Chapter 7
“เขี้ยวฉิบหาย...! ให้ตายเหอะไอ้ต๊อด นี่มึงแนะนำนักสืบเอกชนคนเก่งหรือโจรมาปล้นกู?” คุณหมอหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย เขาบ่นทางโทรศัพท์ ส่งข้อความไปบ่น พอเพื่อนมาถึงหน้าบ้านแม่ของเขาก็ยังบ่น
“รู้ไหม... เพื่อนมึงบอกกูว่าอะไร? ไทม์ไลน์เช็กอินผ่านแอปฯ ช่วงโควิด เช็กประวัติได้ว่านางเดินทางไปไหนมาบ้าง งั้นกูหาเองดีกว่าไหม? เสียเวลาไปสามชั่วโมง ถามละเอียดยิบยังกับซักผู้ต้องหา สรุปนางมาคลินิกกูเมื่อวันก่อนค่อยมาถามว่าจะให้แฮ็กแฟ้มประวัติคนไข้คลินิกหมอด้วยไหมล่ะ? เพิ่มราคานะหมอ... ถามจริง? กูจะเสียตังเพื่อ!” คำถามหลังดัดเสียงเข้มตามนักสืบเอกชนหน้าเลือด ทำเอาเพื่อนยืนตาค้าง หน้าประตูรั้วเหล็กกว้างของบ้านทาวน์โฮมหรูหลังใหญ่ รั้วโทนสีเทาดำออกแบบมาคล้ายคลึงกันทั้งหมู่บ้านหลังเพิ่งลงจากแท็กซี่มา
ตัวโกมินทร์เป็นทนายชื่อดัง มีเพื่อนฝูงในวงการตำรวจ นักสืบ อัยการค่อนข้างเยอะ ในส่วนของนักสืบหนุ่มกระหายเงินเทียบกับฝีมือการทำงานรวดเร็วชนิดหาตัวจับยาก ก็ต้องใช้เงินจับเท่านั้นแหละ
“นักสืบเอกชนอาชีพแขวนบนเส้นด้าย งานละเมิดความเป็นส่วนตัวชาวบ้าน กูได้ยินมาว่ามันไปตามถ่ายรูปเมียน้อยงี้ เสี่ยงโดนกระทืบอีก คงต้องขูดรีดกันยังงี้แหละ แต่งานมันดี มึงจะบ่นทำไมเนี่ย? ไอ้หมอเอ๊ย”
“ขอโทษทีนะ แต่กูต้องบ่น ‘อุ๊ย... น้องหมอแล็บน่ารักดีนะครับ ติดแฮชแท็กในเฟซบุ๊คทุกที่ที่ไปเลย เป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีจิตสำนึกต่อสังคมดีมาก ก็... ถ้าเงินเยอะงานไว ถ้ารอได้... ราคาปกติครับ’ ใครอนุญาตให้มันมาชมเมียกู!? แล้วนางเช็กอินทุกที่ที่ไป...”
“เอ้อ...! แล้วได้ไหมล่ะ สาวที่หาน่ะ...?” ทนายหนุ่มขัดด้วยเสียงดังกว่า เห็น ๆ กันอยู่ว่าหมอหน้าเขียวตาเขียวด้วยความหึง!
ตฤณภพเลื่อนมือจากท่าเท้าเอวบ่นอย่างตุ้งติ้ง ขึ้นกอดอกตอบสั้น ๆ
“อื้ม... ขอบใจละกัน ครั้งนี้กูเป็นหนี้มึง” เขาเอื้อมไปแตะบ่าของคนในฝั่งตรงข้ามกัน ถอนหายใจหนัก ๆ เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
หากไม่นับเรื่องขี้บ่น ปากคอเราะรายบางโอกาส มือเบาเดินเบา ถนัดงานเย็บปักถักร้อยสมเป็นหมอฟันเสียงหวานหน้าใสกิ๊ก! คุณหมอหนุ่มรูปหล่อบ้านรวยคงมีแฟนเป็นตัวตนให้แม่ชื่นใจได้
“เข้าไปไหว้แม่ก่อนแล้วกัน แม่มึงอยู่บ้านนี่? วันนี้ทำกับข้าวอร่อย ๆ แจกคนในซอยอีกหรือเปล่า?”
“ไปสิ... ได้ยินมาว่าตื่นมาคั้นกะทิตั้งแต่ตีห้า ทำแกงเขียวหวานมั้ง”
คุณหมอหนุ่มเชื้อเชิญแขกเข้าบ้านและคงต้องพักเรื่องการตามหาตัวอาหมวยไว้ก่อน
ใคร ๆ ก็ชอบฝีมืออาหารของแม่ขวัญ ด้วยความตั้งใจละเอียดอ่อนของแม่ครัวขนาดคั้นเองยันกะทิ เคี่ยวน้ำซุปข้น ๆ ข้ามวันข้ามคืน
ผ่านสวนหย่อมสวยอลังการ หรูหราสมเป็นเศรษฐินีร้านทองกว่าสองร้อยสาขาทั่วประเทศไทย
บ้านหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรที่สร้างมานานนับห้าสิบปี เศรษฐีบางคนอยู่มานานก็ไม่อยากย้ายไปไหน
บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าได้รับการแต่งเติมให้ต่างไปจากเดิมด้วยสไตล์โมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินโทรสีขาวดำเรียบหรูดูดี แน่นอนว่าเมื่อสามสิบสี่สิบปีก่อน ด้วยพื้นที่จำกัดของหมู่บ้าน ตัวบ้านคงไม่ได้ดูหรูหราเท่าตอนนี้
สองหนุ่มในชุดสุภาพหลังเลิกงาน โกมินทร์ใส่เชิ้ตสีเข้มคมเข้ากับหน้าตา ส่วนคุณหมอถนัดสีครีม สีอ่อนเสียมากกว่า พอเดินตามกันเข้าบ้าน พวกเขายังไม่ลืมเรื่องรักษาความสะอาด ล้างมือด้วยเจลล์แอลกอฮอล์บนโต๊ะตัวเล็กหน้าประตูเลื่อนกระจกบานใหญ่
นายแพทย์หนุ่มของบ้านเป็นคนนำมาวางไว้สำหรับแขกมาเยี่ยมเยียนเพื่อรักษาความสะอาด ยังมีที่วัดอุณหภูมิไข้ ถังขยะสำหรับทิ้งหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
ไม่ทันได้ก้าวขาเข้าบ้าน รองเท้าคู่สวยไม่น่าจะใช่ของแม่ วางไว้ข้างกันกับรองเท้าหนังสีดำเป็นเงามันปลายแหลมทำให้คุณหมอหนุ่มเอียงคอมองเพื่อนด้วยสีหน้าแปลกใจว่าใครมาเยี่ยมเยียน ก่อนที่จะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันให้ต้องเงี่ยหูฟังโดยบังเอิญ
‘นี่... ลูกเต แม่อยากได้สะใภ้ อยากอุ้มหลาน มันเป็นเรื่องของแม่ไหม? แล้วจมูกแม่ให้มาดี ๆ ไปทำมาทำไมฮะ!? แล้วนี่อะไร แกไปฉีดขาวมาเรอะ จะเป็นเกย์แบบพี่แกใช่ไหม?’
‘พี่ตฤณเขาเป็น LGBT ได้ทุกเพศ ไม่ได้เป็นเกย์ครับแม่...’
‘เออ... นั่นสิ ได้ทุกเพศ... แต่ไม่มีลูก ไม่มีเมีย ขนาดผัวก็ยังไม่มี!’
‘แม่ไปยุ่งอะไรกับพี่เขาล่ะ เขาอยากมี เดี๋ยวก็มีเองแหละ’
แม่ว่าเขาเหรอ? วงหน้าหล่อเหลาเข้มเครียดชะเง้อคอมองตามแผ่นหลังบางของสาวแปลกหน้า และน้องชายที่คงเข้าบ้านมาก่อนหน้านิดเดียว
“สาวที่ไหนมาล่ะนั่น? อุ๊ย... สวยว่ะ หุ่นดี๊ดี ขนาดเห็นแค่ข้างหลังนะเนี่ย ขาวโบ๊ะมาก น้องชายมึงโคตรโชค... เอ้อ... โทษที” ปลายเสียงเงียบไป โกมินทร์เพิ่งเห็นสีหน้าเครียด ๆ ของคุณหมอด้วยความรู้ใจกันมาหลายปี
เสื้อผ้า รถยนต์ ข้าวของทุกอย่างในบ้านหลังนี้ ความเป็นลูกคนมีเงิน พวกเขาไม่เคยใช้ของเหลือหรือของมือสอง
ทุกคนได้รับจากพ่อแม่อย่างเท่าเทียม ขณะที่พ่อและแม่มักซื้อให้เตชินก่อนเป็นคนแรก ทั้งที่น้องชายคนสุดท้องจะรับช่วงต่อจากพี่ชายก็ได้
มันเป็นแบบนั้นมาโดยตลอดแต่เล็กจนโต...
อาจรวมถึงว่าที่ลูกสะใภ้คนสวย น้องสาวข้างบ้าน แม่ควรแนะนำให้ลูกชายคนกลางซึ่งเป็นหมอรู้จักก่อนไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเตชิน เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้สักอย่าง
“ไว้วันหลังค่อยมาไหว้แม่แล้วกัน แม่คงจะยุ่งอยู่...” ในน้ำเสียงแผ่วเบาลง เขาละสายตาจากตรงนั้น ก้มลงใส่รองเท้ากลับอย่างเดิม แล้วหมุนตัวเดินออกจากบ้านไป โดยมีเพื่อนตามติด ๆ ด้วยท่าทางเป็นกังวล
ตฤณภพกลับขึ้นรถยนต์หน้าบ้านเสียก่อนที่แม่จะทันเห็นว่าเขาออกไปพร้อมโกมินทร์ นิสัยของเขาไม่ใช่คนคิดมากแต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องแม่ขวัญ...
“อย่าคิดมากน่าเพื่อน แม่รักลูก...”
“แม่รักลูกเท่ากันทุกคน มึงจะรีพีตตอกย้ำกูเพื่อ? รักน้อยรักมากไม่เห็นเป็นไร โต ๆ กันแล้ว โตจนแก่...” ก็ยังไม่มีหลานให้แม่อุ้มเลย
แม่พูดกับลูกชายทุกคนด้วยสีหน้าผิดหวังเสมอ รวมทั้งหมอตฤณ ปีนี้อายุย่างเข้าสามสิบแปดปีแล้ว
บีเอ็มดับเบิลยูสีดำเคลื่อนตัวออกจากบ้าน คุณหมอหนุ่มยังคงไม่สบายใจต่อให้พูดว่าไม่เป็นไร คนเป็นเพื่อนชักชวนไปนั่งเล่นร้านอาหารด้วยกันเพื่อจะได้ลืมเรื่องราวกวนใจเสีย แต่โกมินทร์คงไม่ไหวต้องถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ตกลงนั่นใครอ่ะ?”
“ไม่รู้... น้องสาวข้างบ้านมั้ง แม่พูดถึงบ่อย ๆ ว่าน่ารัก กูจำชื่อไม่ได้เหมือนกัน”
“ถ้าไม่เสร็จน้องมึงไปก่อนค่อยว่ากันน่ะ... ระดับหมอตฤณจีบติดชัวร์”
คุณหมองานยุ่งไม่ได้สนใจเรื่องจีบสาวขนาดนั้น ประกอบกับว่าหัวใจยังกระวนกระวายไร้ความสุข เขาไม่กล้าที่จะนับวันสุดท้ายของการพูดคุยกันกับหล่อนว่าเป็นเมื่อไร ทิ้งไว้ให้เป็นแผลกลางใจ
พ่อแม่ของเขาสั่งสอนเสมอเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ควรอย่างยิ่ง! กับการพรากสิ่งหวงแหนจากผู้หญิงมีพ่อมีแม่คน ด้วยข้ออ้างว่าเมา...
รถยนต์ติดขัดแน่นขนัดทั่วเมืองกรุงฯ บ้านริมชานเมืองยังไม่รอดจากฝูงชนคนมากมายจึงยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ใบหน้าหล่อเหลาเข้มเครียดจัด เพื่อนถามคำตอบคำสลับถอนหายใจ จนได้เสียงโทรศัพท์สั่นดัง
สองสายตาคู่คมเหลือบมองไปทางหน้าจอมอนิเตอร์กลางรถบอกชื่อปลายสาย ซึ่งตฤณภพบันทึกชื่อไว้...
Pong... ไอ้ป๋องหน้าเลือด!
“เพื่อนมึงโทรมาว่ะ จะมาขูดเลือดขูดเนื้อกูอีกไหมเนี่ย? กูไม่มีจะให้แล้วนะ แม่งยิ่งกว่ากู้หนี้นอกระบบจ่ายดอกทบต้นไปทั้งชาติ จ่ายเท่าไรไม่หมด ล่าสุดแม่งบอกจะเอาอีกสามหมื่น ไอ้ห่าเอ๊ย!”
“รับเหอะ เผื่อมันมีเรื่องด่วน ที่เหลือกูเคลียร์เอง”
ขอให้จริง! ถ้อยคำประกาศผ่านหน้าตาสุดเซ็ง คุณหมอหนุ่มยกมือแตะริมฝีปากด้วยสีหน้าครุ่นคิดครู่เดียวก็รีบรับสาย
[โหล ๆ หมอ ๆ โทรติดยากจังเลยนะครับ]
“ครับ... ว่าไงครับ? คุณป๋อง”
[ฟังข่าวดีเลยไหมครับ?]
“บอกมาเลยครับ”
เงียบ... สนิท... ความเงียบเชียบมีแค่เสียงลมผ่านลำโพงกรอกมาไม่บอกก็รู้! ตฤณภพส่ายหน้าไปมา กัดกรามกรอด ๆ กับเงินที่สูญไปหลักหลายหมื่น
งานไวงานดี แต่ของฟรีไม่มีบนโลก...
คนเป็นเพื่อนอย่างโกมินทร์รู้สึกเสียหน้า ทนไม่ไหวต้องออกตัวส่งเสียงขู่ฟ่อผ่านลำโพงในรถยนต์กลับไป
“ไอ้ป๋อง มึงอย่างกให้มาก เดี๋ยวพ่อส่งหมายศาลยัดใส่ตู้จดหมายหน้าสำนักงานซะเลยนี่ มีอะไรก็พูดมาให้ไว”
เสียงหัวเราะมาตามสาย นักสืบเอกชนคนดีเอ่ยปากขอโทษคุณหมอ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง และไม่ได้มีเจตนาขูดรีดเงินใครเลย เป็นพวกเขาที่คิดไปเองล้วน ๆ
สองคนในรถหัวเราะเจื่อนตาม กระทั่งปลายสายเงียบไปส่งเสียงเครียด ๆ ให้พวกเขาเครียดหนักกว่าเดิม
[ข้อมูลผมยังไม่ชัวร์นะหมอ... ไม่รู้หมอแล็บคนสวยแกท้องหรือเปล่า? มีแค่นี้แหละ ผมไปแอบตามให้อยู่]
คนขับรถเหมือนสติหลุดไปชั่วครู่ พอดีกับช่วงปล่อยสัญญาณไฟจนเพื่อนต้องสะกิดเรียก ‘เฮ้ย... ไฟเขียวแล้วมึง’
ร่างกายของเขารู้สึกชาวาบตามเสียงตึกตักของหัวใจ ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่งรถให้เคลื่อนตัวไปช้า ๆ พร้อมคำถามมากมายแล่นเข้ามาในหัวสมอง
แม่ขวัญจะดีใจไหม? ถ้าแม่ได้อุ้มลูกของเขา... แม่จะเห่อลูกเขามากกว่าลูกของเตชินหรือเปล่า แล้วอาหมวยของเขาอยู่ยังไง... กับลูกสองคนเนี่ยนะ?
ตฤณภพรู้ตัวดีว่าบางครั้งก็ไม่ใช่พี่ชายที่ดีเอาเสียเลย เขาอยากได้ความรักจากแม่ อยากให้พ่อสนใจเขามากกว่าน้องคนสุดท้องจนกลายเป็นแบบนี้ ขณะที่นักสืบคนดีส่งเสียงหวานมาโดยไม่กั๊กข้อมูลเหมือนเคยทำอยู่บ่อย ๆ
[แต่ไม่เห็นผู้ชายคนไหนมารับนะ ตามประสบการณ์ผมบอกได้ว่าคุณหมอแล็บคนสวยน่าจะโสดสนิท คุณเขาไปท้องกับใครกัน เอ้อ... มีเจ้าตัวเล็กด้วยอีกราคานะครับ...]
“ไอ้เหี้ยป๋อง! มึงนี่มันนน!”
โกมินทร์ได้เปิดปากด่าเพื่อนร่วมงานกันแล้วก็คงจะยาว ด้วยความที่เขาต้องกู้หน้าตัวเองกลับมา คุณหมอมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักพอได้ยินเรื่องลูก...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลอดสามเดือน เขารู้จักหล่อนดีในระดับหนึ่งไม่ใช่สาววันไนต์สแตนแท้ ๆ ลากพากลับบ้านมาจากร้านเหล้า ซึ่งเขาก็ยังไม่เคยทำ
เมษาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะนอนกับใครไปทั่ว ตอนแรกคุยกันหล่อนยังเล่นตัวใส่เขาอยู่เล็กน้อย กว่าจะได้พูดคุยกันทุกวันในแบบคนสนิทมากกว่าเพื่อนทางแช็ต
“เอาไงอ่ะ... เพื่อน... ถ้าน้องหมวยมึงท้อง” คนข้างกันถามเสียงอ่อน หน้าตาคร่ำเครียด ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วในรอยยิ้มมีเลศนัยของเพื่อนที่เหยียบคันเร่งแรง มือสะบัดพวงมาลัยรถยนต์ปาดหน้ารถยนต์อีกคันหนึ่ง ซึ่งขับช้ากว่ารถของเขาจนน่ารำคาญ
“นางกล้าเอาลูกหนีกูไป จะให้ทำไงดีล่ะ? แม่กูอยากได้หลานแค่ไหน มึงก็น่าจะรู้”