ซ่งจื่อหรูเอ่ยลาเพื่อนสนิทหูเจียวเจียวคว้าข้อมือนางแกว่งไปมาอย่างแง่งอนจนถูกป้าหูดุจึงยอมปล่อยมือซ่งจื่อหรู เมื่อมาถึงบ้านก็เห็นจิงอี้กลับมาแล้ว
"พี่จิงอี้ได้ของครบหรือไม่เจ้าคะ"
"ได้ครบ มีชุดไฟสิบชุดเสื้อบุนวมสามตัว อ้อข้าไปซื้อสมุนไพรไล่แมลงมานะเผื่อไว้ก่อน จริงสิพี่ชายข้าไม่รู้ไปไหน ทำไมข้ายังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่ไปส่งสำรับตอนเช้าที่บ้านท่านปู่ของท่าน"จิงอี้บ่นอุบอิบ
"พี่จิงอี้ท่านรอบคอบนัก ส่วนพี่จิงเสวียนไปช่วยงานท่านปู่ข้าน่ะ พอดีเดี๋ยวจะมีคนมารับไก่ที่ขาย พี่ใหญ่กับพี่รองไม่อยู่ไปสำนักศึกษาแล้ว พี่จิงเสวียนจึงช่วยคำนวนให้ว่าตรงกันหรือเปล่า"
จิวอี้พยักหน้าก่อนจะหยิบกล่องขนมส่งให้ซ่งจื่อหรูแล้วทำท่าทีเขินอาย
"เอ่อแม่นางซ่ง ข้ากินของๆเจ้าทุกวันเลยข้าเกรงใจนี่ขนมข้า ๆซื้อมาฝาก"
ซ่งจื่อหรูหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขา จากนั้นก็ไปดูอาการฮั่วหรานในห้อง เด็กสองคนเช็ดหน้าเช็ดตาให้นางอยู่ ซ่งจื่อห่าวนั่งอ่านตำราอยู่ข้างๆ
"พอแล้วๆ แม่ดีขึ้นแล้วละเซียนเอ๋อร์ ขอบใจเจ้าด้วยนะอาเย่ว"
"ท่านอาสะใภ้เห็นท่านป่วยแบบนี้จื่อเย่วปวดใจมากๆเจ้าค่ะ จื่อเย่วกินข้าวไม่ได้เลย"
" ใช่เจ้าค่ะท่านแม่พี่จื่อเย่วพูดถูก พวกเราทุกข์ใจจริงๆเจ้าค่ะ ขนาดเกี๊ยวเมื่อเช้าอร่อยมากแต่ข้ากับพี่จื่อเย่วกินได้แค่คนละสิบตัวเท่านั่น ซาลาเปาก็กินได้แค่คนละสามลูก เพราะห่วงท่านแม่เลยกินไม่ค่อยลงเจ้าค่ะ"
ซ่งจื่อหรูถึงกับมองบน นี่ขนาดพวกเจ้ากินไม่ลงนะ เจ้าแมวลายจอมตะกละเอ๊ย ก่อนจะทักทายฮั่วหราน
" อาสะใภ้ วันนี้อาการท่านเป็นเช่นใดบ้างเจ้าคะ วันนี้ข้าจะขึ้นเขาเทียนซานไปเก็บหญ้าเหมันต์ ข้ากะว่าจะไปสามวันเจ้าค่ะ แต่หากหาเจอง่ายก็อาจใช้เวลาไม่นาน"
ฮั่วหรานใช้มือลูบปอยผมให้นางอย่างเบามือก่อนจะเอ่ย
" รออีกสักสามสี่วันไม่ดีกว่าหรือ คืนเดือนหงายพระจันทร์จะได้สว่างอีกหน่อย "
"หญ้าเหมันต์ จะเรืองแสงส่องสว่างตอนกลางคืนหากพระจันทร์สว่างเกินไปจะหายากเจ้าค่ะ แม้ว่ามันจะมีความหนาวเย็นเป็นลักษณะเฉพาะก็ใช่ว่าจะหาเจอง่ายๆ"
ซ่งจื่อหรูบอกกับฮั่วหรานซึ่งนางก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะบอกให้ซ่งจื่อหรูนั่งลง ซ่งจื่อหรูนั่งลงอย่างว่าง่าย ฮั่วหรานทำผมให้นาง เกล้าผมขึ้นใช้กว้านแกะสลักจากไม้ครอบมวยผมให้นาง แม้จะแต่กายเช่นบุรุษก็ไม่อาจบดบังความงามเดิมได้
ซ่งจื่อหรูหันมาขอบคุณเบาๆฮั่วหรานดึงนางเจ้ามากอดในใจรู้สึกว่าตนเองยอมรับเพียงเด็กคนนี้เท่านี้เท่านั้น เหตุใดก็ไม่รู้ซ่งจื่อหรูเองก็รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่กับฮั่วหรานเหมือนกับว่าคุ้นเคยกันมานานมาก เสียงจิงอี้คุยกับจิงเสวียนด้านนอก ซ่งจื่อหรูจึงผละจากอ้อมอกฮั่วหรานแล้วเดินออกมา
"พี่จิงเสวียนได้เวลาแล้ว พี่จิงอี้เตรียมตัวเถอะ นี่ยามเซินยังพอมีแสงกว่าจะตะวันตกดิน หมอเมิ่งมาพวกเราจะได้ไปเลย"
จิงอี้พยักหน้าก่อนจะไปเก็บของ ตั้งแต่ท่านอ๋องจากไป ซ่งจื่อหรูก็แบ่งห้องให้พวกเขานอน ไม่ต้องนอนบนยอดไม้เช่นที่แล้วมา ทางด้านซ่งจื่อหรูคุยกับจิงเสวียนกำชับเรื่องยาของฮั่วหรานเวลาที่นางไม่อยู่
"พี่จิงเสวียน ท่านจำที่ข้ากำชับได้ทุกอย่างใช่หรือไม่"
"แม่นางซ่ง แน่ใจจริงๆหรือ เรื่องนี้ข้าส่งข่าวแล้ว หากเป็นที่เจ้าคาดการณ์แปลว่าเราทุกคนมีอันตราย"
"บุญคุณความแค้นของพวกท่านเดิมทีข้าไม่อยากเอาตัวไปเกี่ยวข้อง หากคนผู้นั้นไม่มาวุ่นวายกับน้องๆข้าก่อน ข้าจะทำให้เขาเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้"
จิงเสวียนเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยแววอาฆาตของนาง คล้ายกับซื่อจื่อของเขาเสียจริงๆ คนๆนั้นคงไม่รู้ว่ากำลังเจอกับอะไรถึงลงมือกับน้องชายน้องสาวของนาง
จิงอี้เตรียมตัวเสร็จแล้วก็มารอด้านนอกหมอเมิ่งมาถึงแล้ว ทั้งสามคนพากันออกทางหลังบ้านที่เป็นลำธาร เดินข้ามไปก็เป็นตีนเขาเทียนซานแล้ว ซ่งจื่อหรูหันมากำชับจิงเสวียนอีกครั้ง
"พี่จิงเสวียน เรื่องที่ข้าขายหมูและไก่ได้เงินหลายร้อยตำลึง ไม่สามารถปิดบังได้ บางทีท่านอาจต้องรับมือกับคนที่หวังมาปล้นทรัพย์ หรือพวกหน้าด้านที่หวังมาทวงบุญคุณเช่นท่านย่าของข้า ท่านปู่ข้าต้องเข้าตำบลกับปู่ใหญ่บ่อยๆเรื่องสร้างท่าเรือฉะนั้นท่านระวังนางให้ดี ทั้งคนที่จ้องรอจังหวะและคนที่หน้าด้านไร้ยางอาย อาสี่ของข้าไม่อยู่เฉยแน่ๆ อย่าให้จื่อเย่วและจื่อห่าวออกข้างนอกแม้ว่าคนบ้านนั้นจะให้ใครมาตามก็แล้วแต่ รอข้ากลับมาก่อน ส่วนจดหมายของใต้เท้าเซี่ยท่านรีบส่งให้ข้าด้วย ทางนี้รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ"
จิงเสวียนพยักหน้ารับ เขารู้ว่าใกล้ถึงเวลาที่หลี่ต้าเหวินนัดคนของหอนางโลมให้มารับตัวหลานสาวไว้แล้ว เพียงแต่เขายังบาดเจ็บจากการถูกโบยและหลี่ไหลฝูกลับมาพอดีจึงเลื่อนออกไป
ทั้งสามคนขึ้นเขาไปแล้ว ตะวันเริ่มตกดินจิงเสวียนปิดประตูรั้ว ก่อนหน้าซ่งจื่อหรู กับจิงอี้ขึ้นไปกรีดยางไม้มาทำคบเพลิงไว้หลายอัน ตอนนี้ลานบ้านซ่งแทบจะสว่างไม่ต่างจากกลางวันเท่าไหร่ เด็กๆนอนกับฮั่วหราน
จิงเสวียนจึงนอนบนหลังคาบ้านเฝ้ามองการเคลื่อนไหว มีชายฉกรรจ์หลายคนกำลังมาทางบริเวณบ้าน พยายามหาทางบุกเข้ามา
"นี่ ทำไมยังหาทางเข้าไม่ได้อีก ข้าเดินวนหลายรอบแล้วนะ"
"ใช่ หลี่ต้าเหวินบอกบ้านผิดหรือเปล่าสวีลู่ "
"ข้าเจอเจ้านั่นก่อนจะมา ไม่น่าผิดตอนกลางวันก็คือบ้านหลังนี้แน่ๆคุณชายจางคุณชายวั่น"
จิวเสวียนได้ยินก็ยิ้มเหยียดมองดูพวกเขาหลงอยู่ในค่ายกล ครึ่งคืนแล้วยังหาทางออกไม่ได้ จนแล้วจนรอดพยายามเดินสุดท้ายก็เห็นคุณชายเหล่านั้นต่างคนต่างหลงทิศไปยังเขาเทียนซาน
เขาไม่คิดตามไปดู ค่ายกลแม่นางน้อยช่างน่ากลัวนัก หากนางตั้งใจกักขังพวกเขาต่อให้มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศก็ไม่แน่ว่าจะหาทางออกได้
จางอวิ่นตะโกนเรียกหาเหล่าสหายที่มาด้วยกัน แต่ไม่มีใครตอบสุดท้ายเขาตกลงไปในหลุมลึกจนสลบ
อีกสามคนก็ไม่ต่างกัน วั่นทงติดอยู่บนต้นไม้หนีหมูป่า เหล่าคนติดตามต่างหนีปีนขึ้นยอดไม้ ด้านล่างมีเสือเดินวนเวียนอยู่รอบๆรอให้เหยื่อหมดแรงแล้วตกลงมา สวีลู่หล่นลงไปยังแม่น้ำก่อนจะไหลไปตามกระแสน้ำ
บนเขาเทียนซานมีคนสามคนก่อกองไฟอยู่ด้านล่าง จากนั้นซ่งจื่อหรูก็นำเปลผ้าที่นางเย็บเองออกมาผูกบนต้นไม้ก่อนจะนอนในเปล
"เราก่อไฟกันสัตว์ร้ายแต่ควรนอนข้างบนจะได้ป้องกันอันตราย ปกติแล้วสัตว์เองก็กลัวมนุษย์เหมือนกัน เพียงแต่เขาเทียนซานไม่มีผู้คนขึ้นมาจึงไม่มีกลิ่นอายมนุษย์เท่าไหร่ สัตว์ป่าไม่เคยเจอมนุษย์จึงค่อนข้างดุร้ายกว่าปกติยามที่เจอเรา ทำพวกท่านมีวรยุทธ์ปกติคงนอนบนต้นไม้จนชิน ข้าเลยไม่ได้ทำเปลมาเผื่อ ระวังอย่าให้ไฟดับ ฝันดีล่ะเจอกันตอนเช้า"
ซ่งจื่อหรูพูดจบในคราวเดียวก็หลับไป บุรุษสองคนได้แต่มองหน้ากัน เสียงสัตว์ป่าคำราม บางจังหวะมีเสียงหมาป่าหอนมาแต่ไกล
เขาเทียนซานน่ากลัวกว่าเขาชิงลั่วมากนัก เป็นป่าดิบชื้นรกทึบแสงแดดแทบจะส่องไม่ถึง