เพิ่งเข้าตำบลครั้งแรกก็ลืมนั่นลืมนี่จึงเดินกลับไปยังร้านข้าสารอีกรอบ เถ้าแก่เห็นว่าก่อนหน้านางซื้อของเยอะจึงต้อนรับดีกว่าเดิม
"แม่นางน้อย เจ้าลืมซื้อสิ่งใดรึ หากร้านข้ามีย่อมขายให้ราคาย่อมเยาว์"
"เถ้าแก่ ข้าลืมซื้อน้ำตาลเจ้าค่ะ ช้าซื้อของเยอะเกินไป หากลืมน้ำตาลคงแย่ อีกหน่อยพวกเขาคงไม่จ้างข้าเข้าเมืองอีก"
"อ้อ ที่แท้เจ้าก็รับจ้างคนในหมู่บ้านหรอกรึ เอาน้ำตาลอะไรข้าจะจัดหาให้ จะคิดเจ้าถูกลงหน่อยให้เจ้าได้กำไรบ้าง"
"น้ำตาลทรายขาว5ชั่ง น้ำตาลทรายแดง3ชั่ง น้ำตาลกรวด 3ชั่งเจ้าค่ะ"
"น้ำตาลทรายขาวชั่งละ35อีแปะ น้ำตาลทรายแดง25อีแปะน้ำตาลกรวด30อีแปะทั้งหมดเป็น340อีแปะ คิดเจ้า330อีแปะเจ้าจะได้กำไรจากค่าเหนื่อยเอาส่วนต่างไว้นั่งเกวียนกลับบ้าน"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ วันหลังหากมีคนต้องการซื้อของข้าจะมาร้านท่านนะเจ้าคะ เถ้าแก่ท่านรับซื้อของจากข้างนอกหรือไม่เจ้าคะ"
"ต้องดูก่อนว่าเป็นอะไรหากมีก็นำมาขายได้ ข้าแซ่เหลียงชื่อเว่ยอู่"
"ข้าแซ่ซ่งชื่อจื่อหรูเจ้าค่ะ ข้าอยู่หมู่บ้านหลี่ซาน"
"อ้อ หลี่ซ่งเหวินที่ทำงานอยู่ที่ว่าการมักมาซื้อของข้าไปขายบ่อยๆ พวกเจ้ามาจากที่หมู่บ้านเดียวกัน"
"ใช่เจ้าค่ะ เขาเป็นท่านลุงของข้า"
"ที่แท้ก็คนคุ้นเคย ดีๆเจ้าค่อยๆเดิน ระวังถุงเงินด้วยล่ะ ในตำบลมีทั้งคนดีและคนร้าย"
ซ่งจื่อหรูบอกลาเถ้าแก่เหลียงจากนั้นก็ออกจากตำบลกลับหมู่บ้านหลี่ซาน นางไม่รู้ตัวเลยว่าวันรุ่งขึ้นนางเป็นคนทำให้ทั้งตำบลวุ่นวายเพราะแย่งชิงผ้าเช็ดหน้าลายใหม่ และแถวที่ยาวเหยียดแทบจะตีกันตายเพื่อรอซื้อเครื่องในหมูพะโล้ จนแถวยาวถึงประตูป้อมทีเดียว
ซ่งจื่อหรูเดินมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำซานเหอปากทางเข้าหมู่บ้านก็เลี้ยวซ้ายเลาะริมฝั่งไปเกือบหนึ่งลี้ ก่อนจะเจอลำธารที่ไหลจากทะเลสาปซานซีลงสู่แม่น้ำซานเหอ ลำธารนี้คือลำธารที่อยู่ข้างหลังบ้านของนางเดินเท้าอีก2ลี้ก็ถึงหลังบ้าน เส้นทางนี้ไม่ต้องผ่านหมู่บ้าน ไม่ต้องเจอสายตาผู้คน โดยเฉพาะคนบ้านใหญ่ระหว่างทางเจอเห็ดหูหนูขาวสามดอกที่แห้งติดกับตอไม้จึงเก็บกลับมา เห็ดหนูขาวสามารถบำรุงปอด ช่วยเรื่องไอแห้งขับเสมหะเหมาะกับอาสะใภ้ฮั่วยิ่งนัก อีกทั้งนางรู้มาว่าท่านปู่ใหญ่เป็นโรคนอนไม่หลับนับว่าได้ของดีพอควร ซ่งจื่อหรูหาพุ่มไม้ลับตาคนแล้วหยิบหมั่นโถว เนื้อหมู มันหมู ไก่สองตัว และข้าวสารออกมา รวมถึงเสื้อผ้าน้องๆอย่างละชุด และผ้าขาวหนึ่งพับ ดูให้พอเหมาะกับเงินที่ตนเองยืมฮั่วเฟยหรงไป จากนั้นก็ตะโกนเรียกน้องๆ
"จื่อเย่ว จื่อห่าวพี่กลับมาแล้ว"
ตึงๆๆๆๆๆ ขาสั้นๆป้อมๆของสองพี่น้องรีบวิ่งมาตามเสียงเรียก ฮั่วเฟยหรงเดินตามออกมา
"ไหนเจ้าว่าจะนั่งเกวียนวัวกลับมา แล้วเหตุใดมาทางนี้กัน ลุยน้ำกลับมาหากถูกหินบาดจะทำอย่างไร"ฮั่วเฟยหรงดุนาง
"ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าเดินสบายๆพี่อย่าลืมสิข้าสามารถแบกของที่หนักกว่าตัวเองได้ถึงห้าเท่า"ซ่งจื่อหรูยิ้มให้เขา
"แต่เจ้าก็ควรถนอมตนเอง อย่าลืมว่าเจ้าเพิ่งจะหายดี"
"รู้แล้วๆ ท่านบ่นยังกับยายแก่แถวอารามชีเลย"
"พี่หรงพูดถูก พี่ใหญ่คราวหลังอย่าแบกอะไรหนักๆอีกอีกนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นก็พาข้าไปด้วย ข้าแบกไหวอยู่แล้ว"ซ่งจื่อเย่วเห็นพี่สาวยกของมาก็เป็นห่วง
"อืม จื่อเย่วของพี่เก่งที่สุด จื่อห่าวก็ฉลาดที่สุด เอาล่ะ พี่ไปทำอาหารก่อนเดี๋ยวชาวบ้านก็มากันแล้ว พี่ซื้อซาลาเปามาด้วยมีแค่9ลูก พวกเรา3ลูกบ้านพี่เฟยหรง4ลูกให้ปู่เก้า2ลูก รีบกินเถอะ พี่หรงท่านต้องรับไปด้วยห้ามปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นคราวหน้าคราวหลังคงไม่กล้ารบกวนท่านแล้ว"
"เหตุใดจึงไม่รับล่ะ เจ้าไปนานขนาดนี้ข้าก็หิวเป็น เอาล่ะจื่อเย่วกับจื่อห่าวไปเล่นบ้านข้าดีกว่าจะได้ไม่เกะกะเวลาผู้ใหญ่ทำงาน"
"อย่าเลยใอาสะใภ้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงให้อยู่ที่นี่แหละ แม้ว่ายังเด็กแต่ก็ต้องหัดเรียนรู้ อนาคตไม่แน่นอนดูท่านพ่อท่านแม่ข้าสิ จากไปกระทันหันข้าแทบตั้งตัวไม่ทัน ถึงจะยังเด็กแต่พวกเขาก็ควรที่จะรู้จักเอาตัวรอดลำบากวันนี้สบายหน้ายังดีกว่า สบายวันนี้ลำบากยามไร้เรี่ยวแรง"
ฮั่วเฟยหรงจึงไม่พูดอีก ก่อนจะโบกมือลาแล้วสาวเท้ากลับบ้านตนเอง
เมื่อคืนหลังจากตื่นมาซ่งจื่อหรูรู้สึกว่าตัวเองกระปรี้กระเปร่า สายตาที่ฟ้าฟางจากอาการตาบอดกลางคืนก็ดีขึ้น น่าจะมาจากน้ำในลำธารที่อยู่ในมิติ ก่อนไปตำบลจึงนำน้ำเต้าไปกรอกไว้ เพื่อให้น้องๆดื่ม เด็กทั้งสองรู้งาน ซ่งจื่อหรูนำไก่มาหมักเกลือใส่น้ำตาลนิดหน่อย จากนั้นก็ถอนต้นหอมชายรั้วมายัดใส่ท้องไก่พร้อมกับขิงทุบพอแหลก นำเห็ดหูหนูขาวแช่น้ำเอาไว้ เปลือกเกาลัดแห้งดีแล้วนำมาจุดไฟได้ ปนกับลูกสนแห้งกลิ่นหอมลอยมา ขาวบ้านมากันแล้ว ได้กลิ่นหอมจึงถามว่านางทำอะไร ซ่งจื่อหรูบอกว่าแค่ลูกสนแห้งนำมาใช้แทนฟืน
"ท่านปู่ใหญ่ เหตุใดวันนี้คนมากนักเจ้าคะ"
"พวกเขาอยากช่วยงานให้เสร็จโดยไวอยากให้เจ้าพาไปขุดมันเทศน่ะ มากันสามหมู่บ้านเพื่อช่วยเจ้า" หลี่ฝูเหยาเอ่ยบอก
"แม่หนูน้อย เจ้าคงไม่รู้ว่าสองวันก่อนหมู่บ้านไป๋ซานของข้ามีเด็กตายเพราะบ้านยากจน ไม่มีอาหารกินมาเกือบสิบวันแล้ว"
"หมู่บ้านเถาซานข้าก็เช่นกัน ข้าเองก็ไม่อาจช่วยได้ ลำพังครอบครัวตนเองยังเอาไม่รอด"
"เอาล่ะ ช่วยกันเถอะจะได้เสร็จไวๆ ใครทำรั้วก็ทำไป ผู้หญิงมีหน้าที่ดายหญ้าก็ดายไป เสร็จเร็ว วันนี้พรุ่งนี้จะได้ขึ้นเขาปากท้องรอไม่ได้" หลี่ฝูเหยาเห็นว่าสายแล้วเดี๋ยวจะร้อนจึงรีบแจกจ่ายงาน
ทุกคนรับปากหลี่ฝูเหยา ไป๋เมิ่งซาน หวังไค่ซุน ผู้นำสามหมู่บ้านสั่งงานลูกบ้านของพวกเขา ชาวบ้านเกือบสี่สิบคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่เว้นแม่แต่จื่อเย่ว กับจื่อห่าว ที่ประตูมีสตรีสองคนมาโวยวาย เพื่อตามหาสองพี่น้องสกุลหวังนางคือสะใภ้รองและสะใภ้สามของสกุลหวัง
"ท่านผู้นำ ท่านช่วยข้าด้วยหวังหมาจื่อกับหวังโกวจื่อหายไปสองวันแล้วเจ้าค่ะ"สตรีสองคนโวยวายทันทีที่เข้ารั้วมา
"จะหายไปไหน นี่สะใภ้หวังสามีเจ้าสองคนมิใช่ว่าไปเหลวไหลที่ไหนหรอกนะวันๆเมาแอ๋งานการไม่ทำ นี่พวกเรากำลังทำงานอยู่ อย่ามาถ่วงเวลางาน เจ้าไม่อยากมีกินแต่พวกข้าอยาก" ชาวบ้านเถาซานรังเกียจบ้านสกุลหวังจริงๆ
"สามีข้าไม่กลับบ้านใครจะมีจิตใจมาห่วงกินกัน"
"น้องสะใภ้รอง น้องสามหายไป แล้วเจ้ามาโวยวายที่นี่ทำไมกัน" หวังซื่อที่เพิ่งมาถึงก็ถามน้องสะใภ้ของนางทันที
"เอ๊ะหวังซื่อนี่ ปกติทำตัวเกรียจคร้านเหตุใดวันนี้มาได้"
"ยายปีศาจเฒ่านั่นคงใช้ให้นางมา ข้าว่าคงมาหาทางขโมยของอีกตามเคย ช่วยกันสอดส่องเล่าอย่าให้หยิบอะไรของนังหนูไปได้เชียว"
ชาวบ้านทุกคนขานรับ แต่ทั้งสามไม่สนใจสองคนร้องห่มร้องไห้ อีกคนก็ยังคงวางท่า
"มีคนบอกว่าเขาสองคนถูกเด็กที่ชื่อซ่งจื่อหรูยั่วยวนและนัดแนะให้มาพบที่หมู่บ้านหลี่ซาน ข้าจึงตามมาถามหาคนสกุลหลี่ก็รู้ว่าอยู่ที่นี่"
"ข้าวอาจกินส่งเดชได้ แต่คำพูดจะพูดส่งเดชไม่ได้เจ้าว่านางล่อลวงพวกเขามา พวกเขารู้จักกันได้อย่างไร"หวังซื่อที่ได้ยินเอ่ยขึ้นตอนนี้ในตานางมีแววอาฆาตมากมาย แต่ไม่รู้ว่าอาฆาตผู้ใด
"นั่นนะสิครั้งนี้ข้าว่าพี่สะใภ้ใหญ่พูดถูก นางเป็นพี่สาวของสองคนนั้นแม้ เหตุใดพวกเขาไม่มาหาพี่สะใภ้แต่กลับมาหานังเด็กนี่"
เสียงแทรกนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นหลี่อ้ายเสิ่น ตามมาและพูดเจาะจงให้คนเข้าใจผิด ว่าซ่งจื่อหรูนัดแนะหวังหม่าจื่อกับหวังโกวจื่อ