Chapter 6
การเป็นแม่สำหรับคนไม่เคยท้องมาก่อนเลยสักครั้งในชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปต้นเหตุมาจากการสร้างสายรกของเด็กในร่างกายอาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว ปวดหัว สภาพผิวหนังเปลี่ยนแปลงไปจนต้องทาครีมบ่อยขึ้นไม่ให้ผิวแห้ง
ชักโครกในยามเช้าเป็นที่รักมากกว่าสามี ขณะที่คุณแม่บางคนไม่มีสามีมาให้บริการลูบหลัง
อ้วกกก! หมดไส้หมดพุงถึงมีแต่น้ำ บางวันอาจไม่มีอะไรออกมาเลย มีเพียงแก๊สในกระเพาะอาหารผ่านลำคอแสบร้อน เหลือทิ้งไว้แค่ความทรมานกาย
เช่นเดียวกับวันนี้ เมษาจึงใช้เวลาช่วงเช้าในห้องน้ำนานกว่าปกติ หล่อนแต่งตัวเสร็จแล้วไม่ลืมรับประทานยาแก้คลื่นไส้ อาเจียนของคนท้อง ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องให้ทุเลาลงบ้างหลังจากที่เพิ่งพบแพทย์มาอาทิตย์ก่อน กลับบ้านมาจัดใส่กล่องวางไว้อย่างเรียบร้อยหน้าโต๊ะกระจก
ในเรื่องอาหารการกิน สำหรับอาหารรสจัด เปรี้ยว เค็ม เผ็ดก็ต้องบอกลากันไป มันไม่เป็นมิตรต่อกระเพาะลำไส้ บรรดาของหวาน เค้ก ช็อกโกแลตแค่เห็นแทบพะอืดพะอม ถึงหล่อนไม่ได้ชอบรับประทานมันมากนัก
แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือมะม่วงเปรี้ยว! ไม่น่าเชื่อว่ามันช่วยให้หายอ่อนเพลีย ความรู้สึกอยากอาเจียนลดลง
ในเสื้อเชิ้ตทรงพลิ้วทิ้งตัวยาวประหน้าขาสีชมพูอ่อน กางเกงสีดำเข้ารูปทรงขาเรียวสำหรับทำงาน หากหยิบเสื้อกาวน์มาคลุมทับไว้อีกชั้น ด้วยความเป็นคนตัวเล็กเอวบาง มองผ่าน ๆ คงมองไม่ออกว่าหล่อนกำลังตั้งครรภ์ แต่หน้าท้องของหล่อนจะขยายใหญ่กว่านี้ในอีกไม่ช้า
เมษาเตรียมใจ และข้ออ้างเอาไว้แล้วในกรณีที่มีคนทักถาม ติดแค่ปัญหาของทางบ้าน หล่อนอาจต้องเก็บข้าวของหนีไปอยู่ที่อื่นสักพักค่อยคิดหาข้อแก้ตัวเอาทีหลัง อย่างน้อย ๆ ก็จนกว่าจะคลอดลูก
ยิ่งตอนนี้หล่อนไม่มีแม้แต่อาม๊า... ที่คอยเป็นที่ปรึกษาทุกอย่าง ส่วนผู้มีพระคุณอย่างอาอี๊ หลังแม่จากไปคนเป็นน้องสาวก็เจ็บปวดมากพอ หล่อนจะไม่เอาปัญหาไปให้อาอี๊อีก
ยังมีคนหน้าใหญ่ใจโตอย่างอาป๊า คนหัวโบราณอย่างอาม่า ไม่มีทางที่พวกเขาจะรับเรื่องนี้ได้แน่
ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูดังให้หล่อนต้องรีบพาดกระเป๋าสะพายพาดบ่า ชุดกาวน์พาดแขนไว้พร้อมกระเป๋าใส่เอกสาร เตรียมตัวไปทำงาน เมษาเดาได้เลยว่าต้องเป็นเพื่อนสาวแม้ยังไม่ได้ออกจากห้องด้วยซ้ำ
“เสร็จรึยังเนี่ย? นังเมย์เอ๊ย...” เสียงหวานกรอกผ่านบานประตู เจ้าของห้องจึงรีบออกแล้วล็อกกุญแจ จับจูงมือเดินควงเพื่อนไปขึ้นลิฟต์
อรฤดีจบเทคนิคการแพทย์มาห้องเดียวกัน ทำงานที่เดียวกับหล่อนมาตั้งแต่เรียนจบ หล่อนเป็นคนงานยุ่งเรียนหนักมาตลอด จะให้ไปสนิทสนมกับใครมากกว่าคนนี้คงไม่มี
“ทำไมช่วงนี้แกแต่งตัวน้านน นาน... ฉันโทรมาตั้งหลายรอบ”
“ปกติคนสวยป่ะต้องโบ้ะดิ อากาศตอนนี้ไม่ค่อยจะดี ฉันต้องทาคงทาครีมรักษาผิวตัวผิวหน้าให้เช้งมะ เออ... ยังไงก็ขอบใจที่มารับนะยะ”
“ทางผ่านเพื่อนเนอะ... รอได้เสมอ” หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีไหวไหล่ พากันเข้าลิฟต์ลงไปชั้นล่างที่มีมินิคาร์สีชมพูหวานจอดอยู่
คนเป็นเพื่อนสนิท ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตร่วมกันมีเรื่องค้างคาใจต้องถามพอขึ้นรถดีแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย
“เออ... ฉันว่าช่วงนี้แกทำตัวแปลกไปนะ เหมือนคนท้องเลยว่ะ”
“จะให้ไปท้องกับใครล่ะ?”
“หมอคนไหนในโรงพยาบาล สารภาพมาซะดี ๆ ให้ไว ยังไงเพื่อนอย่างฉันต้องรู้วันยังค่ำ”
คำพูดสะกิดใจจนเจ็บหนึบ เมษาโกหกหน้าตายทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นนิสัยของหล่อนมานาน ถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขา ไม่มีทาง!
“ถึงเวลาฉันอยากท้อง ฉันบอกแกเองแหละ”
“โดนหมอฟัน... ฟันฉึบฉับไปแล้วแหงม ๆ เห็นบ้าแช็ตกันอยู่พักหนึ่ง พี่หมอแกหายไปไหนซะแล้วล่ะ?”
“หมอฟันก็ทำฟันอยู่คลินิกไง... ถามแปลก”
พักหลังมานี้เมษาพยายามหลีกเลี่ยงทุกคนรอบกาย ยังทำตัวแปลกไปจนคนเป็นเพื่อนเริ่มสงสัย
ร่างบางในเชิ้ตสีขาวเรียบร้อยเหมือนตั้งใจมารับหน้าที่สารถีให้โดยเฉพาะ เหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวไปช้า ๆ อรฤดีเพิ่งได้โอกาสเหมาะ ๆ ที่จะพูด
“แล้วแกเปลี่ยนเบอร์ทำไม? ถ้าไม่มีเรื่อง แกใช้เบอร์นี้มาตั้งกี่ปี ออ... โฟเลท ยาบำรุงครรภ์ในกระเป๋า คนธรรมดาที่ไหนเขากินกัน?”
คนจบสายเทคนิคแพทย์สายรื้อกระเป๋าหาของใช้ เครื่องสำอางแป้งพับอะไรต่อมิอะไร มีแค่อรฤดีที่กล้าแย่งของเมษาใช้เหมือนเป็นสมบัติของตัวเอง
ว่าที่คุณแม่ถึงกับเงียบกริบ ลอบกลืนน้ำลายเมื่อความลับถูกเปิดเผย
“แกไม่ใช่คนใจง่ายนี่หว่า ฟันก็มีอยู่เต็มปาก ไปทำอีท่าไหนได้กับหมอฟัน? นี่...” แล้วเอื้อมปลายนิ้วไปจิ้มสีข้างจนเจ้าตัวสะดุ้งหัวเราะคิกคัก เลิกทำหน้าเครียดเพราะเมษาบ้าจี้!
“แครกเกอร์... แบบไม่มีน้ำตาลดีกว่า อ้วน... คลอดแล้วลดยากจะบอก”
“โอเค ขอบใจนะ”
หญิงสาวคงลืมตัวว่าโดนมัดมือชกให้ยอมรับความจริงในคำถามไปเสียแล้ว ดวงหน้าแดงก่ำหุบยิ้มลงเลื่อนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเงียบเชียบ
ประกายแห่งความหวังฉายชัดในแววตาคู่สวย คราวมองผ่านผู้คนบนทางเดินเท้า ส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัย เร่งรีบไปทำงาน
โชคดีแล้วที่หล่อนยังมีงานทำในสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ เกิดโรคระบาดร้ายแรงไปทั่วโลก มีอาชีพและรายได้พอเลี้ยงดูลูกแม้มันอาจไม่มากมาย ร่ำรวยเหมือนเจ้าของกิจการ เงินเดือนเหยียดแสน แม่อย่างหล่อนต้องเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตอย่างไม่เป็นคนฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยได้
อาการเหม่อหมองด้วยสีหน้าปกติ คนขับรถกลับมีความคิดอีกอย่าง อรฤดีเข้าใจความรู้สึกของเด็กที่ขาดพ่อเป็นอย่างดี
“แกไม่บอกหมอ เดี๋ยวฉันจะไปบอกเอง สงสารเด็ก สงสารพ่อเขา แกดูอย่างฉันสิ มาเจอพ่อตอนเสียไปแล้ว ถึงพ่อจะทิ้งแม่กับฉันไปก็เถอะ ฉันว่าฉันควรรู้...”
“ขอเคลียร์ปัญหาที่บ้านก่อนได้มะ? ฉันไปบอกเขาเองแหละ เขารับผิดชอบหรือไม่รับ เขาอยากมาเจอลูกหรือเปล่า... เรื่องของเขา”
“ปัญหาไรวะ? ฉันว่าเรื่องนี้มันสำคัญนะเว้ย โคตรสำคัญ ฮอร์โมนคุณแม่ทำงานผิดปกติ แบ่งแยกลำดับเรื่องราวในชีวิตไม่เป็นแล้วรึไง? ยัยเมย์...”
ยิ่งกว่าแทงใจดำ! ผ่านแมสก์สีเขียวบนวงหน้าหวานมองขวับค้อนเพื่อนวงโต เมษาโดนถากถางด้วยสารพัดถ้อยคำจากคนที่อยากเจอพ่อมาทั้งชีวิต
เป็นเรื่องจริงอย่างหนึ่งคือหล่อนควรบากหน้าไปบอกเขาว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง ต่อให้เขาไม่รับผิดชอบ ตอกหน้ากลับมาว่านอนด้วยกันแค่ครั้งเดียว จะอะไร? เลวร้ายที่สุดคงเป็น... ลูกผมแน่เหรอ?
หล่อนควรมีสปิริตในฐานะมนุษย์แม่คนหนึ่ง
“แกคิดมากไปหรือเปล่า? ฉันว่าพี่หมอแกออกจะดี เห็นตอนแช็ตคุยกัน เขารู้ว่าบ้านแกมีปัญหา อาม่าอาเตี่ย อาอี๊อากู๋อากิ๋ม เป็นฉันบอกเลยว่าเท... ทิ้งลงกระจาดหาสาวคนใหม่ เขาคงไม่คุยกับแกจนนัดเจอป่ะ”
“อืม... พี่ตฤณเขาดีมาก ๆ เลยล่ะ ฉันไม่เหมาะสมกับเขาด้วยซ้ำไป” ในน้ำเสียงเศร้าหมองลงเห็นด้วยกับเพื่อน
เมษาเคยคิดเปรียบเทียบว่ากับหมอตฤณแล้วหล่อนคงเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่คู่ควรกับเขา แม้แต่เพื่อนรักกันก็ยังไม่รู้ว่าหล่อนคิดมากเพราะฮอร์โมนคุณแม่ทำงานผิดปกติ หรือคิดแบบนั้นด้วยตัวเองจริง ๆ
“ทำไมแกไม่ลองไปหาเขาที่คลินิกล่ะ?”
“ไปแล้ว... แต่ฉันไม่กล้าเข้าไป เขาก็รู้ว่าฉันทำงานที่ไหนนี่? ทำไมไม่มาหาฉันเองล่ะ ถ้าเขาอยากเจอ...”
“แกได้บอกว่าอยู่แล็บไหน แผนกไหนไหม? นามสกุลแกเขาก็ไม่รู้ แล้วโรงพยาบาลตั้งกว้าง มันมีสองแผนกมีพนักงานสองคนหรือไง? แค่นางสาวเมษาที่นี่มันมีตั้งกี่เมษา” อรฤดีประชดประชันด้วยท่าทางหัวเสีย
ความจริงอย่างหนึ่งซึ่งคนเป็นเพื่อนจำได้ว่าเจ้าตัวแช็ตคุยกับคุณหมอหนุ่ม แต่บอกแค่ว่าทำงานเป็นพนักงานโรงพยาบาลเอกชน ‘ร่วมรัตน์’
ร่วมรัตน์มันมีตั้งกี่สาขาแค่ในประเทศไทย! การจะต้องให้ใครสักคนมานั่งตามหาคงไม่ใช่เรื่องง่าย ต่างจากคลินิกทันตกรรมของหมอตฤณที่ตั้งอยู่ติดริมถนน
มีชื่อทันตแพทย์บอกอยู่หน้าเว็บไซต์ว่าเข้าคุณหมอเข้าไปทำฟันเวลาไหน สามารถทำนัดล่วงหน้าได้
“เออดี กูล่ะหมดคำพูด ลำบากเหลือเกินเนอะชีวิตอีหมวย ยังไงก็จะโยนความผิดให้หมอฟันให้ได้ แต่แกเป็นคนฟันเขาแล้วทิ้งเนี่ยนะ?”
คำบริภาษอย่างฉุนเฉียว อรฤดีไม่ค่อยต่อว่าใครบ่อยนัก ว่าที่คุณแม่ได้แต่เบะปากน้อยใจ กระทั่งรถยนต์จอดสนิทในลานจอดรถกว้างขวางใต้ตึกโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
คนขับรถตาดีกำลังมองทาง หลังจอดรถเข้าซองอยู่เห็นชายร่างสูงกำยำยืนสูบบุหรี่ถัดจากรถยนต์ของหล่อนไปสองคัน แมสก์สีขาวเลิกกองตรงคางเป็นสัน อรฤดีเบิกตากว้างสะกิด
“เฮ้ย! นั่นเฮียจางแกเปล่าวะ...?”
ปัญหางานช้างที่อีหมวยบอก! เจ้าของรถดับเครื่องฉับพลันก่อนก้มตัวลงข้างกันกับเมษา ศีรษะแทบชนกันอยู่ตรงเกียร์ ด้วยความหวังว่าเจ้าตัวจะเดินผ่านมินิคาร์สีชมพูหวานไปเฉย ๆ ขณะที่ความเป็นจริงรถคันนี้สีของมันช่างแสบตาเหลือเกิน
“เอาไงดีวะ? แกว่าเฮียเห็นป่ะ...”
“ไม่เห็นมั้งเพื่อน รถแกสีชมพูลายคิตตี้ติดปีกหลังน่ารัก สติ๊กเกอร์มือใหม่หัดขับอีกต่างหาก”
สองสาวหัวใจตุ้มต่อม รู้สึกเหมือนอยู่ในหนังไซไฟ สายลับจับโจรวิ่งหนีตำรวจต่อให้มีชายหนุ่มยืนปล่อยควันบุหรี่หน้าศาลพระภูมิอยู่ลำพังคนเดียว
เมษาเป็นคนเงยหน้าขึ้นเหลือบตามองประกายตาคู่คม...
หล่อนคิดว่าเขาน่าจะจำรถยนต์ของเพื่อนรักหล่อนได้อย่างแน่นอนถ้าเห็น เร็วกว่าความคิด จึงเงยหลุบตามองเพื่อนพร้อมรอยยิ้มหวาน โบกมือลา
“ตัวใครตัวมัน รับหน้าเฮียจางแทนฉันด้วยแล้วกันนะเพื่อนรัก”
มือเปิดและปิดประตูอย่างเบาที่สุดก่อนย่องไปเงียบ ๆ ไม่ให้สิงห์รมควันเห็น นับเป็นโชคดีของเมษา เมื่อเฮียจางยังพ่นควันจากบุหรี่อีกมวนต่อ
ในชั่วโมงอับจนหนทางมืดแปดด้านเช่นนี้มีหนทางเดียวคือหนี! พอหิ้วกระเป๋าเข้าโรงพยาบาลมาทางประตูหลัง เดินอ้อมไปขึ้นลิฟต์มาถึงห้องแล็บ เตรียมตัวเข้าทำงานเหมือนทุกวัน หล่อนวางของไว้บนโต๊ะกระจกที่มีแฟ้มเอกสารและคอมพิวเตอร์ ล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าเสื้อกาวน์ขึ้นมาต่อสายหาอาเฮียตี๋ พี่ชายเพียงคนเดียวให้ช่วยรับหน้าคนทางบ้านแทนหล่อนซึ่งคงจะไม่ได้กลับบ้านอีกพักใหญ่