่มาถึงขนาดนี้หรอกพิม ถ้าไอ้เมศมันมีความรับผิดชอบสักนิด! ฉันก็คงจะไม่โกรธไม่เคียดแค้นพวกเธอ! แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย มันสาสมแล้วที่บ้านของเธอต้องพบกับความวิบัติ ไม่ใช่เพราะฉันทั้งหมดหรอกนะ แต่มันเพราะพวกเธอทำตัวเอง บริหารงานแย่เอง หัดยอมรับความจริงแล้วลดการกล่าวโทษคนอื่นลงบ้างพิม!”
“แล้วคุณมลล่ะคะ! คุณมลเคยยอมรับความจริงหรือเปล่าเรื่องลูกสาวของคุณ! พี่เมศเคยบอกว่าเขาไม่เคยล่วงเกินคุณริน! ทำไมคุณมลไม่คิดบ้าง! ว่าลูกสาวตัวเองไปนอนกับผู้ชายคนอื่น ฮือ... ทำไมต้องโยนความผิดมาให้พวกเรา ถ้าเด็กในท้องใช่ลูกพี่เมศจริง แค่รอตรวจ DNA หลังคลอดพี่เมศก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว ฮึก... แต่คุณรินเลือกที่จะเอาเด็กออก! แอบไปทำแท้งไกลถึงภูเก็ต มันเพราะอะไรคะ คุณมลก็หัดยอมรับความจริงบ้าง!”
“พิม พอได้แล้ว พี่ขอร้อง...”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันสั่งให้เธอหยุดพูด!”
“ไม่ค่ะ! พิมไม่หยุด พิมจะพูด!”
“ไสหัวไป! ออกไปจากชีวิตฉัน ออกไปจากบริษัทสามีฉัน ออกไป๊! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก คนอย่างเธอ ต่อให้มากราบฉันสักกี่ครั้งฉันก็ไม่อยากช่วยอะไรสักอย่าง เพราะปากของเธอ นิสัยของเธอ สันดานของเธอมันเหมือนพ่อกับพี่ชายเธอยังไงล่ะ เลวกันทั้งบ้าน เลวกันทั้งโคตร!”
จะเข้าไปทุบตีเด็กร้ายกาจจากบ้านอัศวเมฆินทร์ แต่สามีกอดไว้แน่น พิยดาก็ได้รับการปกป้องจากลูกชาย ยากที่ท่านจะเข้าถึงตัว จึงทำได้แค่ขับไล่ไสส่ง
“ถ้าพิมเลวได้พ่อ ลูกสาวคุณมลเลวได้ใคร! มันทำอะไรกับพิมไว้บ้าง! คุณมลหลับหูหลับตาไม่สนใจ แค่เพราะพิมมันไร้ค่างั้นเหรอคะ! มันทำร้ายร่างกายพิมตั้งแต่เด็กจนโต ทำพิมทุกอย่าง เหมือนพิมไม่ใช่คน! ไม่ใช่ลูกมีพ่อมีแม่! แต่คุณมลก็ไม่เคยคิดว่าลูกตัวเองเลว เพราะคุณมล...”
เพียะ!
สตรีสูงวัยหลุดออกจากสามีมาได้ตบซ้ำที่รอยเดิมจนพิยดาที่เพิ่งจะยืนขึ้นล้มลงไปกองบนพื้นอีกครั้ง คนถูกตบกัดปากตัวเองจนเจ็บ ยกมือทาบข้างแก้มเงยหน้าขึ้นมองท่านทั้งสองที่มองมาด้วยแววตาเกลียดชัง
“ออกไป!”
“พอเถอะครับคุณแม่ ผมขอร้อง อย่าไล่พิมอีกเลย พิม... พิมหยุดพูดเถอะนะ พี่ขอร้อง พิมกำลังทำให้พ่อแม่พี่โกรธ”
ศรันย์โอบรอบไหล่บาง ตัวเขาสั่นเพราะไม่เคยเห็นพิยดาอาละวาดถึงขั้นไม่เกรงใจผู้ใหญ่แบบนี้มาก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนหล่อนเป็นเด็กหัวอ่อนพูดจาอ่อนหวานมากกว่านี้
“น้องพิม กลับไปก่อน ไว้รอลุงใจเย็นกว่านี้เราค่อยคุยกัน”
น้ำใสๆ ปริ่มดวงตาในขณะที่หล่อนช้อนตามองมาที่เขา ความรู้สึก ณ ตอนนั้น เงียบสงัด วังเวง มีเมฆหมอกบดบังจนพวกเขาแทบจะมองไม่เห็นกันทั้งที่อยู่ใกล้จนสามารถสัมผัสเนื้อตัวได้
ศรันย์ลากมือกร้านจากแผ่นหลังสะท้านขึ้นมาแตะใบหน้านวลให้หล่อนรู้ว่าเขารัก และไม่อยากจะให้เรื่องของพวกเขาจบลงเพราะพฤติกรรมด้านลบที่พิยดาแสดงออกต่อหน้าพ่อแม่เขา
เขาจับเส้นผมยาวรุงรังออกไปทัดหลังหูเพื่อให้ดวงตาสองคู่ได้สบกันอย่างลึกซึ้ง ทว่ามันกลับทำให้เขาช็อกจนหาปากตัวเองไม่เจอเมื่อข้างขมับบางมีรอยแตก และมีเลือดสีแดงสดซึมออกมาเกาะตามเส้นผม
พิยดายืนขึ้นช้าๆ เลื่อนสายตาฉ่ำน้ำมองหน้าทุกคนในตระกูลอรัญรัตนามาหยุดที่ใบหน้าศรันย์
รู้ว่าเขายังรัก และหล่อนเองก็ยังรักเขาไม่เสื่อมคลาย แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ พิยดาไม่อยากฝืน หล่อนขอยอมจำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างหล่อนให้ต้อยต่ำจนไม่อาจเอื้อมถึงคนสมบูรณ์แบบอย่างเขา
มันจบแล้ว
ทั้งเรื่องเงินห้าล้าน และความหวังจะได้ครองคู่กัน คุณเขมราชผู้ใจดีออกปากไล่ถึงขั้นนี้พิยดาไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ
“ถ้าเกลียดพิมกับพ่อมากนัก ฮึก... พิมจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก...”
ขอให้เราจบกันแค่นี้
ความหมายแอบแฝงที่ซ่อนเร้นในสายตาคู่นั้นหวังว่าศรันย์จะเข้าใจ และยอมจบตามที่หล่อนต้องการ
ปลดมือเหนียวคู่นั้นทิ้ง หันหลังให้เขาออกวิ่งไปตามทางของตัวเอง
เงินห้าล้านใช้หนี้ให้พวกบ่อนหล่อนไม่มี มีก็แค่ร่างกาย พวกมันอยากเอาไปทำอะไรก็เอาไปเถอะ
ร่างกายหล่อนมีแค่ร่างเปล่าๆ ไม่มีเลือดเนื้อหรือจิตใจให้ใครมาทะนุถนอม เป็นร่างกายที่แค่อยู่รอวันตาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวันนั้นใกล้มาถึงหรือยัง
“ฉันเกลียดมัน กล้าดียังไงมาพูดถึงลูกสาวเราในแง่ร้าย ฮือ...”
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ เข้มแข็งไว้นะ...”
คุณเขมราชผิดหวังในตัวเด็กสาวคนที่เคยเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน
ไม่คิดว่าหล่อนจะสืบทอดนิสัยก้าวร้าวมาจากพ่อผู้ให้กำเนิด จนกลายเป็นเด็กที่จ้องจะเหยียบหัวผู้ใหญ่ตลอดเวลา
ภรรยาท่านแค่อยากได้ยินคำขอโทษจากปากคนบ้านนั้นสักครั้ง แต่ผ่านมาเกือบสิบปี ไม่เคยมีใครสักคนมาขอโทษและยอมรับว่าเป็นคนผิด
ความเกลียดจึงยังฝังรากลึกถล่มลงใส่เด็กสาวจนอีกฝ่ายก็สะท้อนความเกลียดกลับมาที่พวกท่าน
“พิม... หยุดคุยกับพี่สักครั้งเถอะนะ อย่าเอาแต่หนีพี่อีกเลย”
เสื้อสูทสีดำทาบทับบนร่างกายสูงใหญ่เสริมบุคลิกศรันย์ให้กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้สง่างาม มันใช่ หากพบเจอเขาในเวลาปกติ ไม่ใช่ตอนนี้ ที่เขาสับขาวิ่งเต็มกำลังแหวกกลางกลุ่มพนักงานที่เข้าออกบริษัท ไล่ตามไปคว้าข้อศอกบาง
แผลข้างขมับบางไม่ใช่เล็กๆ ปากแผลกว้างจนเลือดไหลอาบข้างแก้ม แต่เพราะเส้นผมของหล่อนยาวมากจึงช่วยอำพรางรอยแผลไว้ ให้มีแค่เจ้าตัวคนเดียวเท่านั้น ที่รู้สึกถึงมันจากความเจ็บปวดร้าวลึกลงถึงกระดูกในทุกลมหายใจ
รอยแผล หรือรอยฟกช้ำเล็กๆ ตามตัว เป็นสิ่งที่ทำให้ศรันย์เสียใจมากที่สุด เขาไม่เคยอยากเห็นแผลพวกนี้บนร่างกายผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเรี่ยวแรง หรืออำนาจต่อกรกับใคร
แต่หล่อนโตจนป่านนี้ ทำไมกัน ทำไมรอยแผลไม่หมดไปจากตัวหล่อนสักที เขาไม่แคร์ว่าใครจะมองมา จะพนักงานบริษัท คนนอก หรือพ่อแม่ เขาก็ไม่คิดจะแคร์หน้าไหนอีกแล้ว
เขารักผู้หญิงคนนี้มากจนไม่อยากจะสนใจความคิดของคนอื่น หรือความเหมาะสมทางฐานะ แค่อยากมีคนที่เขารักอยู่ในชีวิตแค่นี้ จะไม่ได้เชียวเหรอ?
“จะตามพิมมาทำไม ก็เห็น... พ่อแม่พี่เกลียดพิมมากแค่ไหน...”
“ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง ในเมื่อพิมเจ็บ... พี่จะไม่ถามเรื่องที่พิมทะเลาะกับคุณแม่ เรื่องน้องรินพี่ก็จะไม่พูดถึง แต่พิมบอกพี่มาเถอะนะ แผลบนหัวพิมมาได้ยังไง เราเพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว พิมยังไม่มีสักแผลเลยนะ... พิมบอกพี่ได้ไหม บอกพี่นะ... ใครทำร้ายพิม บอกพี่ พี่จะไปจัดการมัน”
แม่ไม่ใช่ภาระ ไม่ใช่คนที่พิยดาต้องการจะตัดออกไปจากชีวิต ถ้าไม่มีแม่พิยดาก็แทบจะไม่เหลือใคร หล่อนไม่อยากไม่เหลือใครให้รัก ให้คิดถึง และพยายามทำทุกอย่างเพื่อคนนั้น
ชีวิตที่โดดเดี่ยวหล่อนไม่ต้องการ
เปรียบพิยดาเป็นนก ปีกสองข้างของหล่อนถูกทุบตีจากคนรอบข้างจนไม่อาจโผบิน ทำได้แค่เหลียวมองนกตัวอื่นโบยบินบนท้องฟ้า ในขณะที่หล่อนทำได้แค่เดินไปข้างหน้า ออกเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีแม้กระทั่งจุดหมายปลายทาง
ได้แต่หวังว่าทางข้างหน้า จะมีใครสักคนรอคอยโอบกอดเรือนร่างสั่นเทา ทายาให้ และคอยอยู่ข้างๆ จนกว่าปีกสองข้างจะแข็งแรง กลับมาโบยบินได้อีกครั้ง
คนที่สามารถทำให้พิยดากลับมาเข้มแข็งและยิ้มได้
มีจริงหรือเปล่า
“แม่พิม ฮึก... ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่พิมก็รักของพิม พิมทิ้งแม่ไม่ได้ พิม... จะไปหาพวกบ่อน... ที่มันจับตัวแม่ไป ต่อให้มันให้เวลาพิมอีกสักกี่วัน พิมก็ไม่มีปัญญาหาเงินห้าล้านไปไถ่ใครออกมาได้...”
“...”
“เลิกตอแยพิมสักทีเถอะ ฮึก... พิมรู้ว่าพี่รักพิม พิมก็รักพี่ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเป็นรักที่ไม่มีทางสมหวัง ตัวตนพิมมันเน่าเฟะ ไม่มีทางดีพร้อมสำหรับพี่รันหรอกค่ะ”
“พิมดีพร้อมสำหรับพี่มานานแล้ว อย่าไปจากพี่เลยนะ ขอร้องพี่สิ แค่พูดก็ได้ พูดออกมาคำเดียว แล้วพี่จะช่วยพิมทุกอย่าง...”
“พิมพูดแล้วค่ะ ฮึก... พิมเพิ่งขอร้องให้พี่ปล่อยพิมไป”
หล่อนไม่ขอฝืนทนต่อโชคชะตาเลวร้าย หลับหูหลับตารักและรอเขาอีกแล้ว ทั้งที่เห็นๆ กันอยู่ ว่าแม่เขาเกลียดชัง
นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่พิยดาจะมองหน้าเขาด้วยความรัก แต่หลังจากที่หล่อนกลายเป็นผู้หญิงประเภทนั้น หล่อนจะหยุดรักเขา และจะขอเก็บเขาไว้ในลิ้นชักความทรงจำที่ลึกที่สุด
ลึก... ถึงขั้นที่ชั่วชีวิตนี้จะไม่กลับมาให้เขาเห็นหน้าอีก
“พิม! ไม่เอาพิมอย่าไป! พิมลงจากรถมาสิ ลงมา! พี่เคลียร์ให้ได้ เชื่อใจพี่สิพิม! ลงจากรถ! ลงมา!”
ศรันย์ทุบกระจกรถแท็กซี่คันที่ออกตัวเร็วจนเขาตามไม่ทัน
มาขอร้องเขาสิ จะไปขอร้องแม่ทำไม ทำไมพิยดาไม่มาหาเขา จะเอาเงินเท่าไหร่เขาให้ได้ทั้งหมด แต่อย่าทำร้ายตัวเองให้ทุกข์ทรมาน
เพราะเท่ากับว่าหล่อนกำลังทำร้ายเขาด้วย