"วันนี้มึงกลับไง" ติมกระซิบถามระหว่างคาบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
"เหมือนเดิม รถเมล์ ทำไมอะ" ฉันกระซิบกลับ
"กูไปส่งไหมล่ะ วันนี้ตั้วมารับ" ติมกระซิบอีกรอบ ประโยคหลังให้หัวใจของฉันเต้นแรง
"มหา’ลัยพี่ตั้วหยุดเหรอ" ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทั้งที่ตอนนั้นใจฉันสั่นไหวมาก ๆ
"เปล่า มันย้ายมาเรียนนี่" ติมทำหน้าเอือม
"ทำไมอะ" แต่ว่าฉันอยากรู้น่ะสิ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ตั้ว ทำไมเขาย้ายมาที่นี่ล่ะ
"มีเรื่องกับลุงก็เลยย้ายมา เรียนมหาลัยใกล้ ๆ นี่แหละ" ติมเล่า
“อ่อ” ฉันพยักหน้ารับรู้
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะอาจารย์เริ่มสอนแล้ว ต้องห้ามคุยกัน...
ฉันชื่อ อภิญญา ชื่อเล่น ‘ฝ้าย’ อายุ 17 ปี เรียนอยู่มอปลาย ฉันเป็นคนตัวเล็ก กินเยอะนะแต่ทำไมผอมก็ไม่รู้ หลายคนบอกว่าฉันควรจะมีน้ำมีนวลกว่านี้จะได้น่ามอง แต่จะทำไงได้ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน
ฉันมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ ‘ฝัน’ ฝันห่างจากฉัน 2 ปี เราสองคนเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าไหร่ แม้เป็นพี่น้องท้องเดียวกันแต่ก็ไม่สนิทกัน เราเรียนคนละที่ ด้วยความที่ฉันติดเพื่อน ฝันก็ติดเพื่อน การพูดคุยของเราสองคนเลยมีไม่มาก
พ่อแม่ของฉันแยกทางกัน พ่อมีเมียใหม่ มีครอบครัวใหม่ ฉันจึงอาศัยอยู่กับแม่และน้อง ฉันกับน้องต่อให้เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ว่าเราไม่เปิดใจคุยกันเท่าไหร่นัก ต่างคนต่างติดเพื่อน ต่างคนก็เลยต่างใช้ชีวิต
เพื่อนของฉันมีหลายกลุ่ม แต่ที่จะสนิทมากหน่อยก็คือ ‘ติม’ เพราะบ้านเราอยู่ซอยเดียวกัน เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล เรียนที่เดียวกัน ห้องเดียวกัน และบางครั้งติมก็มาค้างบ้านฉัน เพราะเราสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก แม่ฉันไม่ว่าอะไร แม่ของติมก็ไม่ว่าเหมือนกันที่เราชอบมานอนด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ
ขอเล่าก่อนว่าติมมีพี่น้องอีกสองคน นั่นก็คือพี่ตั้ว และแตม
‘พี่ตั้ว’ เป็นพี่ชายคนโตอยู่กับญาติทางพ่อเขาที่ตราด
ส่วนติมกับแตมอยู่กับแม่และพ่อของแตม
มาถึงตรงนี้ก็ต้องขยายความว่าติมและพี่ตั้วเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน ส่วนแตมคือน้องต่างพ่อ นั่นก็คือสามีใหม่ของแม่ติม แม่ติมมีสามีใหม่เพราะพ่อติมเสียชีวิตตั้งแต่ติมตัวเล็ก ๆ
พี่ตั้วเลือกอยู่กับญาติทางพ่อ เนื่องจากพี่ตั้วคุ้นกับทางนั้น ส่วนติมติดแม่ก็เลยมาอยู่ในซอยเดียวกันกับฉัน
เวลาหยุดยาวพี่ตั้วจะมาหาครอบครัวมาค้างที่นี่
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาก็ไม่มีอะไรมาก
เพียงแค่ฉันจะบอกว่าฉันหลงรักพี่ชายของเพื่อน ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เคยรู้ตัวเลย
ฉันชอบเขาตั้งแต่ฉันอยู่ป.3 ตอนนั้นเขาอยู่ม.2 เราห่างกันสี่ปี ตอนนั้นเราเจอกันครั้งแรกเขาก็แค่ส่งยิ้ม แต่ฉันดันเก็บรอยยิ้มนั้นมาฝัน
คือมันเหมือนเด็กใจแตกใช่ไหม
แน่ล่ะ! ไม่ใจแตกได้ไงชอบผู้ชายตั้งแต่ป.3
พอย้อนนึกฉันก็คิดว่าจริงนะ ตอนนั้นฉันคงใจแตกจริง ๆ คนอะไรจะรู้จักรักตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ก๋ากั่นเหลือเกิน พูดให้ใครฟังไม่ได้ด้วยอายเขา
ทว่าช่วงเวลานับแต่นั้นมามันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นเร้าใจมากเลยนะ ฉันโคตรชอบความรู้สึกตอนนั้นเลย
คือเราจะได้เจอกันเฉพาะช่วงปิดเทอม
แล้วฉันแม่งก็รอ ภาวนาให้ปิดเทอมเร็ว ๆ เพราะอยากเจอพี่ตั้ว
ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่ารักครั้งแรกหรือเปล่า ฉันก็ไม่แน่ใจ
แต่ฉันมั่นใจว่าฉันรักเขาและตั้งแต่ฉันรู้ว่าฉันรักเขาในตอนนั้นสายตาของฉันก็ไม่มองใครอีกเลย เฝ้ารอเจอเขามาตลอด แอบมองเขาในมุมมืด ใช้ความเป็นเพื่อนกับติมเพื่อให้ได้พูดคุยกับเขาในบางครั้ง ฉันโคตรชอบพี่ตั้วเลย
เมื่อได้ยินติมบอกว่าเขาจะมาเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่ ฉันก็ยิ่งใจเต้นแรง ฉันดีใจมากเพราะต่อไปเราจะได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้น
"ฝ้าย... ฝ้าย อีฟาย!" เสียงสิบแปดหลอดของหยกดังขึ้นพร้อมแรงสะกิดที่ต้นแขน
"อะไร" ฉันหันไปมองหน้าหยกเพื่อนสาวอีกคนของฉัน นี่ก็บ้านอยู่ซอยเดียวกัน สนิทกันด้วย
"อีติมบอกวันนี้พี่ตั้วมารับ กลับพร้อมอีติมเลยเนอะ" หยกฉีกยิ้มกว้าง
"กลับยังไงหมด เบียดกันตาย แตมอีก" พูดเสียงเรียบพร้อมทำหน้านิ่ง ๆ ฉันอยากกลับอยู่แล้ว อยากเจอหน้าพี่ตั้ว แต่จะกลับยังไงหมดใช่ไหมล่ะ
"อีฟายตัวมึงใหญ่มากรึไง ไม่รู้อะวันนี้กูจะกลับพร้อมอีติมและมึงต้องกลับพร้อมกูด้วย เค๊" หยกมันตัดบทดื้อ ๆ
แล้วคือเรื่องที่ฉันชอบพี่ตั้วยังไม่มีเพื่อนคนไหนรู้นะ ฉันเก็บเป็นความลับไง ลับขั้นสุดยอด ซึ่งอะไรที่มันถูกเก็บไว้นาน ๆ มันก็จะเริ่มอึดอัดใช่ไหมล่ะ
ตอนนี้ฉันจึงเริ่มอึดอัดมาก เริ่มจะทำตัวลำบาก กลัวว่าจะเผยพิรุธ กลัวโดนคนจับได้...
แล้วเวลาเลิกเรียนก็มาถึง
ฉันโคตรจะตื่นเต้นเลย เคยเป็นไหม พอจะเจอคนที่เราแอบชอบมันจะเกิดหลาย ๆ อาการรวมกัน ประหม่า ตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูก บางทีก็พูดไม่ออก ก็เลยต้องทำหน้านิ่งกลบเกลื่อนทุกความรู้สึก
"ช้า" เสียงทุ้มต่ำของพี่ชายเพื่อนดังขึ้น
“จารย์ปล่อยช้า ขี้บ่น...” ติมพูดกับพี่ชายตัวเองแล้วหันมาพูดกับพวกฉัน “ปะขึ้นรถ”
"ไง บายดีนะหยกฝ้าย" พี่ชายเพื่อนส่งรอยยิ้มละมุนมาทักทาย
"สบายดีค่ะ ติมบอกว่าพี่จะย้ายมาเรียนมหาลัยแถวนี้" เป็นหยกที่ถามออกไป
ส่วนฉันทำได้แค่ยิ้มเล็กน้อยแอบเก็บข้อมูล
"ใช่ คงได้เจอกันทุกวัน ปะกลับบ้านกัน" พี่ตั้วตอบ จากนั้นเขาก็ไปนั่งตรงฝั่งคนขับ ฉันนั่งเบาะหลัง ตามด้วยติมและหยก ส่วนเบาะหน้าคือแตมน้องคนเล็กของติม
ตลอดการเดินทางฉันรู้สึกเกร็งมาก เป็นอะไรที่สุดแสนจะตื่นเต้น ตื่นเต้นจนเหงื่อที่มือฉันออก ฉันแทบไม่กล้าจะมองหน้าพี่ตั้ว ฉันกลัวว่าเขาจะรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่
จากนี้ไปฉันแย่แน่เลย ไม่รู้เลยว่าการได้เจอหน้าเขาบ่อย ๆ จะทำให้ฉันหลุดโป๊ะเมื่อไหร่