Chapter 12
ท่าทางสุขุมสงบเสงี่ยมเป็นที่ชอบพอของทุกคน ติดแค่บ้านหลังนี้มีลูกสาวคนเดียว หากมีมากกว่าหนึ่งคนพวกเขาก็คงยกให้แต่งกับชายหนุ่มไปแล้ว
“เหมี่ยวกิมอีไม่กลับบ้านกลับช่องเลยรึไง? ลื้อไปตามลูกสาวกี่รอบแล้ว ทำไมอีไม่ยอมกลับมาช่วยงาน บ้านช่องมีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ เป็นลูกผู้หญิงซะเปล่า อีต้องมาช่วยกวาดถูบ้าน ทำกับข้าวให้คนที่บ้านกินซี” เสียงยานคางสำเนียงจีนบ่นเป็นใหญ่โต ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะข้าง ๆ ตั่งไม้ที่นั่งวางขาอยู่อย่างโมโห อีกข้างหนึ่งถือไม้เท้าค้ำยันทำจากไม้ไผ่จีน
หากมีแขกครึ่งจีนกลางอย่างลูกเขยมาอาม่าก็ใช้ภาษาไทยสลับไปเพราะหิรัญไม่ได้เข้าใจแต้จิ๋วอย่างแตกฉาน
สองหนุ่มต่างวัยเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โอ๊คจีนสลักลายดอกไม้โบราณ
“อั๊วไปตามแล้ว... อีไม่กลับ ม๊าจะให้อั๊วทำไงล่ะ? อาจางไปตามให้อั๊วยังไม่เจอตัวเลย”
“ลื้อเป็นเตี่ย... มันต้องเป็นความผิดของลื้อ สั่งสอนลูกยังไง อีปึ่งทั่ง[1] อีพูดอะไรก็ไม่ฟัง แทนที่จะแต่ง ๆ กับอาจางไป”
ราตรีโวยวายเป็นใหญ่โตจนลูกชายหน้าเสียด้วยความอบรมลูกไม่ดี หิรัญเลยพูดขึ้นมา
“ไม่ใช่ความผิดของอาป๊าหรอกครับ อาม่า น้องดื้อมากกว่า ผมไปตามน้องเหมี่ยวหลายรอบ ที่โรงพยาบาล ที่คอนโดฯ ผมไม่เจอ น้องเข้าเวรไม่เป็นเวลา บางทีน้องไปนอนบ้านเพื่อน ไม่รู้จะไปตามที่ไหนแล้ว”
“เออดี...! ให้มันได้อย่างนี้ซี ลองถ้าอีท้องโตกลับมานะ อั๊วไม่เผาผีลูกลื้อ ตัดมันออกจากตระกูลให้มันเปลี่ยนนามสกุลแซ่ลี้ ไปเป็นสกุลอื่น คอยดูเถอะ”
หญิงชราไม่หยุดปากว่าหลานที่ย้ายตัวเองออกไป ทั้งที่ชื่อในใบสำมะโนครัวก็อยู่ที่นี่ แม่บ้านวัยสี่สิบปีทำงานมานานตั้งแต่อาม่ายังสาวเดินผ่านมา โดนตำหนิว่ากับข้าวไม่อร่อย เค็มไป หวานไป
“แม่บ้านจ้างมาไม่ได้เรื่องสักคน ทำอะไรก็หมอเจี๊ยะ คะเกี๊ยม คะตี่ อั๊วให้ทำใหม่อีก็ไม่พอใจ ขี้เกียจตัวเป็นขน สู้อั๊วตอนสาว ๆ ได้ที่ไหน? อั๊วรึทำทุกอย่าง อาเตี่ยว่าไงอั๊วไม่เคยขัดใจ”
ปัญหาของอาม่าคงไม่ใช่แค่เรื่องแม่บ้านหรือบ้านหลังนี้ แต่เป็นคนแก่เคยชินกับอะไรเดิม ๆ บ้านหลังเก่าตึกแถวด้านนอกบ้านของอาม่าเอง อาม่าจะกลับไปนอนแทบทุกวัน
ต่อให้มีบ้านหลังใหม่ใหญ่กว่าอาม่าจะบอกว่าอั๊วนอนไม่หลับ คนเยอะเสียงดัง นายคิมหันต์ร่ำรวยแล้วจ้างแม่บ้านมาช่วยงาน อาม่าก็ยังไม่ชอบใจไม่เหมือนลูกสะใภ้ใช้อะไรก็ได้
นางณดา ภรรยาของนายคิมหันต์เพิ่งเสียไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง หน้าที่ทำความสะอาดบ้าน ดูแลอาม่า เลยตกเป็นของสะใภ้คนอื่น ๆ และลูกสาวอย่างเมษา ซึ่งเก็บข้าวของย้ายออกไปหลายปีแล้ว
ค่านิยมเดิม ๆ ยังคงฝังอยู่ในหัวของอาม่าว่าลูกผู้หญิงต้องทำงานทุกอย่างในบ้านอย่างไม่เกี่ยง ส่วนลูกผู้ชายมีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน สืบทอดตระกูล
“มีใครได้ดั่งใจอาม่าบ้างล่ะ? นอกจากหลานรักอย่างอั๊วเนี่ย”
มานะเป็นหลานชายคนเดียวที่มักรอดตัวอยู่เสมอ ร่างสูงในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนั่งลงวางมือไว้บนกางเกงขาม้า หน้าตักของหญิงชราอย่างออดอ้อน หลังจากที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมงานเกมโต้รุ่งกับเพื่อนฝูงในโลกออนไลน์
ไม่ว่าอะไรในบ้านรวมถึงอั่งเปาเขาเป็นคนที่ได้จากอาม่าเยอะที่สุด
“อาม่าจ๋า... ไม่ต้องไปสนใจอาหมวยหรอก มาสนใจอั๊วดีกว่า อั๊วน่ารักน่าชังกว่าตั้งเยอะ ปล่อยอีไปเถอะ มีข้าวกินป่ะ? อั๊วอยากกินเป็ดอ่ะม่า นะนะ... เจี๊ยะบ่วย?”
“บ่วย...! โตเป็นควายแล้ว ทีเล่นเกมซื้อบัตรเติมเกมมันถ่อไปหาซื้อได้ หาเจี๊ยะหาแดกเองสิวะ!”
“โถ่... อาม่าจ๋า... อั๊วอยากเจี๊ยะเป็ดอ่า... เป็ด เป็ด ก้าบ ๆ ๆ เป็ดราสซอส อบน้ำผึ้ง อร่อย ๆ ม่าซื้อให้อั๊วเจี๊ยะหน่อยซี””
หลานชายคนโปรดไม่เลิกเกาะขาแม้ว่าจะโดนไม้ตะพดโขกหัวไปสองที มานะยังโดนบิดาต่อว่าเรื่องให้ท้ายน้องสาวจนกลายเป็นคนหัวรั้นขนาดนี้
ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของมานะ เพราะเขาไม่ใช่คนริเริ่มเป็นคนแรก แต่เป็นอาม่าราตรี
เวลาบิดามารดาขึ้นเสียงหรือต่อว่าเขา ก็จะถูกอาม่าว่าต่อ อย่ามาว่าอาตี๋อั๊วนะ! อั๊วเลี้ยงมาอั๊วว่าอั๊วตีได้คนเดียว ในขณะที่ลูกชายของอาม่าทุกคนไม่มีใครถูกเลี้ยงมาให้เถียงผู้ใหญ่ จึงจำเป็นต้องเงียบไปพอสั่งสอนลูกชายตัวเองไม่ได้
ลำพังมานะเป็นเกมเมอร์ก็จริงแต่เขาพอมีรายได้เลี้ยงชีพทางด้านงานคอมฯ งานตัดต่อแต่งภาพเป็นจ๊อบ ๆ ไป ถึงติดเกม เรียนหนังสือไม่จบ มานะรู้จักเอาตัวรอดอย่างคนถนัดงานเทคโนโลยี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันกลายเป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตมนุษย์ในยุคปัจจุบันไปเสียแล้ว
“นี่อาตี๋... ลื้อไปตามอาหมวยกลับมาให้อั๊วหน่อยซี ช่วยป๊าหน่อยนะลูกเอ๊ย” บิดาลงทุนอ้อนวอนลูกชาย แม้แต่นายหิรัญและอาม่าก็พยายามพูดให้ตามเหมี่ยวกิมกลับบ้านให้หน่อย
มานะจึงเริ่มเต้นเป็ดเต้นไก่ อ้อนขอเป็ด แม้ว่าอาม่าจะยังหงุดหงิดไม่หาย เรื่องหลานที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาครึ่งปี แต่อาม่าก็ไม่กล้าจะว่าหลานคนโปรด
“เป็ดก้าบบ ๆ อั๊วจะเจี๊ยเป็ด... อาหมวยอีก็ชอบเจี๊ยะเป็ด...”
คนในบ้านจำต้องยอมแพ้ไปหากว่ามานะได้ทำตัวขาด ๆ เกิน ๆ เพราะถึงอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมปริปากบอกหรือทำตามใครพูดแน่ต่อให้เขาจะอยากอยู่กับน้องสาวมากแค่ไหน
คนในครอบครัวจึงตกเป็นที่รองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดของอาม่าที่หงุดหงิดเต็มทน ใครเดินเข้ามาโดนบ่นว่าเท่าที่อาม่าจะหาเรื่องมาบ่นได้ บรรดาลูกหลานคณาญาติ อาโกวอาเ**กอาซิ่มเลยถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่าอาม่าจะบ่นทำไม?
อาม่าโดนลูกหลานเมินคราวนี้ จึงทำฟึดฟัดลุกขึ้นเดินไปหยิบเงินบนโต๊ะส่งให้แม่บ้านคนเก่าแก่
“เอ้านี่! อาหลิว เอาตังไปซื้อเป็ดให้อาตี๋อั๊วเจี๊ยะหน่อย เอาร้านตรงปากซอยนะ ไม่เอาร้านตรงนี้ หมอเจี๊ยะหมอเจ้ง[2] เอาของดี ๆ ให้อาตี๋น้อยอั๊วเจี๊ยะ”
อาม่าใจอ่อนเหมือนทุกครั้งไป เลือกของดีของอร่อยให้หลานรักเสมอ แม้ว่าอาตี๋น้อยตอนนี้จะตัวสูงกว่าอาม่า สูงที่สุดในบ้านด้วยอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้วก็ตาม
มานะได้กลิ่นเป็ดลอยมาแต่ไกลจากเงินอาม่า เข้าไปกอดหอมขอบคุณอาม่าเสียยกใหญ่ โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นแผนการสลายวงหารือเพื่อช่วยเหลือน้องสาว
ทางด้านหิรัญคงไม่รอฟังอาม่าบ่นต่อ พอออกจากบ้านมาพร้อมเจ้าของบริษัท เขาจำเป็นต้องถาม
“อาป๊า... เรื่องน้องเหมี่ยวไปลงหาคู่ไว้ในเว็บไซต์บริษัท น้องนัดเจอกับคู่เดท จะให้ผมทำยังไง?” ดวงตาสีดำสนิทสาดประกายเย็นยะเยียบ ด้วยพิษรักแรงหวง
หิรัญถือว่าเขาเป็นเจ้าของหล่อน มีสิทธิ์อย่างเต็มที่แม้เจ้าตัวจะไปอยู่ข้างนอกคนเดียวแล้วก็ตาม ขณะยืนหยุดหน้าประตูบ้านใกล้กับรถยนต์ญี่ปุ่นสีขาว คนเป็นพ่อเพิ่งรู้เรื่องนี้ได้ไม่นาน
“ลูกค้าใคร? เดี๋ยวอั๊วจะเข้าไปดูให้”
“โปรไฟล์หมอฟัน ลูกค้าของคุณแจน ท็อปเซลล์ปีที่แล้วครับอาป๊า”
“ลื้อบอกให้ฝ่ายไอทีลบข้อมูลของอาเหมี่ยวกิมทิ้งหรือยัง?”
“ครับ ผมฝากให้ทางเซลล์จัดการ หลายวันก่อนลูกค้าติดต่อกลับมา ผมให้เสนอโปรไฟล์ใหม่ในระดับพรีเมี่ยมเท่ากันไปให้ เลือกโปรไฟล์หาคู่ได้ไม่จำกัด”
ปกติแล้วโปรไฟล์หาคู่ครองระดับแพลตตินั่มมีหลายราคา จำกัดอยู่ที่สิบโปรไฟล์ต่อปีไม่รวมค่านายหน้าอีกต่างหาก แต่ครั้งนี้ผู้จัดการใหญ่อย่างเขาคงจะต้องจัดการให้ตามความเหมาะสม
“วันหลังลื้อจะพาอีไปไหน ลื้อเอาอีผูกคอไว้ซี อย่าให้อีไปเดินซี้ซั๊วะมั่วนิ่ม อีแสบจะตายลื้อก็รู้นิสัยอี...”
“ผมคลาดกับน้องไม่กี่นาทีเองนะครับอาป๊า น้องบอกจะไปเข้าห้องน้ำ หุ้นส่วนมาบอกว่ามีประชุมแอปฯ ล่ม คนแชร์ต่อว่าจ่ายเงินมาแล้วทำไง ผมวิ่งเข้าห้องประชุมแทบไม่ทัน” เขาจำเป็นต้องแก้ตัวอย่างหงุดหงิด
ไม่มีใครคิดว่าเมษาจะไปนั่งเสนอหน้าหาเซลล์สาว ขอเลือกโปรไฟล์ของบริษัทด้วยการใช้นามสกุล ‘แซ่ลี้’ ข่มพนักงานว่าเป็นลูกสาวเจ้าของ แล้วใครจะกล้าขัดใจหล่อน
“ซ่วน เลอ...![3] ไว้ลื้อว่างค่อยไปหาอีที่โรงพยาบาลอีกที ช่วงนี้งานเยอะ หน้าเว็บไซต์เรามีโฆษณาติดต่อมาตั้งหลายเจ้า เงินทั้งนั้น ลื้อกลับไปทำงานก่อน”
“ครับป๊า ผมกำลังจะเข้าบริษัทนี่แหละ” ชายหนุ่มรับคำแล้วขึ้นรถกลับไปทำงาน
ในฐานะลูกเขยและลูกจ้างมาร่วมสิบปี หิรัญรู้เป็นอย่างดีว่านายคิมหันต์ไม่ได้ใจป๋าเหมือนอาม่า เรื่องเงินเรื่องธุรกิจต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีคำว่าบริหารขาดทุน ผิดพลาดหรือข้อแก้ตัว
[1] ปึ่งทั่ง = โง่เง่า
[2] หมอเจี๊ยะหมอเจ้ง = รสชาติไม่ได้เรื่อง (ภาษาจีน-แต้จิ๋ว)
[3] ***********ซ่วน เลอ (จีนกลาง)