“คุณก็เหมือนพี่สาวฉัน ไม่เห็นต้องทำตัวห่างเหินนักก็ได้คุณญา”
บุษกรบอกเจ้าของคฤหาสน์รัชชานนท์ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก ถึงแม้เธอจะเป็นคนซื้อคฤหาสน์หลังนี้คืนให้มารดาของอรัญญาเมื่อหลายปีก่อนก็เถอะ แต่ยังไงคฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของอรัญญาไม่ใช่ของเธออยู่ดี
“เอ่อ...” อรัญญาเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้งกับนิสัยแปรปรวนของเจ้านายสาว
“ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” บุษกรตัดบท ส่ายหน้าไปมากับนิสัยขี้เกรงใจของอรัญญา
“เชิญครับ ผมเตรียมรถเอาไว้ให้บอสเรียบร้อยแล้ว”
ฉีเทียนบอกเจ้านายสาวสีหน้าราบเรียบ ไม่สนใจท่าทีกระฟัดกระเฟียด ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ
“ตกลงคุณจะไปกับฉันให้ได้ใช่ไหมเนี่ย”
“ครับ ผมเตรียมรถให้บอสกับคุณญาแล้ว ส่วนผมกับคนอื่นๆ จะตามไปห่างๆ”
ฉีเทียนอธิบายเสียงเข้ม เขาได้รับคำสั่งมาให้คอยดูแลทายาทคนโตของตระกูลเฉินตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง นายใหญ่สั่งอย่างเด็ดขาดว่าห้ามเขาคลาดสายตาจากเจ้านายสาวคนนี้ ยังมีอีกสาเหตุที่เขาถูกส่งมาประกบนายสาวคนนี้ นั่นก็คือเรื่องของมารดาผู้ให้กำเนิด
บุษกรเหลือบมองฉีเทียน เริ่มหัวเสียเล็กน้อยกับนิสัยเอาแต่ใจของเขา ตั้งแต่เล็กจนโตผู้ชายคนนี้ก็อยู่ข้างกายเธอมาตลอด สมแล้วที่บิดาและคุณปู่ไว้ใจที่สุด ตอนเธออายุห้าขวบ บิดาได้พาฉีเทียนมาเป็นพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดดูแลคุ้มครองเธอ
ตลอดยี่สิบปีที่ผู้ชายคนนี้ก็มักตามติดเธอแทบทุกฝีก้าว จู้จี้จุกจิกยิ่งกว่ามารดาเสียอีก ชอบบ่นชอบติตลอดเวลา ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนตามลำพัง
‘เป็นตาแก่ที่น่าเบื่อจริงๆ เลย’
“ไปกันเถอะคุณญา”
อรัญญายิ้มรับคำพูดของผู้เป็นนายสาว สองเท้ารีบก้าวเดินตามไปอย่างเงียบเชียบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นฉีเทียนทะเลาะกับเจ้านายสาว ภายในคฤหาสน์แห่งนี้มีเพียงผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่สามารถหยุดความเอาแต่ใจของทายาทคนโตของตระกูลเฉินได้
เธอไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับหนุ่มหล่อคนนี้มากนัก หมอประจำตัวของเจ้านายสาวเคยเล่าให้เธอฟังว่าฉีเทียนอยู่ข้างกายบุษกรมาเกือบยี่สิบปี เรียกได้ว่าสนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องเสียอีก
‘ผมล่ะไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ คุณฟง เอาใจยากทั้งพ่อทั้งลูกเลยให้ตายสิ ผมไม่แปลกใจเลยที่คุณเหลียนเอาแต่ใจและดื้อรั้นแบบนี้’
ฉีเทียนส่ายหน้าไปมากับนิสัยของบุษกร ตั้งแต่เล็กจนโตเขาต้องคอยรับมือหญิงสาวตลอด นิสัยเอาแต่ใจก็แก้ไม่หายเสียที คุณเฉินฟงคิดยังไงถึงยอมให้ลูกสาวสุดที่รักเดินทางมาเรียนที่เมืองไทย
ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากบุษกรมาเรียนต่อที่เมืองไทย อาจได้พบกับมารดาผู้ให้กำเนิดแท้ๆ แต่ก็ยังยอมตามใจปล่อยให้มาเรียนต่อในประเทศที่ตนเองเกลียด และสาบานว่าจะไม่เหยียบย่างเข้ามาอีกตลอดชีวิต หรือลึกๆ ในใจแล้วคุณเฉินฟงเองก็อยากมาเจอผู้หญิงที่เป็นรักแรกเหมือนกัน
“พวกนายตามไปติดๆ เลยนะ”
ฉีเทียนหันมาสั่งบอดี้การ์ดที่เหลือ เสียงเข้ม ชายหนุ่มมองวอเตอร์ คริส ยามาบุสะ และจงเจี้ยน รีบเดินตามเจ้านายสาวไปอย่างรีบร้อน บอดี้การ์ดทั้งสี่ของบุษกรถูกเลือกมาเป็นอย่างดี เพราะแต่ละคนเรียนจบมาคนละด้าน เรียกได้ว่าข้างกายหญิงสาวมีแต่บุคลากรชั้นเลิศอยู่ทั้งนั้น
นี่ยังไม่นับรวมอรัญญาที่เรียนจบบริหารคอมธุรกิจด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังของปารีส และโรสิตาซึ่งเป็นหมอประจำตัวของบุษกรคนล่าสุด ซึ่งเขาเป็นคนฉุดหมอโรสิตามาเองกับมือ
หลังจากเกิดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่ศัตรูของท่านเฉินบุกถล่มรถคันที่บุษกรนั่งอยู่ จึงทำให้หมอประจำตัวคนเก่าเสียชีวิต ตอนนั้นเองที่โรสิตาขับรถออกมาจากโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุในครั้งนั้น
/////////////////
สามชั่วโมงต่อมา
บุษกรกับอรัญญาก็มายืนอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเมืองไทย พลางเหลือบมองไปทางด้านหลังก็พบกับชายชุดดำอยู่สี่คน ห่างออกไปอีกนิดหน่อยก็เจอพี่เลี้ยงหน้ายักษ์กับคุณหมอประจำตัวคนสวย กำลังทำสงครามประสาทกันอยู่ หญิงสาวรู้ดีว่าเพราะเหตุใดคุณหมอคนสวยถึงได้เกลียดพี่เลี้ยงหนุ่มของเธอนัก หากไม่เพราะเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน เธอคิดว่าคุณหมอสาวผู้นี้คงมีอนาคตไกล และแต่งงานกับทายาทโรงพยาบาลที่ทำงานไปแล้ว
“มองอะไรอยู่หรือคะคุณใบบัว”
อรัญญาชะงักเท้า เอียงกายเล็กน้อย หันไปมองจุดที่เจ้านายสาวสนใจ
“ตามมาจริงๆ ด้วย”
บุษกรตอบ ใบหน้างามเบ้ขึ้นเมื่อเห็นฉีเทียนกับโรสิตาก้าวเท้าเดินตรงมาทางเธอ
หากแต่ทั้งสองไม่ได้หยุด เพียงแต่เหลือบมองเธอเล็กน้อย จากนั้นก็เดินผ่านไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน
อรัญญาเพียงแต่ยิ้มกับอาการไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นนาย ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าพี่เลี้ยงหนุ่มคนนี้ทั้งรักและเป็นห่วงบุษกรมาก แต่ยิ่งห่วงมากก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่ถูกเป็นห่วงมากตามไปด้วย
“ไปกันเถอะค่ะคุณใบบัว โปรแกรมวันนี้มีอะไรบ้าง”
“อันดับแรกก็ไปหาอะไรทานกันก่อน จากนั้นก็ไปร้านหนังสือ และไปเอาเสื้อผ้าที่ร้านคุณมินนี่”
หญิงสาวหันมาบอกคนข้างกายด้วยรอยยิ้ม ถึงไม่ชอบใจฉีเทียนเธอก็ไม่ควรเอาความโกรธมาลงที่อรัญญา
“มีร้านอาหารอะไรแนะนำบ้างไหมคุณญา”
“คุณใบบัวอยากทานอะไรล่ะคะ ที่นี่มีร้านอาหารเยอะแยะเลย มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน หรืออาหารไทย” อรัญญาถาม
“อาหารไทยก็แล้วกัน อาหารจีนกับญี่ปุ่นฉันทานจนเอียนแล้ว เปลี่ยนเป็นอาหารไทยบ้างก็ดีเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปชั้นสามค่ะ มีร้านอาหารไทยอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง ฉันเคยมาทานกับคุณโรสแล้วหลายครั้ง”
“โอเค งั้นไปกันเลย”
บุษกรบอก สองเท้ารีบก้าวเดินตามอรัญญาไป เพียงแค่เธอขยับสี่หนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบเดินตามทันทีเช่นกัน
‘อยากตามก็ตามไป แต่ถ้าเข้ามายุ่งกับวันหยุดของฉันมีเรื่องแน่’
/////////////////
10 นาทีต่อมา
ฉีเทียนก็เห็นเจ้านายสาวเดินเข้ามาภายในร้านอาหารที่เขากับโรสิตานั่งอยู่ ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่หญิงสาวบอกจะเป็นความจริง อรัญญาต้องพาบุษกรมาทานอาหารไทยอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นจริงเสียด้วย
“คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณญาต้องพาบอสมาทานอาหารที่ร้านนี้”
“ความรู้สึกของผู้หญิง”
โรสิตาตอบเสียงแข็ง ไม่ได้สนใจมองชายหนุ่มตรงหน้า เธอไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับเขาสักนิด ผ่านมาสี่ปีแล้วเธอก็ยังเกลียดและไม่คิดให้อภัยในอุบัติเหตุครั้งนั้น
“เวลาคุยกับผม ช่วยหันหน้ามามองกันหน่อยไม่ได้หรือไงโรส”
ฉีเทียนตำหนิคุณหมอสาว พูดกับเขาแต่ไม่หันมามองหน้ากัน จงเกลียดจงชังอะไรเขานักหนา เรื่องก็ผ่านมานมนานยังไม่ยกโทษให้เขาอีก
โรสิตาตวัดสายตามามองฉีเทียน ริมฝีปากขบเม้มอย่างขุ่นเคือง แค่คุยยังไม่อยากคุย หน้าก็ไม่อยากเห็น ยังมาถามอีกว่าเพราะอะไร ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าทำให้คนอื่นเขาหมดอนาคตที่แสนงดงามในทางการแพทย์
“เราเป็นแฟนกันนะครับ ทำหน้าให้มันดีหน่อย”
“ก็แค่การแสดงเท่านั้น ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้”
“ถึงจะเป็นการแสดง คุณก็ควรทำให้มันสมจริงสมจังหน่อย ทำหน้าบูดตลอดแบบนี้ แล้วใครมันจะเชื่อว่าคุณกับผมเป็นแฟนกัน” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ดวงตาคู่คมจ้องมองดวงหน้าเรียวเล็กอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรหล่อนไม่ได้เช่นกัน
โรสิตาทำหน้าหงิก เหลือบมองศัตรูตัวร้ายที่ทำลายอนาคตในการงานด้วยความไม่พอใจ ก่อนหันหน้าไปมองเจ้านายสาวที่กำลังเดินเข้ามาภายในร้านพร้อมกับอรัญญา
///////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...