Chapter 11
ลำบาก... เป็นคำที่ไม่เคยทำร้ายเมษาได้ ตอนอยู่บ้านอาม่าอาป๊า หล่อนก็ทำทุกอย่างในบ้านยังเรียนหนังสืออย่างหนัก ทว่าสถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่างกัน
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบแววตาคู่คมกร้าว ลึกลงไปมีเปลวไฟลุกโชติ ขณะเดียวกันนั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“เป็นผู้ชายคนอื่นเขาแค่โยนเงินมาแล้วเอาลูกอย่างเดียวด้วยซ้ำ แต่พี่อยากดูแลทั้งสองคน ลดอีโก้ตัวเองลงแล้วคิดถึงลูกบ้างเถอะ ทำไมเมย์ต้องให้ลูกเป็นลูกไม่มีพ่อ ในเมื่อพ่อของลูกก็อยากอยู่...”
สีหน้าสิ้นหวังของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งตามหาหล่อนมาหลานเดือน ตอกย้ำความไร้วุฒิภาวะของแม่...
ไม่ว่ามันจะเป็นแค่วันไนต์สแตนด์หรืออะไรก็ตามแต่ หล่อนไม่ควรวางความรู้สึกของตัวเองเป็นหนึ่ง เหนือความสุขของลูก
หยาดน้ำใสไหลลงจากหางตา พลันวงหน้าหวานงามแดงก่ำ อย่างว่าหล่อนยังเห็นแก่ตัวจริง ๆ
“เมย์... ขอโทษ... ฮึก...” เสียงสะอื้นไห้ดัง ความโมโหหงุดหงิดของเขาจึงหายไปทันที
ที่จริงแล้วหากคุณแม่ไม่ดื้อขนาดนี้หมอตฤณคงไม่ยืนด่าคนท้องฉอด ๆ จนร้องไห้ตัวสั่นเป็นลูกนก! ตัวเขาเป็นหมอต้องรู้อยู่แล้วว่าฮอร์โมนคนท้องเป็นยังไง
ชายหนุ่มจึงโน้มตัวลงดึงข้อมือเล็กให้ซุกซบลงบนอกของเขา ร่างบางสะอึกสะอื้นจนหัวไหล่สั่น เพราะความหวาดกลัว สิ้นหวัง ท้อแท้มาตลอดต้นเหตุเพราะลูกในท้อง
ขณะวงแขนแข็งแรงกระชับกอดแน่น อย่างระวังไม่ให้คุณแม่ท้องอ่อนรู้สึกอึดอัด กลิ่นหอมอ่อนคุ้นเคยของร่างนุ่มนี้เขาโหยหามาตลอด มือหนายกขึ้นลูบศีรษะน้อย ในน้ำเสียงปลอบประโลม
“เราคุยกันแบบเดิมได้ไหม? พี่ขอโทษ... เรื่องคืนนั้นพี่ผิดเอง... พี่ใจร้อน พี่เมา... เมย์เลิกโกรธคุณพ่อให้ลูกของเรานะ พี่อยากอยู่กับเมย์กับลูก... ให้พี่อยู่แบบพ่อแม่ลูก อยู่ด้วยกันสามคนนะครับ”
คำพูดเท่านั้นของเขาทำให้หญิงสาวปล่อยโฮ เปล่งเสียงสั่นดังที่กักกลั้นมาตลอดจากลำคอแห้งผาก จิกกำเสื้อสีขาวของเขาไว้แน่นในอุ้งมือ เมษาคงได้แต่หวังว่าแม่ที่เห็นแก่ตัวอย่างหล่อนจะร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย
ตระกูลแซ่ลี้แต่ดั้งเดิมเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน-แต้จิ๋ว บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านเยาวราช บ้านไม้สลับปูนในซอยลึกแคบคงรูปลักษณ์แบบบ้านจีนโบราณเอาไว้ทุกอย่าง ด้วยความที่สร้างมานานแล้วแต่งเติมไปเรื่อยจนสวยงามน่าอยู่ บางคนก็ไม่อยากย้ายไปไหน บางคนก็มาเยี่ยมเยียนมานอนเล่นบ้างแล้วแต่โอกาส ประสาครอบครัวใหญ่อาศัยกันหลายคน
ภายในบ้านกว้างขวางมีพื้นที่ใช้สอยมากพอสำหรับสามถึงสี่ครอบครัว มีศาลตี่จู่เอี้ยะ[1] ตั้งตามทิศทางลักษณะถูกต้องของฮวงจุ้ย พื้นที่โล่งกว้างกลางบ้านมีสระว่ายน้ำ เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงนำเข้าจากจีน โต๊ะเก้าอี้ทำจากไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้ม ไม้สักทอง ตั่งไม้นั่งตัวใหญ่สลักลายดอกโบตั๋น
ผู้คนละแวกนี้มักเรียกเจ้าของบ้านอย่างนายคิมหันต์ว่าเจ้าสัว[2] ด้วยเหตุว่าเขามีทรัพย์สินมากมาย กินเงินสบาย ๆ จากค่าสมาชิกรายปีของเศรษฐีผ่านทางเว็บไซต์บริษัทจัดหาคู่ ธุรกิจขนาดใหญ่มีพนักงานหลายร้อยคน ยังเป็นแอปพลิเคชันหนึ่งของโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมในกลุ่มคนหลายระดับ นอกเหนือจากนั้นแล้วอาม่าอากงยังมีที่ดินร้านค้า มีงานเก็บค่าเช่าทุกต้นเดือน
งานเก็บค่าเช่าที่เป็นหน้าที่ของอาม่าราตรี สืบทอดต่อจากรุ่นทวดซึ่งริเริ่มกิจการทำมาค้าขาย มาตั้งรกรากมีถิ่นฐานในเมืองไทย เก็บเล็กผสมน้อยมาจนร่ำรวย
หญิงชราในวัยแปดสิบสามปียังแข็งแรงดี ถึงเป็นคนเรื่องเยอะหัวโบราณคร่ำครึ ยึดถือแต่เรื่องเก่า ๆ ขนบธรรมเนียมของวันวาน อะไรที่เป็นนิสัยของเ**กอาม่าเป็นได้มีหมด รวมถึงประเด็นหลักของบ้านหลังนี้คือไม่ยินดีต้อนรับลูกเขยหรือลูกสะใภ้คนไทย!
จะมีเรื่องหนึ่งซึ่งอาม่าไม่เหมือนคนจีนทั่วไปคืออาม่าไม่งก หน้าใหญ่ใจโตเฉพาะกับครอบครัว มิตรสหาย ทุกอย่างในบ้านของลูกชายคนสุดท้องอย่างนายคิมหันต์เป็นเงินของอาม่าซื้อมาตกแต่งด้วยตัวเองล้วน ๆ
แต่ถ้าจะให้พูดถึงงานเก็บค่าเช่าด้วยอายุเท่านี้แล้วอาม่าไม่เคยลืมแม้กระทั่งว่าใครติดเงินไว้ห้าบาท สิบบาท อาม่าจดจำได้ทุกหน้าร้านไม่เคยเก็บเงินตกหล่น
เรื่องวัฒนธรรมจีนอาม่าก็เคร่งครัด อาม่าจึงใช้ภาษาจีนและบังคับให้ลูกหลานพูดภาษาจีน-แต้จิ๋ว ถึงใช้ภาษาไทยสลับปนไปบ้างด้วยความที่ผู้คนย่านเยาวราชก็ยังมีคนไทย มีชาวจีนเชื้อสายอื่น รวมทั้งเด็กรุ่นใหม่อย่างอาตี๋ รุ่นหลาน-เหลนทั้งหลายเริ่มไม่มีใครพูดภาษาจีน-แต้จิ๋วกับอาม่า
เป็นเรื่องน่าเสียดายหากภาษาถูกกลืนกินไปตามกาลเวลา ในที่สุดก็จะสูญหายไป
ในทุก ๆ วันตรุษจีน เทศกาลสำคัญที่สุดของชาวจีน อาม่าราตรี นายคิมหันต์เจ้าของบ้าน จึงชวนพ่อแม่พี่น้องป้าน้าอาสะใภ้มาเซ่นไหว้บรรพบุรุษเพื่อความเป็นสิริมงคล หากว่าได้พบกับลูกหลานเหลนหรือญาติสนิทมิตรสหาย และอาม่าจะย้ำเตือนเรื่องนี้เสมอ
แม้แต่นายหิรัญหรือจางเหว่ยเอง ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของญาติห่าง ๆ ทางฝั่งอาโกวอาม่า
นายหิรัญแท้จริงแล้วไม่ได้นับว่ามีสายเลือดเดียวกันกับเมษา หลานสาวของอาม่าราตรีซึ่งเขาชอบพอหล่อนเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มเป็นคนไทยเชื้อสายจีน บรรพบุรุษมาจากจีนแผ่นดินใหญ่แถบตะวันออกเฉียงใต้ บ้านของพวกเขาใช้ภาษาจีนกวางตุ้งก่อนปรับมาใช้ภาษาจีนกลาง เรียกชื่อลูกหลานด้วยภาษาจีนกลางต่างจากครอบครัวแซ่ลี้
หิรัญไม่ได้เข้าใจภาษาจีนแต้จิ๋วทุกคำอย่างแตกฉาน แต่เพราะเขาเกิดปิ๊งลูกสาวของนายคิมหันต์ จึงเริ่มที่จะศึกษามัน เขายังตามตื๊อเมษามาตั้งแต่สมัยเรียน ก่อนทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารบริษัทจัดหาคู่อย่างเต็มใจ คุณพ่อเองก็ถูกใจคนขยันอย่างเขา
ใช่เท่านั้น ความอุตสาหะของเขาเข้าขั้นบ้า! สามารถคุกเข่าขอลูกสาวต่อหน้าคนในบ้านพร้อมมีดโกนหนึ่งด้าม เอ่ยปากยินดีกรีดเลือดสาบานเป็นสามีผู้ซื่อสัตย์ไปทั้งชีวิต
ทุกวันนี้เลยไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้าหาเงินของตระกูลแซ่ลี้ ต้องการฮุบสมบัติเป็นเจ้าสัวคนต่อไป ต้องการเอาชนะหรือเป็นพวกบูชาความรักกันแน่
ที่แน่ ๆ คือ ‘เฮียจางน่าจะดูหนังจีนกำลังภายในเยอะเกินไป’ เป็นคำพูดของเมษาก่อนหล่อนจะลากกระเป๋าออกจากบ้าน ไปอาศัยอยู่หอพักนักศึกษาจนเรียนจบ ทำงานสายเทคนิคการแพทย์
ขณะที่ทุกคนดันเห็นความจริงใจของนายหิรัญ ประกอบกับว่าธุรกิจทางบ้านของนายหิรัญก็คล้าย ๆ กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด เลยไม่มีใครเข้าข้างเมษาสักคน
หิรัญนับศักดิ์เรียกบิดามารดาตามหล่อนยังเรียกเมษาว่า ‘น้องเหมี่ยว’ ‘น้องเมย์’
“อาป๊า... ผมไม่เจอน้องเหมี่ยวตั้งแต่วันที่ผมบอกให้มาช่วยงาน น้องมากดคอมฯ เล่น ใส่โปรไฟล์ตัวเองหาคู่ แล้วไม่รับสายผมอีกเลย โทรไปไม่ติดปิดเครื่องตลอด” เขาบอกนายคิมหันต์เมื่อก้าวมาในบ้าน
หนุ่มไทยเชื้อสายจีนสีหน้าไม่ค่อยจะดี อารมณ์หึงหวงทำให้เขาอยากอาละวาดให้อะไรมันพังไปข้าง แต่เป็นเพราะความนับถืออาป๊าและอาม่า จึงมีกิริยาสงบเสงี่ยม
นายคิมหันต์เพิ่งเลิกงานมาถึงบ้านได้ไม่นาน ได้ยินเรื่องไม่เข้าหูกลับไม่ได้โกรธผู้จัดการหนุ่มไฟแรงวัยสี่สิบปี ที่เขาสั่งสอนงานมาเหมือนเป็นลูกชายอีกคนหนึ่ง
“เออ... ไม่เป็นไร อั๊วเข้าใจว่าลื้อทำเต็มที่แล้วอาจาง ที่เหลืออั๊วจัดการกะอีเอง ลื้อเข้าบ้านก่อนซี”
“ขอบคุณครับ ป๊า”
[1] ตี่จู่เอี๊ย เทพเจ้าประจำบ้านที่ชาวจีนเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลในชีวิต
[2] คำว่า “เจ้าสัว” สำเนียงแต้จิ๋วว่า “จ่อซัว” เป็นการเปรียบเทียบว่านั่งอยู่บนกองเงินกองทอง